Chapter I แองเจอริก้า แมททิวสัน ห้วงธาราสุดท้ายในความทรงจำ เด็กชายมองลอดผ่านหน้าต่างเบื้องหน้าอย่างใจลอย ขณะที่ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยไอหมอกแห่งความหนาวเย็น ท้องฟ้าสีหม่นเช่นนี้ทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพความทรงจำหวนกลับมาเด่นชัดในมโนคติอีกครั้ง ตรอกแคบที่ชื้นแฉะ หนูส่งเสียงร้องกันระงม ร่างของเด็กน้อยวัยสามขวบ นั่งตัวสั่นเทาภายในตรอกที่ชื้นแฉะ ในหัวเฝ้าแต่ภาวนาว่า ขอให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้านและมีเตียงนุ่มๆที่เชิญชวนให้ขึ้นไปขดตัวอยู่อย่างสบายอารมณ์ บ้านเล็กๆที่มีครอบครัวปกติเหมือนเด็กคนอื่น แต่ราวกับเสียงที่เด็กน้อยเฝ้าภาวนาเป็นเพียงแค่ เสียงที่ไม่ได้ยิน คำภาวนายังคงไม่ได้รับการตอบสนอง อีกนานแค่ไหนกันที่เด็กอย่างเค้าจะได้มีครอบครัวที่ใฝ่ฝัน ไออุ่นที่เฝ้าโหยหา ความรักที่เด็กคนนึงต้องการ เมื่อไหร่เขาจะมีโอกาสได้สัมผัส เด็กน้อยเอ่ยด้วยอาการสั่นเทาว่า ฮือ.กุนป้อ กุนแม่ ป๋มกลัว ป๋มหนาว ช่วยด้วย ได้โปรด ฮึก.ฮึกเด็กน้อยร้องเรียกหาพ่อแม่ผู้ที่เขาไม่เคยมี บุคคลที่ไร้ตัวตนทั้งสอง ผู้ที่เด็กน้อยเฝ้าคิดถึงเสมอมา มันเป็นความฝันเล็กๆที่เด็กน้อยคนหนึ่งต้องการ มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพื่อยืดเวลาแห่งการรอคอยของตนให้ยาวนานขึ้น เด็กน้อยคอยหาเศษอาหาร หรือ อาหารที่พอจะหาได้จากคนที่ผ่านมาประทังชีวิตไปวันๆ ตลอดเวลาที่เขาหลบหนีออกจากสถานที่ๆไม่ต่างจากขุมนรก ที่นั่นทุกๆวันเด็กน้อยต้องถูกเข็มที่มีสารสารพัดสีทิ่มแทงนับสิบครั้งต่อวัน สารแปลกปลอมที่พุ่งเข้าสู่เส้นเลือดทำให้เขารู้สึก ราวร่างกายจะถูกฉีกขาดในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ทุกๆวันเขาเฝ้ามองดูผู้คนในชุดขาวสะอาดผ่านกระจกใส เดินผ่านมาอย่างขวักไขว่ ทุกคนจ้องมองเขาด้วยสายตาพินิจ ในมือมีกระดาษและปากกาดวงตาของคนเหล่านั้นช่างน่ากลัว เด็กน้อยไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้อีก จึงหนีออกมาขณะที่คนพวกนั้นจะพาตัวเขาไปยังห้อง ที่เต็มไปด้วยโหลแก้วขนาดใหญ่และมีอะไรบางอย่างลอยอยู่ สิ่งมีชีวิตในหลอดทำได้แค่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในหลอดโดยมีสายโยงระยางตลอดเวลา เขาเกรียดหลอดแก้วพวกนี้ เขาเกรียดดวงตาที่มองไม่เห็นภายในห้องนั้นที่คอยจับจ้องด้วยความเจ็บปวด ทุกครั้งที่เข้าไปในห้องนั้นจะต้องได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังอยู่ในโสตประสาท นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขา ฉีกพวกนั้นเป็นชิ้นๆแล้วหนีออกมา ภาพเด็กชายทรุดนั่งกับพื้นที่มีธารน้ำสีเลือดรายล้อมอยู่ กระแสไฟฟ้ารอบกายถูกดูดมารวมกันเป็นวงกลมปกคลุมร่างของเด็กน้อยอย่างมิดชิดด้วยม่านสีใสโปร่ง เด็กชายจ้องมองเศษซากมนุษย์ที่กระจายเกลื่อนพื้น รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กชายที่เปื้อนเปราะด้วยเลือดสีแดงฉาน ดวงตาสีม่วงขลับจ้องมองอย่างเฉยชาไปยังเศษเนื้อตรงหน้า นั่นเป็นภาพที่ยังคง่ด่นชัดทุกครั้งที่เด็กน้อยประทังชีวิตอยู่ในตรอกแคบๆ ที่มีกลิ่นเน่าเหม็นอบอวลไปทั่วพื้นที่ ภาพคนในชุดขาวที่เขากลัวเกรงยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอดยาวหลับ แต่แล้วขณะที่เด็กชายปล่อยความคิดไหลวนในหัว ปรากฏเงาสีดำทะมึนบดบังแสงในตรอกให้น้อยลงจนแทบดำมืด ชายร่างสูงกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยน แบบที่เด็กชายไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนว่า เจ้าหนู ไปอยู่บ้านฉันไหม ที่นั่นเธอจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ ฉันมาดูเธอหลายวันแล้วเผื่อจะมีผู้ปกครองมารับ แต่เธอกลับไม่มีใครมา ถ้าไงไปอยู่บ้านฉันไหมล่ะเขากล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ พลางยื่นฝ่ามือที่ใหญ่พอที่จะเป็นที่พึ่งมาตรงหน้า ช่วงเวลานั้นเองเด็กชายคิดว่าถ้อยคำที่คอยเฝ้าภาวนาสำฤทธิ์ผล แล้ว เด็กชายยื่นมือที่เปรอะเปื้อนไปจับฝ่ามือที่ยื่นมาอย่างสั่นเทา นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่เขาหวังมาตลอดคนที่จะมาเป็นครอบครัว คนที่จะคอยมาอยู่เคียงข้าง ช่วงเวลาผ่าไปอย่างแสนสุข เสียงหัวเราะและบทเพลงที่ผู้เป็นพ่อยังคงดีดให้ลูกชายวัยสามขวบฟังยังคงดังก้องภายในบ้านเล็กๆที่แสนอบอุ่น เด็กน้อยไม่เหลือคราบชีวิตสีเลือดอยู่บนใบหน้าอีกแล้ว ชายตรงหน้าที่เสนอตัวเข้ามาในยามคับขัน ค่อยๆรักษาแผลใจที่มีอยู่ให้เลือนหายไปช้าๆ เขาถูกชายตรงหน้าตั้งชื่อที่ไพเราะที่สุดสำหรับเข้าว่า ต่อไปเธอจะเป็นลูกของฉันชื่อว่า อ่า. แองเจอลิก้า แมททิวสัน เป็นชื่อที่ดีใช่ไหมล่ะ ต่อไปนี้ฉันจะเป็นพ่อของเธอนะ ลูกแมทคำพูดท้ายประโยคทำให้เด็กชายตัวน้อยโผเข้ากอดชายตรงหน้าพร้อมร้องไห้อย่างไม่อดกลั้น มันเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ ชื่อที่ผู้เป็นพ่อตั้งให้ ตลอดระยะเวลาสามปีที่อยู่ในสถานที่อเวจีแห่งนั้นเขาถูกเรียกว่า อดัม นัมเบอร์วัน เป็นชื่อที่ฟังดูกระด้าง และเป็นชื่อที่คนพวกนั้นไม่ได้ใช้ แต่พวกมันกลับเรียกเขาว่า ไอ้เด็กปีศาจ มากกว่าจะเรียกว่าอดัม เขาเกรียดชื่อนั้นเขาเกรียดทุกอย่างที่นั่น แต่ตั้งแต่วันนี้ไปเขาคือ แองเจอริก้า แมททิวสัน ชื่ออดัมและบุคคลในชุดขาวจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่แล้วทุกอย่างไม่ราบลื่นอย่างเด็กชายคิด ในวันเกิดครบรอบ 9 ปีที่เขามาอยู่กับคุณพ่อ ท่านพาเขามาพักที่บังกะโลแถบชาญเมืองแห่งหนึ่ง ในตอนนี้ท่านดูอ่อนแรงและเหนื่อยอ่อนเพราะโรคร้ายที่กำลังลามอยู่ภายในร่างกาย เชื้อมะเร็งที่กระเพาะอาหารค่อยๆรุกรามคร่าชีวิตของท่านช้าๆ แต่ท่านยังคงยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าที่มีริ้วรอยของกาลเวลา ที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่นไม่ต่างกับวันแรกที่เขาได้พบกัน และริมฝีปากของท่านก็เฝ้าบอกเสมอว่า ลูกคือสมบัติที่ทำให้พ่อมีความสุข พ่อคงนึกภาพความสุขที่จะมีไม่ออกหากไม่มีลูกมาอยู่กับพ่อ ในตอนนี้พ่อคงเป็นตาแก่ที่ตายไปอย่างหงอยเหงาคนเดียว สัญญากับพ่อนะว่า ในวันที่พ่อจากไปหรือหลังจากนั้นลูกจะไม่ร้องไห้ พ่อไม่ต้องการให้ลูกมัวเสียใจจนไปเป็นอันทำอะไร พ่อหวังว่าพ่อจะได้เจอพี่ชายของลูกสักครั้งนั่นเป็นคำพูดทีท่านมักพูดให้เขาฟังในวาระสุดท้ายของชีวิต ตกดึกสงัดเด็กชายวัย 12 มองรอดผ่านหน้าต่างบังกะโล ที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม่ที่เคยเขียวคจีเมื่อยามเช้า แต่บัดนี้เมื่อราตรีที่เย็นเยียบเข้าปกคลุม ต้นไม้กลายเป็นสีดำทะมึนแลดูน่าขนลุก เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มรอยตามลมมาให้ได้ยินอย่างไกลๆ เด็กชายถามตัวเองอย่างแปลกใจ บังกะโลที่อยู่ห่างจากถนนและลับตาคนขนาดนี้ ยังมีคนเข้ามาหายามวิกาลงั้นหรือ นี่เป็นบังกะโลส่วนตัวที่คุณพ่อสร้างไว้ภายในส่วนลึกของป่าแถบชาญเมือง ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากถนที่ตัดผ่าภายนอกเข้ามา ภายในห้องชายผู้อ่อนแรงนอนพักอยู่บนเตียง นอนหอบเหนื่อยเนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่ได้รับ เด็กชายเดินเข้าไปพิศดูดวงหน้าด้วยแววตาเศร้าสร้อย ชายตรงหน้าเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนในการตักตวงความสุข แล้วใครกันที่มาหาท่านยามวิกาล เพื่อรบกวนการพักผ่อนของท่านตอนนี้ ทำไมกันคนดีถึงจากไปก่อนคนเลวทุกครั้งไป เด็กชายคิดอย่างเจ็บปวด น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ต้องการให้ท่านเห็นว่าเขาร้องไห้ มันจะทำให้ท่านไม่สบายใจ เขาสัญญากับตัวเองว่าช่วงเวลาที่แสนสั้นที่เหลือเขาจะทำให้ท่านมีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันใดนั้นบานประตูที่น่าจะล็อคอยู่เปิดผางออกอย่างแรง เผยให้เห็นชายในเครื่องแบบทหารชุดดำปรากฏขึ้นตรงประตู พูดด้วยเสียงดังสนั่นว่า อดัมคุณต้องกลับไปกับเรา เราไม่ต้องการทำร้ายคุณ โปรดกลับไปแต่โดยดี เราตามหาพวกคุณมาถึง 9 ปีในที่สุดก็พบจนได้ คุณเสพสุขกับอิสระที่มีเพียงพอแล้ว คุณต้องกลับไปท่านผู้นั้นโกรธมากที่คุณพังฐานทัพออกมา หากคุณกลับไปท่านจะยอมยกโทษให้คุณชายคนนั้นกล่าวด้วยคำพูดสุภาพ หากแต่แต่ละถ้อยคำแฝงด้วยน้ำเสียงแห่งการข่มขู่ เด็กชายผงะถอยหลังด้วยอาการตกใจ คนของสถานที่แห่งความทรงจำที่เลวร้ายนั่น ทำไมยังตามมาลังควานทั้งๆที่เวลาล่วงเลยมาแล้ว 9 ปี เขาไม่ต้องการกลับไปที่นั่น คุณพ่อกำลังป่วยเขาต้องอยู่ดูแล เด็กชายจึงกล่าวออกไอด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า ไม่!!! ผมชื่อ แองเจอริก้า แมททิวสัน พวกคุณเป็นใครไปให้พ้นนะ คุณกำลังบุกลุกที่ส่วนบุคคลรู้ไว้ด้วย ออกไปไม่งั้นผมแจ้งความแน่เด็กชายพูดอย่างกลบเกลื่อนแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ราวกับว่าพวกกลุ่มคนชุดดำจะยอมเดินจากไปโดยดีหากเขาทำเช่นนั้น ชายร่างใหญ่ย่างสามขุมตรงมาหาเขาและพยายามลากเขาไปขึ้นรถทหารตรงด้านหน้าตัวบ้าน และปากกล่าขึ้นด้วยถ้อยคำที่กรีดแทงเขาเป็นที่สุดว่า คุณคิดว่าจะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ คุณคือ อดัมนัมเบอร์วัน มนุษย์ทดลองที่ถูกขายมาให้แก่ท่านผู้นั้นเมื่อคุณแรกเกิด ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของคุณเป็นของท่านผู้นั้นจำไว้แล้วชายร่างใหญ่ตรงหน้าก็ลากเขาออกมาถึงชาญประตูบ้าน ทันใดนั้นชายชราผู้อ่อนแรงพยายามเข้ามาช่วยเขา แต่ก็ถูกปัดกระแทกกับตัวบ้านอย่างจัง เลือดไหลเป็นทางติดฝาผนังเป็นทาง ด้วยความช็อคเด็กชายปล่อยกระแสไฟฟ้าสถิตที่อยู่ในส่วนลึกออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ชายร่างใหญ่โดนดีไปชนผนังอย่างแรง เลือดไหลเป็นทางจากศรีษะด้านหนึ่ง เด็กชายที่หลุดจากการเกาะกุม รีบพุ่งไปหาร่างไร้สติของชายชรา ร่างๆนั้นลมหายใจอ่อนลงเลื่อยๆ คำพูดที่หลุดรอดจากริมฝีกเผือดซีดด้วยเสียงที่สั่นเครือและขาดห้วงว่า ระ.ระ.ราส..ไรท์แล้วชายชราก็จากไปตลอดการ ชายร่างบึกก้าวเข้ามาหาเขาอีกครั้งด้วยอาการโซซัดโซเซ และพยายามจะคว้าเขาไว้อีกครั้ง ความเศร้าและความกลัวถาโถมเข้าสู่เด็กชาย กระแสไฟฟ้าภายในบังกะโลถูกเขาดูมารวมกันรอบตัวเขา ราวกับว่าเขาเป็นแม่เหล็กดึงดูดกระแสไฟฟ้า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มเป็นทางยาวอย่างไม่อัดอั้น ดวงตาสีฟ้าแปลเปลี่ยนเป็นสีม่วงขลับอีกครั้ง แรงแห่งความอาฆาตแค้นอัดแน่นอยู่ในอก เขาคิดเพียงว่าต้องฆ่าชายชุดดำตรงหน้าให้ตายอย่างทรมาน ปวกที่สั่นระริกของเขาเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า กะแก..ตาย ซะ เหอะ!!!เขาตะเบ็งเสียงพูด กระแสไฟหลายร้าลโวลด์พุ่งตรงใส่ร่างชายตรงหน้าและเกิดเสียงระเบิดรวมกับเสียงเนื้อแตกกระจายดังสนั่น บึ้ม!!!! ..แผละ เลือดสีแดงฉานและเศษเนื้อ ที่แตกกระจายเปรอะไปทั่วพื้นที่ รวมถึงร่างของเด็กหนุ่มที่โชกเลือด กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่งบังกะโล น้ำตาที่ไหลเป็นสายค่อยๆเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดที่เปรอะเปื้อนทั่วใบหน้า ไม่มีเหลือแม้แต่เศษซากของกระดูก ร่างของชายชราที่ถูกระเบิดไปพร้อมกับทหารชุดดำ เด็กหนุ่มใช้มือสัทผัาเศษเลือดตรงหน้าที่เคยเป็นที่ๆศพของชายชรานอนราบอยู่ พลางปล่อยเสียงร้องไห้อย่างไม่อดกลั้น กะแสไฟในบังกะโลดับวูบลง เนื่องจาไฟฟ้าที่มีอยู่ถูกใช้เกินกำลัง เปรียบเหมือนชีวิตที่ไร้แสงตะเกียงส่องทางของเด็กหนุ่มที่มอดดับลงภายในช่วงเวลาชั่วข้ามคืน หมดสิ้นแล้วไม่เหลือความอยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ทำไม! ทำไม~~ เรื่องพวกนี้ต้องมาเกิดขึ้นคืนนี้ ทั้งๆที่คุณพ่อเองเหลือเวลาอีกเพียงสองเดือน เขาสัญญากับตัวเองว่าสักวันกับเจ้าคนที่ไอ้ทหารทรามคนนี้เรียกว่าท่านผู้นั้นให้ดับอนาถเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดภายในโลก เด็กชายยังคงจ้องมองกองเลือดตรงหน้าด้วยดวงตาที่ชุ่มน้ำ แสงจันท์ภายนอกสะท้อนสีเลือดให้แลดูอัญมณี ธารน้ำสุดท้ายในความทรงจำของเขาทุกครั้งเหตุใดจึงต้องเป็นสีแดงฉาน เด็กชายหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยม่านน้ำตาอีกครั้ง ในใจเฝ้าคิดว่า ลาก่อนครับคุณพ่อของผมเด็กหนุ่มจ้องมองม่านหมอกด้วยใบหน้าที่เจื่องนองด้วยน้ำตา
29 กันยายน 2547 15:15 น. - comment id 340581
พึ่งรู้ตัวว่าดกดลงผิดหมวดต้องลงในบทความเรื่องสั้นแต่......แก้ไม่เป็นอะใครช่วยบอกทีสิคะ ลงผิดสองเรื่องเลยขอโทษนะคะ TT---TT
29 กันยายน 2547 20:17 น. - comment id 340806
ไม่เป็นไรค่ะ ลงใหม่ในนั้น ส่วนในนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ
29 กันยายน 2547 21:31 น. - comment id 340881
ขอบคุณค่ะ- ผู้หญิงไร้เงา ขอบคุณที่แวะมาและที่ช่วยตอบคำถาม บายๆค่ะ @@