ขออย่าเอาคำกลอนมาละเลง ขออย่าเอาบทเพลงมาผลาญพร่า วัดสูงต่ำล้ำเหลื่อมเอือมระอา เพราะกวีมีค่าเหนือกว่านั้น จงใช้ใจลิขิตลงขีดคำ จงลำนำเรี่อยไปตามใจฝัน บทกวีแทนถ้อยได้ร้อยพัน แทนหมื่นกัณฑ์แทนแสนล้านอารมณ์คม จงจรรโลงโลกกวีด้วยชีวิต ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้สวยสม ร้อยถ้อยมาพันพลางแลพร่างพรม เรียงคารมรวมลำนำทำเป็นกลอน แม้นท่านรักการวรรณศิลป์ ควรจะยินดีที่มีผู้สอน ควรน้อมรับคำวิจารณ์ต้านนิวรณ์ ควรจะอ่อนน้อมนับกับผู้ชม อย่าเอาอัตตาออกมาวัด อย่าขัดคอขวางวางท่าข่ม เขียนบทกลอนออกมาไว้ ให้คนชม ต้องน้อมก้มรับคำวิจารณ์การณ์ ลดทิฐิลงบ้างเพื่อสร้างมิตร คงจะได้ใกล้ชิดสนิทสมาน คงจะแลกเปลี่ยนกวีกานท์ คงจะใจเบิกบานมากกว่านี้ (ม้าก้านกล้วย)
25 กุมภาพันธ์ 2545 23:27 น. - comment id 37356
เรียนด่วยได้ไหมค่ะ ยังแต่งกลอนตามฝันอยู่ค่ะ
26 กุมภาพันธ์ 2545 01:31 น. - comment id 37368
คนเรามักเชิญชวนให้คนอื่นติ แต่ความจริง อยากให้คนชมมากกว่า มันเป็นธรรมดา ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นแบบนี้นะคะ คนใจกว้างยังมีอีกมากมาย จริงมั๊ยคะ แต่บทนี้ชอบค่ะ ^-^
26 กุมภาพันธ์ 2545 02:39 น. - comment id 37377
เห็นด้วยนะค่ะกับความคิดนี่ ก็มีบ้างเหมือนกันที่อาจไม่พอใจเมื่อมีคนมาวิจารณ์ แต่ก็แค่ช่วงเวลานั้น เพราะคนเราทุกคนย่อมจะมีอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น คนทุกคนชอบที่จะให้มีคนชมมากกว่าติเป็นธรรมดา เราก็ถือสะว่านั่นคือการ ติเพื่อก่อ ดีกว่าสบายใจดี...^O^
26 กุมภาพันธ์ 2545 03:05 น. - comment id 37379
เห็นด้วยกะ เจทท์ และ ข้าวปล้อง จ้า... เพราะเราคุยกันเป็นประจำเลย....
26 กุมภาพันธ์ 2545 06:46 น. - comment id 37387
อิอิอิ...มาเห็นด้วยค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2545 18:37 น. - comment id 37611
คำหวาน ๆ ฟังได้ไพเราะหู เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ยิน แต่ว่าตนเป็นอย่างไร ... ถ้าเปิดใจกว้าง และพิจารณา ... ก็จะรู้อยู่แก่ใจ ก็คงต้องมาตัดสินกันว่า ... เราจะยอมฟังความจริงที่บาดหู หรือฟังคำหวาน ๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง ....ที่พูดมาไม่ใช่เรื่องกลอนเท่านั้น..