12 มีนาคม 2554 15:26 น.

นิทานเซ็น ตอน วาทะของสองอาจารย์

กระบี่ใบไม้

กายดุจดั่งต้นโพธิ์พ้นโผล่เหย้า
จิตดังเช่นกระจกเงาสว่างไสว
หมั่นเช็ดถูให้กระจ่างทุกครั้งไป
อย่าให้ฝุ่นละอองใดมาจับลง
		

เสิ่นซิ่ว(ค.ศ.605-706)








.....โพธิ์นั้นไม่มีต้น....
ไร้กระจก ไร้ตัวตน หามีไม่
จิตเดิมแท้นั้นว่างเปล่า...ไม่มีอะไร
ฝุ่นละอองจากที่ใดมาเกาะมัน


ฮุ่ยเหนิง(ค.ศ.594-657)				
9 มีนาคม 2554 17:56 น.

นิทานเซ็น ตอน "เซ็น" เหมือนอะไร

กระบี่ใบไม้

วันหนึ่ง...เหล่าศิษย์ถามอาจารย์ว่า

เซ็นนั้นหนาเป็นอย่างไรแจงให้เห็น

พระอาจารย์จึงแจกแจงแจ้งประเด็น

เปรียบเปรยถึงเรื่องของเซ็นเป็นนิทาน


ครั้งหนึ่งลูกขโมยนั้นถามพ่อว่า

เมื่อไหร่พ่อจะสอนวิชาเป็นแก่นสาร

ครอบครัวเราดำรงชีพมาช้านาน

ล้วนอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการขโมย


พ่อจึงบอกกับลูกว่า ข้าแก่แล้ว

ลดเรี่ยวแรงความคล่องแคล่ว,เริ่มอ่อนละโหย

เอาเถิดข้าจะสอนเจ้า,อีกครั้งโดย -

ขึ้นบ้านเศรษฐีกอบโกยทรัพย์สินกัน


ขณะที่ย่องเข้าไปถึงในบ้าน

บอกเจ้าจงไปกบดานในตู้นั่น

พอลูกเข้าก็ปิดปั๊บในฉับพลัน

ขัดดาลกั้นปิดภายนอกห้ามออกมา


ก่อนแกกลับให้สำเนียงส่งเสียงลั่น

มีขโมยขึ้นบ้านกัน...อีกแล้วจ้า...!!!

ไฟจุดพรึบ อลหม่าน,ทุกคนพา

ฉวยมีดไม้เต็มอัตราหาตัวการ


ลูกขโมยระทึกใจอยู่ในตู้

จะหารูจากที่ไหนไปจากบ้าน

หลังจากที่เลิกค้นหา,ไปช้านาน

ทำเสียงหนูอย่างลนลานเล็ดลอดไป


เสียงสะกิดคนรับใช้ให้ตื่นขึ้น

ยามดึกดื่นหนูตัวนี้แอบที่ไหน

เดินไปแง้มเปิดตู้นั้นขึ้นทันใด

ชนกับหนูตัวใหญ่ใหญ่...โดยฉับพลัน


ช่วยด้วยจ้า ที่ตรงนี้มีขโมย

ลูกชายโจรร้องโอดโอยอย่างเสียขวัญ

โดยไหวพริบคิดขึ้นได้ในฉับพลัน

ทุ่มหินใหญ่ลงน้ำนั่นหลอกผู้คน


ขณะที่คนในบ้านนั้นล้อมสระ

ฉวยโชคงามช่องจังหวะยามสับสน

จึงหนีกลับไปถึงบ้านในบัดดล

พอกลับถึงก็ไปบ่นให้พ่อฟัง


ดีใจด้วยเจ้าพากเพียรเรียนสำเร็จ

...กลเม็ดการขโมยโดยมุ่งหวัง...

อาจารย์จบนิทานเซ็นแลเห็นดัง

เซ็น....เหมือนเรื่องพ่อสอนสั่งลูกนั้นแล				
25 กุมภาพันธ์ 2554 17:55 น.

กาแฟใส่เกลือ

กระบี่ใบไม้

เธอโดดเด่นเป็นประกายพรายแสงจ้า

ดังแสงเพชรก่องเก็จกล้ามณีฉาย

เขาคนนั้นเหมือนกับคนอื่นมากมาย

มีเงารักเปล่งประกายจากสายตา


จำยังจำภาพวันนั้นที่พานพบ

คล้ายบุพเพได้ประสบเลือกเฟ้นหา

เขาและเธอ,ร้านกาแฟ,ใต้ชายคา

ชายหนุ่มนั้นแสนประหม่าเกินเอ่ยคำ


กลางความเงียบทั้งสองล้วน - ชวนอึดอัด

บรรยากาศช่างบีบรัดจนน่าขำ

ทันใดนั้น เขาก็ชี้ กาแฟดำ

เรียกพนักงานส่งเกลือนำมาใส่ที


คนตะลึง(ยิ้มหัว)ทั่วทั้งร้าน

เมื่อเขาบอกความต้องการรสชาตินี้

ทุกครั้งดื่มกาแฟเค็ม...รู้สึกดี

คิดถึงพ่อแม่น้องพี่ที่ริมเล


ยามเป็นเด็กล่องเรือน้อยลอยจากฝั่ง

สู้พายุฟ้าคลุ้มคลั่ง...ลมหักเห

ใต้ต้นพร้าว...แม่คงไกวแกว่งสายเปล

ยามเขาพูดถึงพื้นเพอาบน้ำตา


เธอคนนั้นสะท้อนไหวเศร้าในจิต

มองดูเขาอย่างพินิจ...ก่อนคิดว่า

ใครคนหนึ่งคิดถึงบ้านอยู่ทุกเวลา

เขาคนนั้นย่อมซึ้งค่าของครอบครัว


เธอชวนเขาคุยมากมายหลากหลายสิ่ง

ก่อนเริ่มรู้ความจริงอย่างถ้วนทั่ว

ชายคนนี้ที่ท่าทางเหมือนขลาดกลัว

แต่แฝงเร้นซ่อนในตัวคือ...ซื่อตรง...


..............................................................


ตลอดสี่สิบปีนี้ที่เปลี่ยนผ่าน

รักคงเป็นเช่นวันวานชวนลุ่มหลง

กาแฟใส่เกลือเท่านั้นที่เธอชง

คง...มั่นคง...ดุจคำรักซื่อปักใจ


..............................................................


วันนี้เขาจากเธอไปแสนไกลแล้ว

กาแฟใส่เกลือในแก้วยังกรุ่นไหว

จดหมายน้อยฉบับนั้นคงอุ่นไอ

พร้อมถ้อยคำเหลือทิ้งไว้...อาบน้ำตา...


ผมมีบางถ้อยคำนี้จะสารภาพ

อาจรอคอยคุณจนตราบไม่เห็นหน้า

ผมเคยคิด คิดบอกคุณเสมอมา

แต่ไม่เคย...เลยคิดกล้า...จะกล่าวคำ


คุณยังจำเรื่องกาแฟนั้นได้ไหม

สิ่งที่ผมพูดออกไปดูน่าขำ

ผมสั่งเกลือ...เอามาใส่...กาแฟดำ

ผมพูดผิด...อยากกล่าวย้ำเรียก...น้ำตาล...


เป็นหนึ่งเดียวที่ผมนั้นเคยโกหก

เผลอเอ่ยคำกล่าวเพ้อพกไร้แก่นสาร

แต่ผมรัก รักคุณมั่นมายาวนาน

นั่นแหละคือความต้องการไม่ผันแปร


ผมเคยหลอกลวงคุณมาแล้วในชั่วชีวิต

เป็นหนึ่งเดียวที่พลั้งผิดจนเกินแก้

ผมทนดื่มรสชาติเค็มของกาแฟ

ล้วนเกิดจากความรักแท้ผูกสายใย


...สุดท้ายนี้...อยากบอกคุณอีกครั้งว่า...

คุณคือยอดปรารถนาอันยิ่งใหญ่

ย้อนเวลา...ได้...ยังขอดื่ม...มันต่อไป

ผมไม่เคยคิดเสียใจที่รักคุณ


..............................................................


กระดาษบางเปียกแล้ว - คนลาลับ

หยาดน้ำตาไหลกลืนกับกาแฟกรุ่น

กล่อมรสชาติกาแฟนี้ให้หวานละมุน

หอม...กาแฟเสิร์ฟไออุ่น...ชั่วนิจนิรันดร์










ดัดแปลงบทประพันธ์นี้จากฟอร์เวิร์ดเมล				
19 กุมภาพันธ์ 2554 16:03 น.

ฝันกวี

กระบี่ใบไม้

กลางโลกฝันอันพริ้งพรายประกายผุด

มีดวงใจใสพิสุทธิ์แห่งอักษร

จินตนาของแผ่นฟ้าเอื้ออาทร

ต่างอาภรณ์คลี่ผืนพรมคลุมห่มใจ


เก็บพวงร้อยช่ออักษรก่อกลอนวาด

ด้วยใจอันใสสะอาดซึ้งผ่องใส

ลอยข้ามผ่านทุกความลวงด้วยห่วงใย

ใช้ความซื่อถืออภัยเป็นกำลัง


ไม่มีตัวเอกตัวรองหรือตัวร้าย

แสงแห่งมิตรคงพริ้งพรายส่องความหวัง

ยังโลกสวนแห่งกวีที่จีรัง

ไร้สิ่งใดมาบดบัง...ความฝันเรา				
15 กุมภาพันธ์ 2554 18:10 น.

ฮาจิโกะ...ผู้รอคอย

กระบี่ใบไม้

ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น

ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย

หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย

ตราบวันนี้ไม่เห็นนาย...ฉันยังรอ


.......................................


๑


วันที่เขาเลี้ยงมันไว้ที่ในบ้าน

ดังพบพานเพื่อนสนิทแนบชิดหนอ

ทุกทุกวันไม่เคยเหงาเคล้าเคลียคลอ

ความอบอุ่นสาดแสงทอที่แววตา


แม้ไม่อาจพูดออกไปดังใจรัก

แต่ความภักดีก็เห็นประหนึ่งว่า

พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันตลอดมา

ไร้เล่ห์เหลี่ยมไร้มารยาคอยห่วงใย


คอยไปส่งชานชาลาเวลาเช้า

หิมะพราวหนาวเหน็บแท้สักแค่ไหน

ตราบภาพนายเดินหายลับกับรถไฟ

ย้อนกลับมาถึงเมื่อไหร่...ยังเฝ้าคอย


๒


เย็นวันหนึ่งนายหายไปไม่กลับบ้าน

นั่งรอคอยอยู่เนิ่นนานเศร้าเหงาหงอย

ตราบอาทิตย์ลับผ่านวัน  พระจันทร์ลอย

เจ้าหมาน้อยรอนายอยู่...คู่ชานชาลา


๓


ใครหนอมาเต็มบ้านเมื่อวานนี้

มันคงสงสัยฤดี...ไม่รู้ว่า -

พวกเขานำคำข่าวร้ายของนายมา

...ไร้โอกาสพานพบหน้าชั่วกัปกัลป์...



๔


ชานชาลายามเช้านั้นมันแสนหนาว

หิมะพราวพรมขนทั่วทั้งตัวนั่น

รออยู่จนถึงยามเย็นเช่นทุกวัน

ใจคงเศร้าคงหนาวสั่นกว่าร่างกาย


.......................................


ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น

ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย

หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย

ตราบวันนี้รอคอยนาย...อยู่ที่เดิม







ที่มาของบทกลอน

เรื่องของฮาจิโกะ

ในปี 1924 ฮาจิโกะถูกซื้อจากโตเกียว โดยศาสตร์ตราจารย์ ฮิเดะซาปุโระ อุเอโนะ (ศาสตราจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว)   ระหว่างที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่ ฮาจิโกะจะไปส่งเจ้านาย บริเวณใกล้ๆกับสถานีรถไฟชิบุย่าและรอคอยเจ้านายกลับบ้านที่นั่นทุกๆวันในตอนเย็น 
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเดือน พฤษภาคม ปี 1925  ศาสตราจารย์ อุเอโนะ ก็ไม่ได้กลับบ้านมาเหมือนปกติเนื่องจากมีอาการป่วยกำเริบที่มหาลัยในวันนั้น และเขาก็ได้เสียชีวิตลง 
แต่ละวันฮาจิโกะ จะเฝ้ารอศาสตราจารย์ อุเอโนะกลับมา รอรถไฟขบวนแล้วขบวนเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้านายที่รักของมันจะก้าวออกมาให้เห็นเหมือนเช่นเคย  แต่มันก็ยังคงเฝ้ารออย่างตั้งใจอยู่อย่างนั้นทุกวัน 
พวกคนที่ผ่านไปมารวมทั้งนักข่าวต่างสงสัยกันว่า  ทำไมเจ้าหมาตัวนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่รถไฟทุกวัน  จนได้รู้เรื่องจึงได้ซื้ออาหารเลี้ยงดูเอาใจใส่เจ้าฮะจิในระหว่างที่รอเจ้านายของมันอยู่
10 ปีผ่านไป นักข่าวคนหนึ่งที่เคยทราบเรื่อง กลับมาที่สถานีรถไฟที่เดิมอีกครั้งและที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเมื่อเขาพบว่าเจ้า ฮาจิโกะ สุนัขตัวเดิมที่ยังคงนั่งจ้องรถไฟรอเจ้านายของมันอยู่  เหมือนดัง 10 ปีที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลงเลย จนกระทั่ง
วันที่ 3 มีนาคม 1935 ฮาจิโกะก็ได้เสียชีวิตลง โดยถูกพบบนถนนย่านชิบุย่า เรื่องราวของฮะจิถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2478 
เมื่อหนังสือพิมพ์อาซาฮีได้ตีพิมพ์เรื่องราวดังกล่าว จนภายหลังได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุนัขยอดกตัญญู" (忠犬)และถูกสร้างเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ ซึ่งเป็นจุดที่ฮะจิโกะเคยนั่งรอเจ้านายของมัน
ในปัจจุบันฮาจิเป็นสัญลักษณ์ของความสัตย์ซื่อ หนุ่มสาวญี่ปุ่นจะไปสัญญารักต่อกันหน้า รูปหล่อของฮะจิที่สถานีรถไฟแห่งนี้.....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระบี่ใบไม้