๑ ม่านราตรีคลี่คลุมปิดมุมฟ้า เห็นหลังคาสลัวริ้วเป็นทิวแถว ความเป็นเมืองแผ่ข่ายกระจายแนว จึงค่าคนผ่อนแผ่ว...และผันตาม ๒ ในซอกตึกลึกไกลในเมืองนั้น วีรชนถูกกั้นและหยันหยาม คุณธรรมและความดีถูกตีความ เป็นข้อห้ามหนักหนา...อย่ากระทำ! ๓ ผู้เป็นนายกำหนดบทบัญญัติ แบ่งส่วนสัดผู้ร่วมลิ้มจนอิ่มหนำ หากมีคนตะแบงทิ่มแทงตำ ต้องรับกรรมถ้วนหน้าที่ท้าทาย ๔ มือโสมมที่เขียนฟ้าว่ากูใหญ่ ใครต่อใครน้อมนบ...สบใจหมาย แต่ละวันแต่ละปีที่ผ่านราย สร้างแต่ความวอดวายเป็นรายวัน ๕ เสียงหัวเราะเยาะย้ำคนร่ำไห้ ย่ำหัวใจคนรากหญ้าผู้ล้าฝัน คืนเดือนมืดอันมัวหม่นทนกัดฟัน สุริยันเบิกฟ้าตั้งตารอ... ๖ แล้ววันหนึ่งคนต่างใจต่างไฟฝัน ต่างชีวันเส้นทางต่างแม่พ่อ จะร่วมเดินร่วมรักร่วมถักทอ ลุกขึ้นต่อต้านมารประหารโจร...
6 สิงหาคม 2552 20:11 น. - comment id 1018749
แวะมาเยี่ยมชม.. คมคำ คมความคิดค่ะ
6 สิงหาคม 2552 07:14 น. - comment id 1023728
แต่งกลอนได้ข้อคิดดีมากครับ เนื้อหากลอนไม่สะดุดเลย เยี่ยมมากครับ ผู้กล้า แห่งรากหญ้า
6 สิงหาคม 2552 08:41 น. - comment id 1023745
สวัสดีค่ะ แวะมาชมผลงานและทักทายยามเช้าค่ะ
9 สิงหาคม 2552 17:14 น. - comment id 1025136
มาชื่นชมคนคมชมความคิด อ่านแล้วติด-ใจเหลือ- เมื่อได้อ่าน ค่อยค่อยเคี้ยวค่อยคิดคิดพินิจพิจาร ณ์ จึงติดใจในแววหวานการกวี มาชื่นชมผลงานครับ
20 พฤศจิกายน 2552 21:44 น. - comment id 1066359
ดีค่ะ..เสียงหัวเราะมาชมผลงานแย้ว..ว..