28 เมษายน 2553 13:23 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
พระอุปคุตเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน
จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ
สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ
เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง
เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ
แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้
เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร
ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร
เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที
ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้) แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า
พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน) เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง
พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป
กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด
เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี
ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก
ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า
จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป
22 เมษายน 2553 21:43 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ก่อนอื่น "ถ้าไม่แน่จริง...อย่ามีแฟนเจ้าชู้" อย่าคิดว่าตัวเองแน่ ไม่ว่าคุณจะสวยเริ่ดสูงส่งแค่ไหน นางงามจักรวาลก็ถูกผู้ชายเจ้าชู้เขี่ยทิ้งมาแล้ว ขอบอก
สำหรับคนที่มีแฟน/สามีเจ้าชู้แล้ว มันหลวมตัวไปแล้ว เลิกก็เลิกไม่ได้ จะทำไง...
คุณต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้ชายเจ้าชู้ค่ะ
ไม่ต้องไปสืบสาวหาสาเหตุหรอกค่ะว่าทำไมเขาจึงเจ้าชู้ มันจะเกิดจากพันธุกรรมหรือจากการแพ้ยาบางชนิด ...ก็ช่างศีรษะมัน ให้คุณเข้าใจเพียงว่า "ความเจ้าชู้" เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้และเปลี่ยนแปลงยากมาก.. ก็พอแล้ว
ยกตัวอย่างง่ายๆละกัน
สมมติว่าเขากลับบ้านดึกเพราะไปเที่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง คุณรู้..แต่เขาโกหกคุณว่าติดประชุม
- ถ้าคุณโกรธ แต่ไม่พูดอะไร ---> ยอมทน
- ถ้าคุณโกรธ โต้กลับอย่างดุเดือด --> ยอมไม่ได้
- ไม่โกรธ และไม่โต้ตอบ ทำงานอย่างอื่นต่อไปตามปกติ ---> ยอมรับ
ไม่ต้องกลัวค่ะ..การยอมรับ ไม่ใช่เรื่องโง่ เพราะ "คุณรู้" ว่าเขาโกหก ถ้าครั้งต่อไปเขามาขอเงินคุณไปเที่ยวผู้หญิงคุณก็จะปฏิเสธเพราะ...คุณรู้ แต่ถ้าคุณให้เงินเขา..นั่นค่อยเรียกว่า "โง่ " ค่ะ
กรณีที่ยกตัวอย่างมา ถ้าคุณผู้หญิงบางคนอยากโต้ตอบเขาก็อย่าให้ดุเดือด คุณอาจพูดว่า "ดิฉันเจอคุณกับน้องเกิบที่ผับ ท่าทางสนุกก็เลยไม่อยากรบกวน วันหลังอย่ากลับดึกนักนะคะ ลูกไม่ได้เจอหน้าคุณเป็นเดือนแล้วค่ะ"
ดิฉันเจอคุณกับน้องเกิบที่ผับ ---> ให้เขารู้ว่าคุณรู้ เพื่อให้เขาโกหกน้อยลงหรืออาจระวังมากขึ้นถ้าคิดจะโกหกอีก (ฮ่า..) อย่าโต้ตอบแบบนี้ถ้าคุณไม่ได้เจอเขาด้วยตา เพราะมันจะขึ้นต้นด้วย "เพื่อนดิฉันบอกว่าเจอคุณกับน้องเกิบที่ผับ.." แบบนี้ไม่น่าเชื่อถือค่ะ ฟังคนอื่นเล่ามา แสดงว่าคุณหูเบา เขาเองก็จะโกหกต่อไปเพราะรู้ว่า "คุณยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน"
ท่าทางสนุกก็เลยไม่อยากรบกวน ---> แสดงให้เขารู้ว่า คุณให้เกียรติเขา เขาก็ควรจะให้เกียรติคุณเช่นกัน
วันหลังอย่ากลับดึกนักนะคะ ลูกไม่ได้เจอหน้าคุณเป็นเดือนแล้วค่ะ" ---> บอกข้อเท็จจริงเพื่อให้เขาตระหนักว่าพฤติกรรมของเขาอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนที่เขารัก
โต้ตอบสั้นๆก็พอค่ะ โดยโต้ตอบเมื่อคุณต้องการให้เขาลดพฤติกรรมลงบ้างเมื่อคุณเห็นว่ามันกำลังเกินขอบเขต แต่อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
แต่ถ้าเป็นนิยามแบบกระต่ายใต้เงาจันทร์ที่คิดแบบสนุกๆเล่นๆคงเพิ่มเติมข้อคิดได้อีกดังนี้ค่ะ
ถ้ามีแฟนเจ้าชู้จะให้กิน ผงชูรสมากกเอาให้มันหัวล้านก่อนวัยอันควร ผู้หญิงไม่แล
จากนั้นก็ให้กินอาหาร junk foods เยอะๆ ไขมันเยอะ ขุนให้อ้วนจน ตรงนั้นใช้การไม่ได้ อ้วนๆๆๆๆ
คิดว่าผู้ชายบางคนไม่มุ่งเรื่องอื่น นอกจากทำสถิติจีบอย่างเดียวไว้คุยกับก๊วนเพื่อน ปล่อยผีเข้าป่าไปค่ะ ยึดเงิน ยึดบัตรเครดิต ยึดรถ ให้มันไปตายเอาดาบหน้า
เรื่องจริงของผู้ชายที่ต้องเปลี่ยนไปผู้ชายเปลี่ยนไปได้ยังไง ขึ้นอยู่กับเวลาค่ะ ผู้ชายจะพูดอย่างนี้ เริ่มที่คำว่ารัก หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ หลังจากผ่านไป 6 เดือน อ๋อ..แน่นอน ผมยังรักคุณอยู่เสมอ หลังจากผ่านไป 6 ปี ถามได้ ถ้าผมไม่รักคุณ แล้วผมจะมาแต่งงานกันคุณหาพระแสงของ้าวทำไมฟะ กลับจากทำงาน หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ที่รัก ผมกลับมาบ้านแล้ว หลังจากผ่านไป 6 เดือน กลับแล้ว หลังจากผ่านไป 6 ปี นี่..ทำกับข้าวหรือยังเนี่ย รับโทรศัพท์ให้ หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ที่รักจ๊ะ มีคนอยากคุยกับคุณนะ หลังจากผ่านไป 6 เดือน นี่คุณ โทรศัพท์คุณนะ หลังจากผ่านไป 6 ปี รับโทรศัพท์ซะทีซิฟะ ทำกับข้าว หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณทำกับข้าวได้อร่อยขนาดนี้ หลังจากผ่านไป 6 เดือน แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรกันเนี่ย หลังจากผ่านไป 6 ปี กินของเก่าอีกแล้วหรือฟะ ชุดใหม่ หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ว้าว..คุณดูสวยยังกะนางฟ้าตอนสวมชุดนี้เลยนะนี่ หลังจากผ่านไป 6 เดือน คุณซื้อชุดใหม่อีกแล้วหรือนี่ หลังจากผ่านไป 6 ปี ซื้อมาเท่าไหร่ละเนี่ย โทรทัศน์ หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ที่รักจ๊ะ..คืนนี้เราจะดูรายการอะไรกันดี หลังจากผ่านไป 6 เดือน ผมชอบหนังเรื่องนี้ หลังจากผ่านไป 6 ปี ผมจะดูแผ่นผี ถ้าคุณไม่ชอบก็ขึ้นไปนอนซะ ผมจัดการ เองได้ การเมคเลิฟ หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ ที่รักจ๊ะ..คืนนี้ผมอยากนอนกอดคุณจัง หลังจากผ่านไป 6 เดือน ไว้วันหลังก็แล้วกันนะ ผมเหนื่อยมากแล้ว หลังจากผ่านไป 6 ปี นี่ขยับไปฝั่งโน้นได้ไหม เหม็นเบื่อจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว.
ข้อสุดท้าย ถ้าผู้หญิงรักผู้ชายมากกว่าตัวเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร นอกจาก ทนไม่ได้ เป็นยอมทน ผลสุดท้าย ต้องยอมรับในที่สุด
19 เมษายน 2553 13:53 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อพูดถึงเรื่องการรับองค์เทพ มีทั้งคนเชื่อ และไม่เชื่อในขณะที่อีกหลายคนมองว่าเป็นเรื่องงมงาย
เมื่อหลายวันก่อนมีโอกาสเดินทางไปร่วมกิจกรรมการรับองค์เทพฯ ซึ่งวันนั้นมีผู้ที่ศรัทธาในเรื่องนี้ มาร่วมงานกันหลายคน
เจ้าพิธีได้พูดกับผู้ที่ไม่ร่วมงาน หลายครั้งว่า ใครว่าเชื่อเรื่องเทพฯ เป็นการงมงาย ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยพวกเราได้แต่งตัวสวยๆงามๆ และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
ทำให้มองเห็นว่า ผู้ที่เชื่อว่าตนเององค์เทพฯจริงๆนั้น ไม่ได้สร้างเดือดร้อนให้กับสังคม และดูเหมือนพวกเขาเหล่านั้นมีความสุขกับกิจกรรมที่ทำ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์เทพหรือไม่ ถ้าหากมีคนมาทักท่านหรือทำนายทายทักว่ามีองค์เทพ ก็อย่าเพิ่งเชื่อทันที ให้ไปตรวจอีกหลายๆที่จนแน่ใจว่าชัดเจน เพราะการตรวจองค์ได้ อธิบายไว้ชัดเจนว่ามี ๔ ข้อ ดังนี้
การที่มีคนทักท่านว่ามีองค์หรือสงสัยว่า ตัวเองมีองค์กับเขาหรือไม่เป็นข้อสงสัย สำหรับหลายท่านสามารถขจัดข้อ สงสัยนี้ ได้โดยอาจทำดังนี้
๑ . โดยการผูกดวงชะตา
๒ . โดยการตรวจจากลายมือ
๓ . ทำนายจากไพ่พยากรณ์
๔ . การตรวจองค์เทพรับ ตรวจโดยผู้ที่มีญาณบารมี
หากท่านได้ผ่านขั้นตอนนี้ ก็แสดงว่าท่านเป็นคนมีองค์เทพกับเขาคนหนึ่ง อย่าหลงเชื่อโดยที่ท่านยังมิได้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง
ท่านศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้มุ่งมั่นและมีจิตศรัทธาที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องมีหลายองค์ จะทำให้ท่านได้รับพร สมความปรารถนา
สิ่งที่สำคัญของผู้รับองค์เทพคือการปฏิบัติตัวเป็นคนดี อย่างน้อยไม่ผิดศีล ๕ ข้อ
เมื่อพบว่าเรามีองค์เทพแล้วจะปฏิบัติอย่างไรตัวอย่างไร จึงจะเหมาะสม มีท่านผู้รู้ได้ให้คำแนะนำ ข้อปฏิบัติในเบื้องต้นว่า
๑ . งดหรือห้ามรับประทานเนื้อวัวควายตลอดชีวิต
๒ . ห้ามรับประทานเครื่องเซ่นบวงสรวงของคนอื่น
๓ . ห้ามรับประทานอาหารหรือของกินต่างๆในงานศพ งานแต่ง หากจำเป็นต้องไป ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๑๖ ดอกบอกกล่าวขออนุญาตต่อองค์เทพ
๔ . สวดมนต์เป็นประจำ ชีวิตจะรุ่งเรือง
๕ . ก่อนที่จะไปทำการรับขันธ์ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ ๓ ครั้งก่อนหากดวงท่านต้องรับขันธ์หรือเดินสายเทพ
๖ . ควรมีประคำประจำกายอย่างน้อย ๑ เส้น จะเป็นแบบใดแล้วแต่องค์เทพฃองแต่ละท่าน
การปฏิบัติบูชานั้นเป็นหัวใจสำคัญลำดับต้นๆในการเข้าถึงองค์เทพ หากเราจะนับถือเทพพระองค์ไหน ก็ให้ศึกษาคุณธรรมของพระองค์ท่านให้แจ่มชัดและปฏิบัติตามจริยวัตรของพระองค์ท่านให้ถูกต้อง ท่านสำเร็จด้วยแนวทางเช่นใดก็ขอให้เรายึดถือปฏิบัติในแนวทางเช่นนั้น
หากท่านปฏิบัติบูชาได้อย่างครบถ้วนเช่นนี้ คุณธรรมเหล่านี้จะน้อมนำท่านเข้าสู่มหาเทวีทุกพระองค์ และเป็นพื้นฐานที่จะน้อมนำท่านไปสู่กฎแห่งจักรวาลในกาลต่อๆไป
19 เมษายน 2553 08:46 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เลข 1 9 คุณชอบเลขไหนกัน มี คำทำนาย เลขที่บอกนิสัย มาให้อ่านกันดู
เลขที่บอกนิสัย
ตัวเลข 1 ถึง 9 ที่เราชอบ สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง เพราะตัวเลขแต่ละตัว มีบุคลิก ความหมาย และความนัย ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การที่คนเราชอบตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งเป็นพิเศษ ย่อมต้องมีเหตุผล มีที่มา และสามารถนำมาทำนาย ทายนิสัยได้อย่างน่าเชื่อถือ ก่อนอื่น ตอบตัวเองอย่างรอบคอบว่า ชอบตัวเลขใดมากที่สุด แล้วอ่านคำทำนายต่อไปนี้
ถ้าคุณชอบเลข 1 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : คุณเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีคุณธรรมและเมตตาธรรม จิตใจดี มีความรับผิดชอบสูง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เฉลียวฉลาด ปราดเปรื่อง มีปฏิภาณไหวพริบอันยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ปรารถนาการเป็นผู้หญิงแถวหน้า และการยอมรับนับถือจากผู้คนรอบข้าง
แต่บ่อยครั้ง : คุณพลาดจังหวะดีดีในชีวิตไปหลายครั้งหลายหน เพราะเกิดอาการลังเล กล้า ๆ กลัว ๆ และไม่ชอบเสี่ยง
ลับเฉพาะ : คุณชื่นชอบชายหนุ่มที่มีความเป็นผู้นำสูง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความอ่อนโยน อ่อนหวาน และอ่อนไหวอยู่ลึก ๆ
ถ้าคุณชอบเลข 2 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนอ่อนหวาน นุ่มนวล กิริยามารยาทเรียบร้อย มีความประนีประนอมสูง รักสันติ อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนที่ปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง และมีอุดมการณ์ รักเพื่อนฝูง รักครอบครัว และรักบ้าน มีจิตใจละเอียดอ่อน มีพรสวรรค์ และชั้นเชิงในงานศิลปะทุกรูปแบบ
แต่บ่อยครั้ง : ที่คุณหูเบา เชื่อคนง่าย ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก จึงมักเดือนร้อน และเสียชื่อเสียงเพราะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
ลับเฉพาะ : คุณต้องการใครสักคน ที่ทำให้คุณรู้สึกอบอุ่น มั่นคงและเป็นตัวของตัวเอง
ถ้าคุณชอบเลข 3 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความประนีประนอมสูง ปรับตัวเก่ง ช่างเอาอกเอาใจ และแคร์ความรู้สึกของคนใกล้ชิด ร่ำรวยรอยยิ้ม และอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี ไม่มีพิษสงอะไรกับใครเขา ปรารถนาให้ทุก ๆ คนในชีวิตมีแต่ความสงบสุข เป็นคนที่ไม่ชอบย่ำอยู่กับที่ จึงขวนขวายศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ ใส่ตัวอยู่เสมอ
แต่บ่อยครั้ง : ที่คุณโลเล แปรปรวน มีจุดหมายในชีวิตไม่แน่นอน มักเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและคนใกล้ชิด
ลับเฉพาะ : เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น คอยดูแลเอาใส่ยามอยู่ใกล้ และคอยห่วงใยยามอยู่ไกลกัน
ถ้าคุณชอบเลข 4 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว พูดน้อย ชอบทำอะไรเงียบ ๆ คนเดียว โดดเดี่ยว และรักอิสระ เป็นคนฉลาดคิดและฉลาดทำ ช่างเลือก ชอบการวางแผนล่วงหน้า เชื่อมั่นในความคิดของตนเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดที่แปลกพิสดารเพียงใด
แต่บ่อยครั้ง : คุณก็เป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหร้าย และเผลอทำอะไรไปโดยไม่ได้ยั้งคิด แต่ยังดีที่เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว
ลับเฉพาะ : คุณชอบทดลอง ชอบความแปลกใหม่ ที่ไม่ซ้ำแบบใคร ดังนั้นใครบางคนที่มากับเรื่องเซอร์ไพรส์ จะสร้างความประทับใจให้คุณได้เสมอ
ถ้าคุณชอบเลข 5 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว กระตือรือร้น และไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ เสาะแสวงหาสิ่งแปลกใหม่อยู่ร่ำไป ร่าเริงแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด มองทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย หากตั้งใจและลงมือทำ ย่อมประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก รอบคอบและถี่ถ้วน ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ประมาท ถือหลักปลอดภัยไว้ก่อน
แต่บ่อยครั้ง : คุณก็เป็นคนที่ชอบสัญญาหรือรับปากใครต่อใครไว้ก่อน ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า เมื่อทำไม่ได้ทั้งที่ได้พยายามแล้ว จึงทำให้คุณดูเหมือนเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือและไว้วางใจ
ลับเฉพาะ : คุณไม่ชอบเดินทางไกล ไม่ชอบการผจญภัย ไม่ชอบสถานที่แคบ ๆ และไม่ชอบคนใจแคบคุณจึงชอบความรักที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่วุ่นวายสับสน ขณะเดียวกันก็มีอิสระเสรี มีความเชื่อมั่นในกันและกัน
ถ้าคุณชอบเลข 6 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนสุภาพเรียบร้อย กิริยามารยาทนุ่มนวล อ่อนช้อย พูดจาไพเราะ มักมีอุดมการณ์และทัศนคติส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร และพร้อมที่จะโดดเดี่ยวตามลำพังเพื่อความฝันของตัวเอง มีเหตุผลและเป็นคนช่างคิด
แต่บ่อยครั้ง : คุณมักทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล และใช้อารมณ์มากกว่าหลักการ
ลับเฉพาะ : คุณกำลังเสาะแสวงหาใครสักคน ที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดี เสมอต้นเสมอปลาย และไว้วางใจได้
ถ้าคุณชอบเลข 7 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว พูดน้อย พูดจริง ไม่ชอบการคุยโม้โอ้อวด หรือการยกตนข่มท่าน สติปัญญาดี มีความเจริญก้างหน้าในการศึกษาและอาชีพ รู้ว่าตัวเองมข้อดีและข้อด้อยที่ตรงไหน และพร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่ดูแลแบะรักษรสุขภาพของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด พิถีพิถันและเฉลียวฉลาดในการดำเนินชีวิต
แต่บ่อยครั้ง : คุณมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานและความสำเร็จ จบละเลยเรื่องความรักและความรู้สึกลึก ๆ ข้างใน
ลับเฉพาะ : คุณหลงใหลใครสักคน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ แรงบัลดาลใจ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ถ้าคุณชอบเลข 8 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ตรงไปตรงมา กล้าในสิ่งที่ควรกล้า และเป็นคนที่กล้าทำก็กล้ารับหนักแน่น และอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง สุขุมและเยือกเย็น รอบคอบและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการดำเนินชีวิต
แต่บ่อยครั้ง : คุณรักงานมากกว่าสุขภาพหรือคนรัก
ลับเฉพาะ : คุณชอบความหรูหรา และความเป็นที่สุด และคุณเชื่อเสมอมาและจะเชื่อตลอดไปว่า ในโลกนี้ ไม่มีของดีราคาถูก และความรักของคุณก็คือการลงทุนชนิดหนึ่ง
ถ้าคุณชอบเลข 9 มากที่สุด
ลักษณะนิสัย : เป็นคนหัวโบราณ เคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์และประเพณีนิยม ซื่อสัตย์ และมีความยุติธรรมประจำหัวใจ ดื้อรั้นมุ่มมั่นและมีความฝันเป็นของตัวเอง อดทนและทานทนต่อทุกสภาวการณ์ ทะเยอทะยานเป็นระยะ
ตามจังหวะของแรงขวัญและกำลังใจ เคร่งเครียด เอาจริงเอาจังกับการดำเนินชีวิต เมื่อพลาดและผิดมักไม่ยอมให้อภัยตัวเอง ชอบมองโลกแง่ร้าย แต่ไม่เคยคิดร้ายใคร
14 เมษายน 2553 23:18 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ประเพณีสงกรานต์ไทย ถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำเดือนห้าเป็นประเพณีขึ้นปีใหม่มาแต่ครั้งโบราณ ราชการจะกำหนดนักขัตฤกษ์สงกรานต์ 3 วัน คือวันที่ 13, 14 และ 15 เมษายน โดยถือวันที่ 13 เป็นวันต้น วันที่ 14 เป็นวันกลาง และวันที่ 15 เป็นวันสุดท้าย ถือเป็นวันขึ้นศักราชใหม่ อย่างไรก็ตามในแต่ละท้องถิ่นจะมี วันไหล สรงน้ำพระ เล่นสาดน้ำของตนเอง
วันที่ 14 เมษายน ปีนี้เป็นปีแรกที่มีโอกาสสรงน้ำพระและก่อพระเจดีย์ เนื่องในวันสงกรานต์ ที่จังหวัดเชียงราย หรือคนในพื้นที่เรียกว่า ป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมือง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม
ชาวบ้านต่างนำน้ำส้มป่อยใส่น้ำอบน้ำหอม เพื่อสรงน้ำพระ เนื่องในวันปี๋ใหม่เมือง และนำทรายไปก่อพระเจดีย์ทราย เนื่องจากมีความเชื่อว่า เมื่อเข้าวัดอาจมีเศษดิน ทราย ติดเท้าออกมา กลัวว่าจะเป็นบาป จึงนำทรายมาคืนวัด
สำหรับความเชื่อของชาวบ้านที่อยู่ในเทศบาลเชียงราย นิยมสรงน้ำและก่อพระเจดีย์ทราย ถ้าจะให้ได้บุญมากจะต้องไปให้ครบ ๙ วัด อันไปประกอบไปด้วย
๑.วัดพระธาตุดอยจอมทอง ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง ริมน้ำกกด้านทิศตะวันตกของศาลากลางจังหวัด
๒ . วัดงำเมือง ( วัดดอยงำเมือง ) ตั้งอยู่ถนนอาจอำนวย บ้านฮ่อมดอย ( ชุมชนราชเดชดำรง )
๓ . วัดพระแก้ว ( พระอารามหลวง ) วัดพระแก้วเป็นพระอารามหลวงสามัญ ชั้นตรี
๔ . วัดมุงเมือง ตั้งอยู่ถนนอุตรกิจ ทิศใต้จดตลาดสดเทศบาล ทิศตะวันออกจดทางเข้าตลาดสดเทศบาล
๕ . วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ถนนไตรรัตน์ เป็นวัดไทใหญ่ สมัยก่อนมีชุมชนไทยใหญ่อยู่เรียกว่า วัดเงี้ยวหรือ วัดช้างมูบ ( ช้างหมอบ ) วัตถุโบราณของวัดมีบ่อน้ำโบราณ เรียกว่า บ่อน้ำช้างมูบ เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่มีซุ้มครอบไว้บนหลังช้าง ช้างมูบที่มาสันนิษฐานว่า บรรทุกพระสาริกธาตุมาบนหลังช้างแล้วมาประดิษฐานในเจดีย์
๖ . วัดศรีเกิด ตั้งอยู่บ้านศรีเกิด
๗ . วัดศรีบุญเรือง ตั้งอยู่ถนนสิงหไคล
๘ . วัดกลางเวียง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเวียงเชียงราย ในสมัยที่เรียกกันว่ายุคสถาปนานับตั้งแต่ พ . ศ . ๒๓๘๖ เป็นต้นมา ที่นับเนื่องเช่นนี้มาจากการที่เมืองเชียงรายเคยสร้างมาก่อน เป็นเวลานานกว่า ๒๐๐ปี และถูกทับถมทำลายโดยธรรมชาติระหว่างที่รกร้างและได้มารับการบูรณะใน พ . ศ . ๒๓๘๖ เป็นต้นมาเมื่อเริ่มสร้างกำแพงเมืองเชียงราย พ . ศ . ๒๔๐๐ และแล้วเสร็จบริบูรณ์ พ.ศ. ๒๔๑๗ การเฉลิมฉลองเมืองเชียงราย พ . ศ . ๒๔๑๘ ได้มีการเปลี่ยนจากวัด เดิม คือ จันทน์โลก หรือจั๋นต๊ะโลก มาเป็นวัดจันทน์โลกกลางเวียงซึ่งที่มาของ ชื่อกลางเวียงเพราะยุคนั้นวัดจันทน์โลกกลางเวียง คือศูนย์กลางของ เวียงเชียงราย เป็นที่ตั้งของ " สะดือเวียงเชียงราย "
๙ . วัดพระสิงห์ ( พระอารามหลวง ) วัดพระสิงห์ด้านหน้าติดถนนท่าหลวง ด้านข้างติดกับถนนสิงหไคล สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา เจ้าเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าพรหมได้มาครองเมืองเชียงราย ระหว่างปี พ . ศ . ๑๘๘๘ - ๑๙๔๓ สันนิฐานว่าวัดนี้คงสร้างในปี พ . ศ . ๑๙๒๘ คำว่าพระสิงห์ หมายถึงวัดซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์มาก่อน พระสิงห์เป็นพระนาม พระพุทธรูปที่สำคัญองค์หนึ่ง เป็นพระนามของ พระพุทธรูปอันบ่งบอกถึงคติพระพุทธศาสนาอย่างลังกาวงศ์
สงกรานต์ปีนี้ หลายคนอาจไม่มีความสุขกันนัก แต่วัฒนธรรมประเพณีไทย เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ควรรักษาให้คนรุ่นหลัง สืบสาน ประเพณี เชียงรายนับเป็นจังหวัดหนึ่ง ที่ยังคงรักษาประเพณี ที่ดีงาม และ การเล่นน้ำ อย่างสุภาพ และคิดว่าหลายจังหวัดก็เป็นเช่นนี้ เช่นกัน
โดยเนื้อแท้ของนิสัยคนไทยแล้ว จะเป็นคนโอบอ้อมอารี
มีเมตตา จึงคิดและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความเป็นคนไทยและนิยามกับคำว่า สยามเมืองยิ้ม และมิตรไมตรีจะกลับมาเยือนทั่วไทยอีกครั้ง
ไม่ว่าใครจะอยู่ฝ่ายไหน ก็อยู่ในผืนแผ่นดินไทยทั้งสิ้น
ขอให้มีความสุขกันทุกท่านทุกคนค่ะ