ก็มิใช่ญาติกาของนายก คนเป็นผีกี่ครั้งท่านยังขรึม ระเบิดบึ้มเท่าไหร่ท่านไม่เบื่อ ความหม่นหมองครองคลุ้มมากคลุมเครือ ท่านยังเชื่อ สมานฉันท์ เชิงชั้นชาญ ทหารหลายตายบ้างก็ช่างเถิด ถือว่าเกิดมากร้าวเหี้ยมห้าวกร้าน เขาคุมกองป้องกันประจัญบาน ตายในงานอันสง่านับว่างาม ตำรวจตายหงายคว่ำช่างตำรวจ ตายแล้วยวดยิ่งใหญ่สิ้นใครหยาม ใช่ซุกซ่อนซอนซบเป็นศพทราม แต่ตายท่ามหน้าที่ วิถีนำ ชีพชาวบ้านรานร้าวช่างชาวบ้าน อีกไม่นานคนร้ายมากหลายส่ำ คงรอนรอนอ่อนล้าเลิกสาริยำ แล้วกลับลำปุบปับถอยกลับไป กี่ร่างฝากซากศพให้กลบหลุม กี่เพลิงสุมเหลือแสนโซมแดนใต้ ใครแก้แค้นแล่นล่าไล่ฆ่าใคร ก็มิใช่ญาติกาของนายก (๑๐ พ.ค. ๒๕๕๐)
10 พฤษภาคม 2550 21:05 น. - comment id 693706
เข้าใจค่ะ
10 พฤษภาคม 2550 22:01 น. - comment id 693747
หวัดดีคะ อ่ะนะ มนุษย์โลก
11 พฤษภาคม 2550 02:05 น. - comment id 693814
พูดอะไรไม่ออก..... เฮ้อ.......บ้านเมืองวุ่นวาย
11 พฤษภาคม 2550 10:58 น. - comment id 693981
สวัสดีครับพี่ชู สารบัญ แบ่ง เป็น สองตอนครับ พิมพ์สารบัญให้ดูก่อน อารัมภบท ปากกาย่อมเป็นปากกา ด้วยความคารวะ รำลึกถึงมาตุภูมิ วรรณกรกับกีฬา เรื่องของสุดานารี จงมากระจายตัวอักษรฯ กลอนรัก โลกมิใช่บรรจถรณ์ อะไรคือความเป็นกวี ว่าด้วยสัพเพเหระแห่งฉันทลักษณ์ ก.มือโคลง ข.มือฉันท์ ค.มือกาพย์ ง.มือกลอน จ.จากร่ายถึงกลอนเปล่า วิเคราะห์กำสรวลฯ ศึกษา 200 ปีสุนทรภู่ ส่วนที่สอง บทกวี ด้วยหัวใจและความักอันยิ่งใหญ่ แด่พ่อและความเป็นพ่อ ขออัญเชิญ คนจร วีรบุรุษ บ่นบ้าประสาใบ้ ช่างอย่าช่าง ขอ ไป พาราสาวัตถี ข้าพเจ้าคิดอย่างโง่เขลาฯ
11 พฤษภาคม 2550 11:02 น. - comment id 693984
ตอนแรกดูแล้ว เป็นการวิเคราะห์วิจารณ์ ในความคิดผมนั้นเทียบได้กับวรรณวิเคราะห์เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเจาะลึกมาก ส่วนบทกวี ส่วนที่สองนั้น บอกไม่ถูก ต้องให้พี่ดูเอง มีทั้งฉันท์ กลอน โคลง เหมือนเล่มอื่นๆ ส่วนเรื่อง พาราสาวัตถี แบ่งเป็นสิบภาค คือพาราสาวัตถี 1-9 และพาราสาวัตถีภาคจบ มีตั้งแต่เพลงพื้นบ้านแปลง จนเก่าสมัยศิลาจารึกโน่นแหละ ไม่อยากพร่ำมาก เชิญยลด้วยตัวเองดีกว่า เนื่องจาก พาราสาวัตถี ยาวมาก (ยาวกว่ารุ้งกินเมืองซะอีก เลยขอยก พาราสาวัตถี(7) ซึ่งคิดว่าเกี่ยวกับศิลาจารึกมาให้อ่านไปพรางๆก่อนนะครับ บทอื่นจะพิมพ์ให้วันหลัง)
11 พฤษภาคม 2550 11:15 น. - comment id 693999
พาราสาวัตถี(7) พ่อกูชื่อศรี อยู่ถนนพระอาทิตย์ แม่กูชื่อนางชื้น พี่กูชื่อบานชื่น กูพี่น้องท้องเดียว 7 คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงสี่ พี่กู คนหนึ่งอดข้าวตายตั้งแต่เล็ก เมื่อกูอายุได้สิบขวบ กูวิ่งขายหนังสือพิมพ์ตามสี่แยก ขุนสิทธิเจ้าเมืองโฉด สั่งให้ตำรวจชนพวกกู มันโผล่มาทางซ้าย กูย้ายมาทางขวา ส่วนแม่กูเป็นหาบเร่ หอบไม้คานหนียะย้าย เทศบาลมันไล่จะแจ พ่อกูขี่ตุ๊กตุ๊กพุ่งเข้ารับ กูรีบขนของขั้นรถ พ่อกูจึงชื่อกูว่ารอด เมื่อกูพุ่งขวางทางตำรวจเทศกิจ เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกูแม่กู พี่น้องกูก็บำเรอแก่บ้านกูขายพวงมาลัย ขายหนังสือพิมพ์ ขายของเก่า ฯลฯ ก็เอามาแก่พ่อกู ของใดที่กินได้ตามกองขยะ ก็เอามาแก่ญาติกู พี่สาวกูไปนวดให้ใคร ได้ผัวได้สตางค์ ได้เงินได้ทอง ก็ส่งมาให้แก่พ่อกู พ่อกูเป็นปอดบวมตาย ยังแม่กู กูพร่ำบำเรอแก่แม่กูน้องกู แม่กูป่วย พวกกูก็เศร้าทั้งกลม เมื่อชั่วยังชีพเป็นอ้ายรอด เมืองรัตนโกสินทร์นี้ดีมีน้ำในตา ในนามีขี้ คนนั่งเมืองมีแต่จะกอบจากไพร่ทุกทาง เพื่อนจูงวัวไปขาย จูงควายไปใช้หนี้ ท่านใคร่ค้าฝิ่นค้า ค้าของเถื่อนค้า ท่านใคร่ค้าเงินค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าเซียว ทุกข์เข้าทุกคนทั่วไปแล้ วิ่งแร่หนีตายห่าไปซาอุฯ ทุกเหย้าทุกเรือนเสื้อตัวกางเกงตัว ทิ้งลูกเมียนอนเสียใจ รอฟังข่าว จากจารึก ดช.รอด(หน้าที่1) บัดนั้น คนไทยทั้งหมดสลดสลัว เห็นปวงปีศาจหวาดกลัว มัวเมามัวเมามายอบายมุข หวังรวยด้วยซีกกะผีกริ้น ใต้ดินบนดินดิ้นขลุกขลุก คลาดคล่ำสำส่อนบ่อนชุก ท่านประยุกต์บีบสมองพี่น้องเรา ตัดไม้ข่มหมูด้วยรู้ท่า จึงหักด้ามพร่าด้วยหัวเข่า หูเบาบอดใบ้เพราะใจเบา เชื่อเขาฟังเขาจนเข้าเนื้อ ออกแผนพัฒนาถึงห้าหก รัฐบาลชูชกบังคับเชื่อ ร้อยแผนพันแผนยังแล่นเรือ ฟาดเกลือฟาดแกลบเสียแสบท้อง พัฒนาพาถนัดฟัดสะบั้น คอรัปชั่นทั้งชุดพุงปูดป่อง ประชาชนทนเก็บเจ็บกระดอง หัวอกฟกหนองพองพุ โคตรพ่อโคตรแม่มาแต่ไหน จึงได้เขมือบแหลกแดกดุ พอสบสายตาก็สาธุ (จุ๊ย์จุ๊ย์อ้ายเช็ดกะแช่มึง) ฯ12 คฯ ชักดาบซามูไร เมื่อนั้น ผีเปรตแปลกหน้าโผล่มาถึง เสียงเย้วเร็วปรื๋ออื้ออึง เข้ากลุ้มรุมทึ้งไท้หมึกพลัน จ้างจาบหยาบหยามข้ามชาติ ผูกขาดตั้งแต่ส้นตีนนั่น จรดหัวจรดหูชูชัน ยันปวงพวงสวรรค์ยันกระเพะ ถีบของเหลือเดนประเคนให้ ของดีเอาไปเป็นมั่นเหมาะ ทั้งยังยิ้มยั่วหัวเราะเยาะ ผู้เฒ่าแบเบาะบันเทืองใจ ลดเลี้ยวเคี้ยวคดก็บทเก่า แต่ยุคพระเจ้าเหาพระเจ้าไห ยืดอกยกก้นพูดพ่นไป ปวงไทยเป็นไท(คลื่นไส้จัง) ฯ8 คำฯ ตระ พบเต้นกลางสระบัว นี่ไทไฉนแท้ถมแต่หนี้ หวังมาว่าจะมีคนที่หวัง รั้งเมืองเรืองละไมด้วยใจรั้ง คิดตรงคงตั้งรู้ยั้งคิด หาญกร้าวห้าวแกร่งฝ่าแผงทหาร ผิดถูกผ฿กฐานสู้พาลผิด มิตรคู่หมู่คนที่หม่นมิด นำไทยในทิศสถิตนำ หาใยให้อยากด้วยยากหา ต่ำเรี่ยเตี้ยล้าล้วนตาต่ำ ช้ำนอกชอกในทั่วไทยช้ำ เมืองที่มีอธรรมชำเราเมือง พูดมากพากย์มาจนกว่าภูต เขื่องดูดขูดดิ้นจะสิ้นเขื่อง เคืองใจใคร่จะชำระเคือง เทียวรุกทุกเรื่องโดยแท้เทียว ฯ8 คำฯเสมอ
11 พฤษภาคม 2550 11:20 น. - comment id 694003
จบ หากเขียนผิดต้องขออภัยนะครับ ยังมีพาราสาวัตถีอีก 9 ภาค เกริ่นย่อๆ แปลงมา จาก สุภาษิตพระร่วง รำลาวกระทบไม้ เพลงกล่อมเด็ก อาขยาน แม่ศรี เพลงระบำ โอ้ยเยอะแยะ ยังมีฉันทลักษณ์อื่นๆ ต่อเนื่องด้วย แต่นอกจากพาราสาวัตถีแล้ว ยังมีบทอื่นที่ผมคิดว่าดีนะครับ ดีทุกบทเลย เห็นพี่ชูอยากอ่านก่อน เลยเอามาให้ชม บางบทอ่านแล้วขำก๊าก บางบทอ่านแล้วสะใจดี 55 บทพาราสาวัตถี 7 เป็นไงมั่งล่ะครับ ก่อนจะไป ขอขอบคุณพี่ชูที่แนะนำหนังสือดีอีกเล่มให้ผมนะครับ เดี๋ยววันหลังจะเอาความรู้มาแบ่งปันให้ มีอะไรดีดี อย่าลืมแนะนำน้องคนนี้อีกล่ะ ได้ประโยชน์แก่ผม และคุณพี่ ด้วย
11 พฤษภาคม 2550 16:44 น. - comment id 694249
สวัสดีครับทุกท่าน กลอนบทนี้ของตราชูหากว่ารุนแรงไป ผมกราบขออภัยท่านด้วยครับ ผมฟังข่าวเหตุเกิดที่สามจังหวัดชายแดนใต้แล้ว รู้สึกว่าอะไรๆยังไม่ดีขึ้นเลย จึงอยากพูดตรงๆ จากหัวใจจริงๆบ้างตามอารมณ์ในขณะเขียนนั่นเองครับ ถึงน้องเอก ห้วงคำนึงนะครับ โอ๊ย โอ๊ย พี่ขำน้ำตาร่วงแล้ว หัวเราะก๊ากเลย บอกไม่ถูก ตลกก็ตลก สะใจก็ใช่ เอกนำมาลงไว้ที่นี่แหละดีนัก สมาชิกท่านอื่นๆจะได้หัวเราะกันทั่วถึง (ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
16 พฤษภาคม 2550 00:20 น. - comment id 696334