5 พฤษภาคม 2552 09:57 น.
กระบี่ใบไม้
น้ำในหม้อเริ่มแห้งเหือดและเดือดพล่าน
เมื่อฉันพบความร้าวรานและหวั่นไหว
มีคนหนึ่งส่งหัวมันให้ฉันไว้
พร้อมไข่ดิบหนึ่งใบและกาแฟ
หม้อสามใบยังระอุและคุกรุ่น
แต่ใจฉันกลับวิ่งวุ่นในร่างแห
ใครคนนั้นบอกให้ฉันลืมความแพ้
พร้อมกับชี้หนทางแก้ที่ต้นตอ
เขาใส่มันและไข่ไปในน้ำเดือด
มันที่แข็งพลันซีดเผือดและอ่อนข้อ
แต่ไข่ที่ไม่แข็งแรงและแกร่งพอ
กลับแข็งกร้าวเมื่อสุกก็ไม่ง้อใคร
ยามเมื่ออยู่กลางร้อยพันของปัญหา
คุณจะยังหวาดผวาอยู่หรือไม่
หรือกระด้างเพราะหวาดกลัวไร้หัวใจ
อยู่ที่เลือกหนทางไปเป็นไม่เป็น
กาแฟสุกเดือดจากหม้อยังหอมกรุ่น
พร้อมรักษารสละมุนให้คุณเห็น
ยามเมื่อคุณพบเรื่องราวร้าวลำเค็ญ
ใยชีวิตคุณไม่เป็นเช่นกาแฟ
4 พฤษภาคม 2552 19:58 น.
กระบี่ใบไม้
กระบี่คือคมกล้าศาสตราวุธ
แหลมที่สุดและสูงส่งทนงค่า
มิใช่แรงแห่งอำนาจของศาสตรา
แต่คือแรงที่แข็งกล้าของหัวใจ
ใบไม้มีหลากสีสันจรรโลงโลก
แม้ยามโศกเศร้าสะท้อนไม่อ่อนไหว
ใช้ชีวิตที่ยังเหลือสร้างเยื่อใย
หยิ่งในความยิ่งใหญ่ของใบบัง
มีอักษรซุกซ่อนคมพรหมลิขิต
มีชีวิตที่ยังเหลือเพื่อความหวัง
เป็นไม้ใบแห่งฤดีที่จีรัง
มีความหลังที่ล้นเหลือ...เพื่อรอคอย
3 พฤษภาคม 2552 12:33 น.
กระบี่ใบไม้
ทุ่งหญ้ายังอยู่ตรงนี้ คนดีเคยอยู่ตรงนั้น
เหม่อมองฟากฟ้าเดียวกัน...สุดหวั่นไหว
เมฆน้อยลอยคล้ายสายธาร ลมพานพัดมาพลิ้วเบา
ลมรักแผ่วมาบรรเทา สะท้อนซึ้ง...ตรึงใจ
โคนรุ้งพุ่งจากฟากฟ้า พริบตาขมขื่นตื่นฝัน
ภายใต้ฟากฟ้าเดียวกัน คนหนึ่งคนนั้น...อยู่แสนไกล
โคนรุ้งพุ่งจากฟากฟ้า ต้นหญ้ายังคงพัดไกว
ลมรักจากมาไกลไกล คิดถึง สุดซึ้งละมุน
ทุ่งหญ้ายังอยู่ตรงนี้ คนดีเคยอยู่ตรงนั้น
เหม่อมองฟากฟ้าเดียวกัน...สุดหวั่นไหว
เคียวรุ้งคล้ายเป็นสะพาน ข้ามธารเมฆาพลิ้วไป
ส่งความคิดถึงสุดห้วงดวงใจ...เอาไว้...รักเธอ
2 พฤษภาคม 2552 21:14 น.
กระบี่ใบไม้
ในค่ำคืนที่แสงจันทร์นั้นกระจ่าง
นักเดินทางยังไม่ซึ้งซึ่งฝั่งฝัน
ปล่อยอารมณ์อยู่เดียวดายใต้แสงจันทร์
ตะเกียงน้อยหนึ่งใบนั้นเคยร่วมทาง
แม้จะอบอุ่นได้เพียงเล็กน้อย
อาจจะด้อยแสงเรืองรองคอยส่องสว่าง
แสงแห่งไฟดวงน้อยนี้ไม่มีจาง
โต้แสงจันทร์ที่พราวพร่างกระจ่างทอ
ผู้ผ่านทางหนึ่งบังเอิญเดินผ่านมา
แนะนำว่าจะเก็บไว้ทำไมหนอ-
เมื่อแสงจันทร์ยังพราวพร่างกระจ่างพอ
ตะเกียงก็ไร้ความหมายเกินฉายไฟ...
ท่ามกลางแสงจันทร์นวลชักชวนฝัน
นักเดินทางผู้นั้นก็หวั่นไหว
สงสารเจ้าตะเกียงน้อยคู่กลอยใจ
เขาทอดทิ้งเจ้าเอาไว้ริมข้างทาง
ค่ำคืนนี้ที่ลมหนาวพลิ้วพราวพัด
เงียบสงัดไร้จันทร์ล้อแสงทอกระจ่าง
มืดและหนาวร้าวชีวันฝันเลือนราง
หลงคำอ้างไร้ความจริงทอดทิ้งเธอ
ทอดทิ้งสิ่งสำคัญไว้กับกาลเวลา
ทบทวนภาพที่ผ่านมาอยู่เสมอ
จันทร์อยู่ที่ขอบฟ้านั่นเฝ้าฝันละเมอ
ใจพร่ำเพ้อรักเพียงไหน...ไม่กลับคืน
2 พฤษภาคม 2552 14:50 น.
กระบี่ใบไม้
ไม่ใช่แสงของดวงดาวที่พราวฟ้า
แต่เปล่งจากยอดหญ้าที่พลิ้วไหว
ไม่ใช่สายของลมหวิวพลิ้วแผ่วไกว
แต่มันเต้นจากหัวใจที่คร่ำครวญ
ก่อนจะทิ้งชีพแสนสั้นกับฝันคว้าง
ล่องไปกับสายลมบางละห้อยหวน
ตราบน้ำใสที่ไหลลับไม่กลับทวน
อยากชี้ชวนดูดาวนั้นในฝันนี้
แม้เป็นแค่แสงดาวใจเหนือใบหญ้า
อาจไม่ใช่ดาวบนฟ้าเหนือถิ่นที่
แต่มันเป็นดาวในฝันที่ฉันมี
เกิดจากห้วงดวงฤดีเพียงหนึ่งดวง
.
ฝากไปกับแสงหิ้งห้อยที่ร้อยผ่าน
ก่อเป็นสายของลำธารสู่แดนสรวง
ระยิบแสงแห่งนทีสีเงินยวง
อยู่ในห้วงแห่งฝันนี้...ที่มีเรา