26 มิถุนายน 2551 22:50 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
มาลัยกลอนพวงนี้ กำนัลแด่เธอผู้เป็นแรงบันดาลใจ
ร้อยภาษาบันดลมนต์เสน่ห์
ปราศจากกลเล่ห์รังสีฉาย
กรองพจน์รจนามาระบาย
แซมลวดลายเชิงชั้นกวีจร
เป็นมาลัยไร้ซึ่งมาตรวัดค่า
ด้อยราคาตราตีอนุสรณ์
มิอาจหาญท้าแข่งทินกร
แม้ยามตะวันรอนสุริยการ
แต่มาลัยพวงนี้จะคงมั่น
เปล่งชีวันประกายแสงเป็นแรงฉาน
หลอมชีวาตม์สรรชีวิตจิตวิญญาณ
เป็นสายธารหล่อเลี้ยงซึ่งมวลชน
มาลัยกลอนบทนี้แทนคำสัตย์
จักยืนหยัดหาญกล้าท้าลมฝน
ตราบชีวิตที่เหลือธราดล
อุทิศตนเพื่อผองประชาไท
คือปณิธานคนร้อยมาลัยกลอน
ทางสัญจรมืดมิดฤาไฉน
หิ่งห้อยน้อยแสงนั่นประไร
เด่นกลางไพรใดฤาจะเท่าเทียมฯ
ฉันจะร้อยมาลัยกลอนตราบเท่าชีวิตของฉันยังมีลมหายใจ
21 มิถุนายน 2551 เวลา 00.45
26 มิถุนายน 2551 22:48 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ประเทศไทยแห่งนี้ อาถรรพ์
เอกราชปางบรรพ์ จวบสิ้น
ลูกหลานประหัตกัน อัปยศ
อายวีระชนผู้สิ้น เลือดคลุ้งปฐพีฯ
ประวัติศาสตร์ชาติไทยจารจารึก
จะกี่ศึกบรรพชนไม่ร่นหนี
บุรุษกล้าแลแกล้วอิสตรี
ถวายกายพลีเพื่อแผ่นดิน
จึงสยามดำรงคงวันนี้
เด่นศักดิ์ศรีหามีที่ติฉิน
ธัญชาติอุดมธรณิน
เลี้ยงชีวิตหลอมชีวามาเป็นไท
ยุคสมัยแปรเปลี่ยนธรรมดา
ชาวประชากาลนี้เป็นไฉน
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กันอย่างไร
ปากร้องไปแต่ใจยังมืดมน
สองฟากสองฝั่งสองความคิด
ขีดชีวิตก้าวมาพาสับสน
ใครต่างใครแย้งต้องผจญ
จึงได้ชื่อว่าคนของประชา
เอาความคิดของตนเป็นที่ตั้ง
เอาพลังปลุกระดมไว้แนวหน้า
เอาข้ออ้างสารพัดเป็นสัญญา
เอาวาจาหมาบ้าไว้กลางเมือง
แล้วสถาปนาเขตแคว้นแทนความคิด
เอกสิทธิ์รัฐธรรมนูญคุ้มกระแสเสียง
เอาถนนราชดำเนินแทนต่างเตียง
คุ้ยราวเรื่องเฟื่องคารมคมแกว่งไกว
อีกฟากฝั่งกุมอำนาจรัฐบาล
ถูกตราหน้าว่าสามานย์กันยกใหญ่
ทำดีได้ดีมีไฉน
ทำชั่วนั้นประไรคนยินยอ
เรื่องดีมากมีไม่ปรากฏ
สื่อกบฏตามืดเสียจริงหนอ
แต่เรื่องชั่วขุดคุ้ยไม่เคยพอ
พวกชีกอตอแหลไร้ยางอาย
จริงเท็จอย่างไรสำคัญไม่
ขอกำไรบานเบอะคนชื้อขาย
พอเขาแตะร้องลั่นเหมือนวางวาย
พ่ออยู่หน่ายพ่ออยู่ไหนช่วยหนูที
ศึกนอกหนักหนาไม่เคยหวั่น
ศึกในนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผี
ศึกรบจบสิ้นปฐพี
ศึกลิ้นมีแต่เพิ่มทวีไป
รอยแยกเพียงนิดเขื่อนยังแตก
ทางหลายแยกตรอกซอยยังหลงได้
สังคมคนแปลกแยกอย่างนั้นไซร้
ย่อมเปลวไฟกลียุคเริงระบำ
ประเทศไทยยืนยงคงเป็นชาติ
เอกราชภาคภูมิวิสุทธิ์ล้ำ
แต่ใครหนอหาญกล้ามากระทำ
ใครรักกรรม-ใครมั่งมี ตอบทีวีรชนฯ
15 มิถุนายน 2551
26 มิถุนายน 2551 22:40 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
อธิปไตยไท
วิสุทธิ์ใสวิไลแสน
เกียรติก้องระบือแดน
ทั่วเขตแคว้นขนานนาม
ประชาธิปไตย
ชื่อคนไทยแดนสยาม
สร้างเมืองเป็นเมืองราม
ประชางามประชาชน
อำนาจเสมอเท่า
จงเลือกเอาผลิตผล
ปากเสียงทุกมณฑล
ธราดลสุขร่มเย็น
ประชาธิปไตย
ยุคสมัยใครจะเห็น
เงามืดที่แฝงเร้น
ดุจจันทร์เพ็ญเด่นตระการ
ปากกากากบาท
มือสะอาดฤาสามานย์
รอยเส้นที่ผสาน
ฤารอยผลาญประเทศไทย
ศึกรักไม่รู้จบ
แลศึกรบหาสิ้นไม่
เศษเงินที่หว่านไป
คือกำไรมหึมา
อธิปไตยไทย
วิวัฒน์ไปกระไรหนา
แก้ด้วยมือประชา
ทั่วอาณาประชากร
หาใช่คนหยิบมือ
จะลุกฮือมือสลอน
จุดไฟเผานาคร
อนุสรณ์วีรกรรม
อัตตาที่ตั้งตน
ใส่เล่ห์กลคนเพ้อพร่ำ
รวมตัวเป็นผู้นำ
คนชูค้ำประจัญบาน
จะกู้ประชาธิปไตย
ให้สดใสเหมือนวันวาน
สร้างเมืองอุดมการณ์
เพื่อชูพานพระแว่นฟ้า
เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ
อนุกุลซึ่งเงินตรา
กดขี่ชาวประชา
อหังการ์กล้ากระทำ
จึงต้องมาขับไล่
อธิปไตยตามชอบธรรม
ไล่คนผู้ก่อกรรม
ด้วยผู้นำเป็นพันธุ์ความ
เส้นสายกระบอกเสียง
ดำเนินเรื่องมิสำรวม
ถูกผิดและกำกวม
หวังจะคว่ำอธิปไตย
ชนเราเราเลือกตั้ง
เราก็หวังวันฟ้าใหม่
ชนท่านไม่พอใจ
ปลาหน้าไซก็ถูกกวน
ประเทศไม่เดินหน้า
ชาวประชาก็รัญจวน
ชนท่านก่อฉนวน
ประชาถ้วนก็รับกรรม
ท่านว่าท่านชนะ
อิสระวิสุทธิ์ล้ำ
แน่วทางเริงระบำ
สง่าธรรมสง่าจร
ชัยนี้บนซากศพ
กว่าจะจบอีกกี่ตอน
มหาแห่งอาทร
ก็เงินฟ่อนอุดมใจ
ตั้งตนเป็นคณะ
ก็คณาธิปไตย
สร้างชาติเป็นชาติใหม่
แล้วชาติใดท่านจะพอ
คณาธิปไตย
แล้วผู้ใดจะอือออ
ขอเถอะนะเถอะขอ
จงหยุดก่ออุดมกาฬ
ชาติไทยจะเป็นชาติ
เอกราชนิรันดร์กาล
ประชาธิปไตยบาน
ภาวการณ์ปัจจุบัน
ดอกไม้แห่งมวลชน
ชโลมฝนยามวสันต์
ผลิเถอะผลิความฝัน
รับตาวันรุ่งอรุณ
ประชาธิปไตย
จงสดใสไร้ฝ้าฝุ่น
คณาธิปไตยทุน
จงเสื่อมสูญนิรันดร์เทอญ
25 มิถุนายน 51