เต่าชราแหวกว่ายในสายธาร.....แลไม่นานเจอมัจฉาชราไส จึงรีบว่ายตรงลี่ปลี่เข้าไป.....ถามใส่ใจความเป็นอยู่คู่ธารา ============================================= ท่านปลาเฒ่า เต่าทักดักข้างหน้า....... ท่านเคยมาถิ่นนี้ถี่หรือไม่ ท่านรู้จัก ธรณี เป็นอย่างไร........ท่านนั้นไซร้น่าจะรู้อยู่นานมา เราได้เห็นมาแล้วแลจักเล่า.........มาบอกกล่าวท่านเฒ่าท้าวมัจฉา ธรณีมีหญ้าขึ้นนานมา...........เหล่าสิงห์สาวัวมาพากันเล็ม มีสัตว์ใหญ่ใช้ชื่อว่ากุญชร.........มีภมรโผบินกินดอกไม้ มีสัตว์ดุกินเนื้อเจ้าเสือร้าย........สัตว์ทั้งหลายเดินได้ด้วยบาทา =========================================== มัจฉาเฒ่าได้ฟังหัวเราะร่า..........ข้าเกิดมาได้ยินเรื่องขบขัน ก็ไม่เท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง.........ช่างรังสรรคอารมณ์สมฤดี ท่านนี้อาจเละเลือนเหลือจะกล่าว............สัตว์มีเท้าบนโลกนี้มีหรือ ข้าเคยเห็นแต่เขาเล่าแลข่าวลือ...........ไม่เคยถือจิงจังดังท่านเป็น ================================================= เต่าชราได้ยินแล้วสลด..........จึงประชดว่ายขึ้นหาดสะอาดใส เห็นกวางมาก็ยินดีแลชื่นใจ........แล้วเล่าไปถึงสัตว์น้ำอันงามตา ========================================== ดูก่อนท่านกวางผู้งามพักต์............ท่านประจักษ์อย่างไรในมัจฉา อันตัวเรานั้นได้เห็นจนเต็มตา...........ถึงมัจฉาว่ายมาในสายชล ปลาบางอย่างมีตาก็เพียงหนึ่ง..............โดยไม่พึ่งสิ่งใดว่ายได้นาน ปลาบางพวกดำลึกสุดประมาณ............แม้ต้นตาลเจ็ดยอดทอดไม่ถึง สัตว์บางพวกมีเปลือกแข็งทมึน...........เหล่านี้จึงใช้เหงือกช่วยหายใจ มีบางอย่างเหมืนเป็นเช่นดอกไม้...........แต่นั้นไซร็เป็นปลาพาแปลกใจ ============================================== กวางน้อยได้ยินหัวเราะร่า............ท่านนี้มาเล่าเรื่องเปลืองขบขัน หากท่านฝันจงรีบตื่นเสียเร็ววัน.............ตัวท่านนั้นนอนนิทรามามากพอ สัตว์อะไรหายใจได้ด้วยเหงือก............แถมมีเปลือกแข็งเป็นหินกินไม่ไหว. มีตาเดียวจะอยู่ได้อย่างไร..............ท่านนั้นไซร้ไร้สาราหาประมาณ ========================================== เต่าชราคิดแล้วก็แสนเศร้า..........อันตัวเราเห็นสองโลกโชคดีหนา แต่ไม่อาจบอกใครได้ซักครา...........เขาว่าบ้าหาที่เปรียบเหยีบจมดิน เมื่อบอกปลาปลาก็ว่าเรื่องตลก..........เล่าบนบกบอกกวางกวางขบขัน เล่าที่ไหนบอกใครก็เหมือนกัน............ไม่มีวันได้พบเห็นดังเรามี ============================================ เต่าคลานไปเห็นตะพาบบนหาดเรียบ............ตะพาบเรียกสนทนาพาทีผลัน เต่าก็ทักสุขสบายอย่างไรกัน...........เรามิทันเห็นท่านมานานพอ ตะพาบน้ำบอกกล่าวเล่ากันสู่..............เรานั้นอยู่ดูหมดจดธารา ทั้งบกเล่าเราก็เห็นมฤคา..........ท่านเล่าหนาเคยพบประสบใด เต่าได้ฟังก็ยินดีปลีเกษม...........ท่านนั่นเองสัตว์สองโลกโชคดียิ่ง อันตัวเราก็ได้เห็นเช่นนั้นจริง...........มีกระทิงในป่าปลาในชล เต่าชราได้พบประสบเพื่อน...........จึงได้เตือนไว้อย่าเล่าให้เขาฝัน เพราะท่านอาจถูกว่าบ้าเป็นวันๆ...........เหมืนเช่นกันเป็นมาเมื่อไม่นาน =============================================== อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป............ขอท่านหยุดคิดพินิตผลัน บางคนรู้ในสิ่งไม่เหมือนกัน............ควรรับฟังไว้บ้างต่างก็ดี บางคนรู้ในสิ่งที่ลึกลับ...........บางคนกลับเห็นสวรรคบรรณศรี บางคนเห็นนรกตกง่ายดี.............บางคนนี้เห็นเทวามามากจริง สิ่งเหล่านี้บางคนไม่เคยประสบ...........ไม่ควรลบหลู่ท่านมันไม่ดี ท่านเหล่านั้นน่าสงสารเป็นทวี...........เพราะท่านมีแต่ไม่อาจตรัสให้ฟัง ใครจักรู้ความในใจพวกเขา...........เหมือนกับเต่าถูกว่าบ้าพาโศกศรรค์ เขาไม่อาจพูดไปให้รู้กัน..........เพราะพวกท่านไม่เห็นเช่นท่านเป็น........
22 พฤษภาคม 2545 14:44 น. - comment id 51131
ขอชมเชย ครับ
22 พฤษภาคม 2545 18:09 น. - comment id 51148
ก่อนอื่น อังโกะ ขอขอบคุณ ที่คุณคม คด ได้ให้ เกียรติ ติ ชม และ เสนอแนะ บทกลอน ที่ อัง แต่ง นะคะ/สำหรับ บทกลอน ที่คุณ คม คด แต่ง อัง นับถือ มากค่ะ นับว่า เป็นบทกวี ที่กินใจ มากค่ะ มองเห็นโลกธรรม ในชีวิตจริง มีสาระ ไม่เพ้อฝัน และ ทำความเข้าใจได้ แทรงคติธรรม ในเนื้อหา กลอน ได้เป็นอย่างดีค่ะ ขอนับถือ และ ขอชมเชย ไว้ ณ ที่นี้ ด้วย นะคะ อังเอง ฝีมือการแต่งกลอน ยังไม่เข้าขั้นที่ควร ไงก็ฝากให้ คุณ คม คด ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ หากมีข้อใดที่ไม่เหมาะสม ค่ะ
22 พฤษภาคม 2545 22:26 น. - comment id 51167
อืม...เป็นอาหารตาและอาหารสมองจริงๆ...เห็นด้วยเลยค่ะ คนเราบางครั้งก็รู้อะไรไม่เหมือนกันเสมอไปแต่หัวใจสำคัญของการหยั่งรู้คือการฟัง .