24 มกราคม 2546 18:42 น.
กระปุกแป้ง
"ยายอุ่น เธอเป็นอะไร ทำไมหน้าบูดยังงี้ล่ะ" นิตยาถามเพื่อนสาวของเธอ ที่นั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับอยู่ที่โต๊ะม้าหินประจำกลุ่มตน ที่หน้าตึก คณะ อักษรฯ
" จะอะไรอีกล่ะ นิต ก็อีตาแมนสิ มากวนโมโหฉัน" อุ่นจันทน์ตอบด้วยน้ำเสียงที่อยากจะกลืนกินชายหนุ่มผุ้นั้นซะจริงๆ "พวกเธอสองคน ทะเลาะกันไม่เบื่อบ้างรึ งัยย่ะ " นิตยาถามด้วยความสงสัย ทางด้านอุ่นจันทน์ก้ได้แต่นิ่งเงียบ ภาพในอดีตก็ค่อยๆฉายขึ้นมาคล้ายกับมีโรงหนังเล็กๆในสมองของหล่อน
" ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือ ภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆใบหน้าคมเข้มใช้ได้ กำลังแย่งตุ๊กตาหมีอันเป้นที่รักของเธอไป เด้กหญิงอุ่นจันทน์ในตอนนั้นก้วิ่งไล่ที่จะเอาคืน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เด็กน้อยก็รู้สึกร้อนใบหน้า น้ำอุ่นไหลออกจากขอบตาของเธอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ
"จนกระทั่ง เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนั้นโตขึ้นมามีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมเข้ม เป็นที่หมายปองของสาวๆ ไม่ว่า สาวน้อย สาวใหญ่ ในมหาวิทยาลัย หนุ่มนั้นมีชื่อว่า "นายเมืองแมน" ซึ่งนั่นแหละ คือศัตรูหมายเลข หนึ่ง ของอุ่นจันทน์เลยทีเดียว
" เฮ้ย! ยายอุ่น ไปเรียนได้แล้ว มัวแต่เหม่ออยู่ได้" เสียงนิตยาทำลายความเงียบนั้น ทำให้อุ่นจันทน์สะดุ้งเล็กน้อย แล้วลุกเดินไปอย่างเหม่อลอย
ตอนเย็นวันเดียวกัน อุ่นจันทน์รอรถเมล์อยู่ที่ป้ายหน้ามหาวิทยาลัย ผู้คนส่งเสียงจอแจไปหมด อุ่นจันทน์ได้ยินเสียงที่คุ้นหู ร้องทักว่า " อ้าว! ยายซาลาเปาอุ่น ทำไมมายืนรอรถอยู่คนเดียวล่ะ ยายนิตซี้เธอไม่มาด้วยหรอ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอสวนกลับไปทันทีว่า " แล้วนายล่ะ วันนี้ไม่ไปขายหม้อให้สาวคยไหนหรอ นายแมนคนขายหม้อ! " เมืองแมนได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่ฟันครบ 32 ซี่ ก็ค่อยๆหุบลง
บรรยากาศกลับมาเงียบเช่นเดิม ขณะที่รถเมล์สายที่ อุ่นจันทน์รอก็มาเทียบที่ป้าย ทันใดนั้น มือใหญ่ๆของเมืองแมนก้กุมมาที่ข้อมือกลมมนของ อุ่นจันทน์ " ไปเร้ว ยายซาลาเปา! " เสียงทุ้มนั้นดังตามมาทีหลัง อุ่นไม่ทันทีจะขัดขืน เพราะ แรงอันน้อยนิดของเธอไม่สมารถทัดทานแรงของเขาได้ "ทำไมหัวใจเราเต้นแรงอย่างนี้นะ ยายอุ่น" อุ่นจันทน์คิดในใจ "ปล่อยมือฉันได้แล้ว นายแมน" เสียงกร้าวแข็ง พร้อมด้วยสายตาดุของอุ่จันทน์ ทำให้มือใหญ่ๆนั้นคลายออกจากข้อมือเธอโดยดี
ระหว่างทางกลับบ้าน เธอรู้สึกแปลกใจที่เมืองแมนไม่พูดกับเธอ และไม่ชวนเธอทะเลาะอย่างเคยเลย หญิงสาวพยายามเหลือบมองใบหน้าของคนที่ยืนข้างๆเธอ ด้วยความสงสัย และเธอรู้สึกร้อนผาว เมื่อสบสายตากับเจ้าของใบหน้านั้น เมืองแมนจึงตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น "อุ่น ฉันจะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วน่ะ" เขาพูดขึ้นลอยๆ สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย แต่สำหรับอุ่นจันทน์ ข่าวนั้นทำให้เธอตกใจมาก " อะไรนะ นายอย่ามาอำฉันเลย น้ำหน้าอย่างนายหรอ จะไปเรียนต่ออังกฤษ เชอะ ฉันไม่เชื่อหรอก " น้ำเสียงดูถูกของเธอ มันแทงลงไปที่ใจดำของเมืองแมนเลยที่เดียว "คุรพ่อฉันจะต้องย้ายไปคุมสาขาที่โน้น ฉันเองว่าจะไปเรียน MBA ที่ โน้นด้วย "
เมื่อรู้ดังนั้น น้ำใสๆก็เปื้อนแก้มชมพูของเธอซะแล้ว "ทำไมเขาต้องไปด้วย แล้วถ้าเขาไปแล้ว เราจะอยู่กับใคร ใครจะคอยแกล้งเรา ชวนเราทะเลาะ ให้หายเหงาอีกล่ะ อุ่นนี่เธอเป็นอะร ไหนเธอเกลียดเขางัย เขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเธอไม่ใช่หรอ เขาไปเรียนต่อก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครกวนเธออีกนะ อุ่น เธออย่าร้องไห้นะ เขาอาจจะอำเธอก็ได้ อย่าให้เขาหัวเราะเยาะเธอได้นะ " ในใจของอุ่นจันทน์เต็มไปด้วย ความสับสน เธออยากจะถามเขาว่า "นายไม่ไปได้มั้ย" แต่ประโยคที่หลุดออกจากปากอันเรียวสวยของอุ่นก็คือ "นายจะไปเมื่อไหร่"
เมืองแมนเสียใจที่ได้ยินประโยคนี้ เขาอยากจะได้ยิน ประโยคขอร้องไม่ให้เขาไปจากเธอ "ไอ้แมนเอ๊ย เขาน่ะอยากให้แกไปจะตาย เขาจะได้ไม่มีคนมาคอยแกล้ง หน๋อย! จะมาให้เขาขอร้องให้แกไม่ไป ฝันไปแล้ว" เมืองแมนคิดอย่างน้อยใจ "ปลายเดือนนี้แหละ" เขาตอบอ่อยๆ "งั้นหรอ" อุ่นจันทน์ตอบแล้วก็เข้าบ้านไป โดยไม่หันกลับมามองเมืองแมนอีกเลย
หลังจากวันนั้น อุ่นจันทน์ก็ไม่ได้เจอกับเมืองแมนอีกเลย ทั้งๆที่บ้านอยู่ใกล้กันแท้ๆ จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง คุณแม่ได้บอกกับอุ่นว่า "ยายอุ่น แกจะไปส่งนายแมนกับแม่มั้ย " เสียงนั้นทำให้ใบหน้าของอุ่นจันทน์ร้อนผาว "วันไหนล่ะคะ แม่" เสียงเธอเครือๆ คล้ายกับคนกำลังร้องไห้ "วันพรุ่งนี้ ตอน 9 โมง จ๊ะ ว่างมั้ย" แม่ตอบ อุ่นจันทน์สีหน้าเผือดลง "ว่างคะ อุ่นไปด้วยคะ "
คืนนั้น อุ่นจันทน์ไม่อาจข่มตานอนได้ ภาพของเมืองแมนยังวนเวียนในสมองของเธอ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อุ่นจันทน์ยกหูขึ้นแล้วกรอกเสียงไปว่า "สวัสดีคะ " "อุ่นใช่มั้ย เราเมืองแมนนะ" เสียงอีกฝ่ายที่ฟังแล้วคุ้นหูเธอ เสียงนั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ เพราะไม่คิดว่าจะโทรฯมาหา "อุ่นเอง มีอะไรหรอแมน" น้ำเสียงที่สดใสของอุ่นจันทน์ทำให้อีกฝ่ยใจชื้นขึ้นเยอะ " เราอยากรู้ว่าเธอจะไปส่งเรามั้ย" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรุ้ของเมืองแมน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ "ไปสิ ก็คุณแม่ชวนทั้งทีนิ" อุ่นจันทน์ตอบกลับอย่างไว้เชิง "ดีจัง เออ! อุ่นเราอยากรู้ว่าเธอจะคิดถึงเราบ้างมั้ย" เมืองแมนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและต้องการคำตอบจากอีกฝ่าย " เออ! ไม่รู้สิ ขอคิดก่อนนะ แล้วจะไปบอก แค่นี้นะ เราง่วงแล้ว เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน" อุ่นจันทน์รีบตัดบท เพราะอายในคำถามที่เขาถาม ทั้งๆที่ในใจจะบอกว่า "แน่นอนสิ เราต้องคิดถึงนายอยู่แล้ว เมืองแมน"
เช้าวันรุ่งขึ้น อุ่นจันทน์และครอบครัวเดินทางไปสนามบินแต่เช้า ภายในสนามบิน ผู้คนค่อนข้างบางตาเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา และไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย กลุ่มเพื่อนและญาติของเมืองแมนส่งเสียงทักทาย เมื่อครอบครัวเธอมาถึง " อ้าว! ยายอุ่นก้มาด้วยหรอ คงดีใจล่ะสิ ที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งไปได้สักที" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนหัวเราะกันสนุกสาน ผิดกับเมืองแมนและอุ่นจันทน์ ทั้งสองมีสีหน้าเผือดลง
เสียงประชาสัมพันธ์สาวประกาศเรียกไฟท์บินของเมืองแมนเป็นครั้งที่สอง ทุกคนร่ำลาเมืองแมนเรียบร้อย ส่วนอุ่นก็ยื่นจดหมายเล็กๆพร้อมกับของขวัญที่เตรียมมาให้เขา " เอ้า! แมน เอาไว้ขึ้นเครื่องก่อนนะ แล้วค่อยเปิดอ่าน" อุ่จันทน์กำชับเขาเป็นนักหนา "อุ่น เราอยากรู้คำตอบเมื่อคืนที่เราถามน่ะ" เมืองแมนทวงคำตอบตามสัญญาที่เธอให้เขาเมื่อคืน " เอาเถอะน่า! ไว้อ่านจดหมายแล้วก็จะรู้เองแหละ" อุ่นจันทน์ตอบอย่างอายๆและรีบตัดบท เมืองแมนไม่มีเวลาที่จะเซ้าซี้ เพราะต้องเข้าไปในห้องผู้โดยสารแล้ว "ลาก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะ ยายซาลาเปาอุ่น" นั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่เมืองแมนทิ้งไว้ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องผู้โดยสาร
บนเครื่องบิน เมื่อเมืองแมนเดินหาที่นั่งและเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็นั่งลง เปิดจดหมายของอุ่นจันทน์อย่างสนใจ
" นายแมนคนขายหม้อ ไปเรียนที่นั่นตั้งใจนะ
อย่าไปเที่ยวจีบสาวแถวนู้นนะ อย่าลืมว่า
ซาลาเปาอุ่นลูกนี้ยังรอและคิดถึงนายอยู่นะ
จาก อุ่นจันทน์"
ข้อความในจดหมายนั้น ทำให้ใบหน้าของเมืองแมนเต้มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกับคนที่เขียนจดหมายนั่นยืนอยู่ตรงหน้า "ฝากไว้ก่อน ยายซาลาเปาอุ่นไว้กลับมาจะรักซะให้เข็ดเลย คอยดูสิน่า" เมืองแมนคิดในใจและยิ้มให้กับจดหมายอีกครั้ง ก่อนที่เครื่องบินจะมุ่งหน้าไปยังประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นจุดหมายของเขา