หอมเอยเจ้าดอกลั่นทม กลิ่นลอยตามลมพร่างพรหมจิต กลิ่นเจ้าแนบเนาใกล้ชิด ส่งกลิ่นนฤมิตจรุงใจ. กลิ่นลั่นทมจากเมรุกลางเมือง น้ำตานองเนืองหลั่งรินไหล โหยหาไขว่คว้าด้วยอาลัย ทุกข์ทนหมองไหม้ตรอมตรม คืนวันผ่านเวลาคว้าหวัง ทุกข์ยังหมองใจไห้ห่ม เมืองวุ่นขุ่นเหงาเศร้าซม แบกทุกข์ระทมท่วมเมรุ จาก กุโบร์ แดนไกล กลิ่นลั่นทมหวนไห้มิว่างเว้น หลุมใดใครเล่าเช้ายันเย็น ข้ามตะวันมิได้เห็นแทบขาดใจ กลีบร่วงลั่นทมถม มัยยิต หวั่นจิตนึกพรั่นหวั่นไหว ใจเหงาเศร้ากล่อมเมื่อลมไกว อุ่นใดจะโอบกอดกลางเดียวดาย ในเงามืดซ่อนหมองหม่น ความชั่วร่องหนลับเลือนหาย โปรยทุกข์คุกรุ่นฟุ้งกระจาย แผ่ซ่านวุ่นวายบนพื้นดิน หวังอุ่นลั่นทมห่อห่มหนาว ทุกข์ทนเจ็บร้าวจงสร่างสิ้น จากเมรุถึงกุโบร์ใจโผบิน ฝากลั่นทมกล่อมแผ่นดินถิ่นไกล.
29 พฤษภาคม 2550 10:23 น. - comment id 702932
จะกุโบร์..หรือเมรุ จะพุทธ..หรือมุสลิม สุดท้ายก็จบลงที่เดียวกัน ถึงจะเรียกขานต่างกัน และต่างพิธีกรรมก็ตาม.. ฝัง..หรือเผา..เราต่างก็ตายครับ... รักกันไว้เถิด... เราเกิดร่วมแดนไทย.. ร่วมส่งใจดับไฟใต้ด้วยคนครับ..
30 พฤษภาคม 2550 09:38 น. - comment id 703421
ไม่รู้จะต้องห้ำหั่นกันทำไม หรือว่าจะชิงพื้นที่ เพื่อจับจองทำกุโบร์,สุสาน ตอนนี้อัลมิตราไม่ได้เรียนภาษาอรับสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ถกเถียงเรื่องของไฟใต้ จนหมดอารมณ์เรียน เฮ้อ
30 พฤษภาคม 2550 10:05 น. - comment id 703433
ไม่มีใครหนีพ้นความตายได้ มันคือสัจธรรมค่ะ
2 มิถุนายน 2550 14:48 น. - comment id 704550
จากเมรุถึงกุโบร์โซทั้งคู่ จะไปดูตรงไหนคงไม่ต่าง จากเมืองกรุงหรือเมืองนอกช้ำชอกตาม พยายามปรองดองล้วนผองไทย
5 มิถุนายน 2550 14:01 น. - comment id 705740
ตามสุสานของมุสลิมมักมีต้นลั่นทมปลูกอยู่เช่นเดียวกับที่วัดไทยพุทธก็เช่นกัน กลิ่นของลั่นทมได้ความรู้สึกที่แตกต่าง แต่โดยส่วนตัวแล้วกลิ่นของลันทมนั้นหอมรุนแรงและให้ความรู้สึกเหงาวังเวงอย่างบอกไม่ถูกครับ ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้นของทุกฝ่ายนับวันจะรุนแรงยิ่งขึ้น ..สมมุติว่าคนเราเป็นต้นไม้ได้ก็คงจะมีแต่กลิ่นหอมไม่ว่าจะเกิดที่แผ่นดินใด.... ขอบคุณทุกท่านมากครับ