28 กุมภาพันธ์ 2550 23:05 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เสียงงฝนตกค่อยๆ เบาบางลางเลือนไปทีละน้อย ในยามค่ำคืน พร้อมเสียงฟ้าร้อง ที่เงียบหาย ฉันนอนสะดุ้ง ตื่น ด้วยความความกลัว เหงื่อผุดพรายล้อมรอบใบหน้า ผมปลิวปลัดคลอเคลียสองข้างแก้ม ค่อยๆๆเอื้อมมือปลัดผมออก ออกจากพวงแก้มทั้งสอง ที่ชุ่มด้วยเหงื่อ ทั้งที่ร่างกายหนาวเย็นจับใจ
กระชับไหล่ไล่ความเหน็บหนาว ใส่เสื้อคลุม มายืนที่ริมหน้าต่างที่เป็นกระจก
ใช้นิ้วมือ ค่อยๆลูบไล้ ฝ้าละออง ที่จับตัวบนกระจก เห็นเงาตัวเองในนั้น
มองออกไปนอกหน้าต่างเปิดกระจก รับลมเย็นหลังจากสายฝนเงียบหาย
ลมยังคงพัดพา ลูบไล้อย่างอ่อนโยน ตามเนื้อตัว แต่บางครั้งลมก็กรรโชกรุนแรงเหมือนโกรธขึ้งใครมา คงเหมือนผู้คน ที่บางคนไม่มีบ้านอยู่คงซัดเซพเนจร เหมือนกับลม หรือบางคน มีบ้านอยู่แต่ไม่ได้กลับบ้าน
หรือต่างคน ต่างเหตุผลกันไป
เหมือนฉันในเวลานี้ รู้สึกอ้างว้าง หวาดกลัว กลับความทรงจำและความฝันที่เลวร้าย ที่ห่างหายไปจากใจได้สักที
จะมีสักกี่คืน ที่ฉันไม่ต้องนอนสะดุ้งตื่น ขึ้นกลางดึก ที่มีแต่ความมืดมิด
คิดถึงพ่อจับใจ ถ้าพ่ออยู่ พ่อลูบผม เล่านิทาน ทุกครั้ง
ยืนหลับตา ยิ้มละไมในใบหน้า เหมือนได้ยิน เสียง พ่อเล่านิทานอยู่ข้างหนู
กระต่ายน้อยฟังนิทานน่ะลูก
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดบริการหมอดูสายด่วน ทางโทรศัพท์ เจ้ากบหนุ่มสนใจอยากมาใช้บริการมาก เมื่อองค์การโทรศัพท์ เปิดเครือข่ายมายัง คฤหาสถ์ เจ้ากบหนุ่ม คำทำนายก็เริ่มขึ้น
กบ...ผมอยากทราบเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในเร็วๆๆนี้น่ะครับ...
หมอดู...ได้สิ...แม่หมอพยากรณ์จะเริ่มคำคำนายน่ะบัดนี้
หลังจากตรวจดู เวลาตกฟาก ของเจ้ากบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หมอดู...เจ้ากบหนุ่มเอ๋ย...เจ้าจะได้พบกับหญิงสาวผู้หนึ่ง
กบ...แล้วยังไงฮะ...เจ้ากบหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
หมอดู...หญิงสาวผู้นี้จะกำหัวใจ ของเจ้า เธอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเจ้า ทันที ที่พบกัน เจ้าจะตกเป็นของเธอ
กบตื่นเต้นมาก...แล้วเมื่อไรฮ่ะ...
อีกนานไหมกว่าผมจะเจอเธอ ที่ไหน งานปาร์ตี้เหรอครับ
หมอดูยิ้ม อีกไม่นาน เจ้าจะเจอคนที่เจ้าอยากเจอ ในห้องวิชาชีวะ ไง
บรื๋อ......อ......อ.....อ...........อ.......
ฉันแอบยิ้ม เมื่อนึกถึง นิทานของพ่อ ทุกเรื่อง จะมีใคร แทนที่พ่อได้ ในความอบอุ่น ที่เคยได้รับจาก พ่อ
บอกฉันที ฉันจะซื้อหา ยาชื่อ ความอบอุ่น ได้ ที่ไหน
20 กุมภาพันธ์ 2550 22:51 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เวลาสองโมงเช้าของวันที่สิบห้า เสียงมือถือดัง พร้อมเสียงหวาน ที่รัก เก็บเสื้อผ้ารึยัง เราก็ตอบไป ที่รัก เค้ากำลังเก็บอยู่ หากล้องอยู่จ๊ะ ไม่รู้ไปไหน
เสียงห้องนอนข้าง เสียงประตูเปิดออกมา คุยกับใคร ลูก ไหนว่า อ้อยเป็นผู้หญิงหนู ทำไมเรียก ที่รักกัน ตกลงจะไปให้ ได้ใช่ไหม
ค่ะไป ก็หนูบอกแม่เป็น เดือนแล้ว ว่าจะไปค่ายกับอ้อย ผู้หญิงค่ะ
หนูแน่ใจน่ะ สุขภาพเราพร้อม แม่ถามด้วยความกังวล
แน่ใจค่ะ หนูหาหมอเป็นเดือน ออกกำลังกายทุกวัน แม่น่าจะรู้ นั่นความฝันหนู ครั้งสุดท้ายที่จะเดินป่า กับพ่อ อะไรที่เกี่ยวกับพ่อ หนูต้องทำจนได้
เราน่ะ เลือดพ่อแรงนี่ ตามใจ แม่จะไปซื้อของ ต่ายไปอาบน้ำทานข้าว เดี๊ยวแม่จะตรวจกระเป๋า เราหน่อย ตัวเองน่ะขี้ลืม ลงไปทานข้าวเถอะ แม่จัดการให้
หนูจัดเสร็จแล้วค่ะแม่ หนูจะไปตอนบ่ายนั่งรถทัวร์ไป
แม่จะไปซื้อของไหว้เจ้าวันตรุษจีน กระเป๋าต่าย กับของที่แจกเด็กๆใส่ท้ายรถแม่เลยแล้วกัน รออยู่บ้านหล่ะ เดี๊ยวเที่ยงจะมารับให้พี่ชายเราจองตั๋วให้
เออ เริ่มงงสิ เอากระเป๋าเราไปทำไมด้วยหว๊า กลัวไม่ได้ไปเหมือนกัน ผลสุดท้าย ได้ไป รถบ่ายสองออกบ่ายสาม
เริ่มขึ้นรถ มือถือดัง กำนัน ผมอรรถน่ะ ผมจะปิดมือถือไปสอบ งานกำนันว่าไงครับ ลากี่วัน แข่ง กับเสียงกระเป๋ารถทัวร์
ใครจะลงก็ลง แอร์เสีย คอมพัง หม้อน้ำไม่ดี แต่ใครไม่กลัวตายก็นั่งต่อไป
เรางงสิ ยืนเซ่อเลย ไม่เคยเจอ คนลงไปครึ่งคัน ทำไงดีประตูปิดปัง หัวท้าย
ตอบอรรถไปกำลังไปรถทัวร์แค่นี้ก่อนน่ะ ถ้ารอดกลับมาได้ เดี๊ยวคงเจอกันจ๊ะ
โทรหาอ้อยสิ แม่ร้อยฝัน ฉันเสียวจริงๆๆออกไปได้สักพัก รถจอด บอกว่าขอเอาน้ำรดอะไรไม่รู้ที่ตัวรถ บอกว่าเครื่องร้อนจัด
เอาว่ะ คิดในใจ ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกันกระต่าย
ลงคอนสาร อ้อยมารับ โธ่ โล่งใจ ถ้าไม่มาสงสัยกลับไม่เป็น
คุณครูที่บ้านพักอ้อยกับนักเรียนน่ารักทุกคน ต้อนรับอย่างดี
ถึงเวลานอน แม่ร้อยฝันตาจะติด บอกต่ายเรานอนกันเถอะ แต่แม่คุณ ปากชวนเราคุยตลอด ตื่นตีห้า ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไปรับยังเยาว์
เจ้าเยาว์งง ทีนี้ สามสาวโฉด ซื้อของกันกระจาย เตรียมไปค่าย สนุกสนาน
วันแรกอ้อยเหมารถเมล์สองคัน คันแรกให้เยาว์คุม
คันสองให้กระต่ายสนุกสิ ชวนเด็กเล่นหัวก้อย หนึ่งบาทจ่ายห้าบาท ห้าบาทจ่ายสิบบาท สิบบาทจ่ายยี่สิบบาท เล่นกันแทบทั้งรถ ทริปนี้ ว่ากันไม่ได้น่ะจ๊ะ ร้อยฝัน ฝากเราเองนี่นา แหมนักร้องโรงเรียนอ้อยน่ะร้องเพลงสุดยอด
ดันมะดันดี ตีสามตีสี่ปลุกพี่ขึ้นมาดัน ห้าห้าห้า งงสิเราสนุกสนานกันไป
วันแรกนอนที่ไหน รอร้อยฝันเขียนแล้วกัน มีป่าไม้ มีวิทยากรให้ความรู้สนุก
พี่อาร์ม พี่น้อย พี่จืด แล้วพี่ผู้ญ แอบมาถามเราว่า พี่ๆๆพวกหนูเถียงกันว่า
พี่ไม่ใช่อาจารย์โรงเรียนมัธยมโรงเรียนนี้แน่ๆๆ เพราะดูดีเกินไป
เลยตอบไปว่า พี่เป็นอาจารย์มัธยมโรงเรียน บ้านหนองอีกบ ญาติกับหนองอีเขียดค่ะ หัวเราะสิเรา ขำ ปลื้มแทบทานข้าวไม่ลง
ตอนเย็นมีหนุ่มแอ๊ฟในบ้านกลอน ตามมาสมทบอีกคน พร้อมเหล่าวิทยากร
กิติมศักดิ์ หาความดีไม่ได้ ความบ้าเอามาเพียบ ล้อเล่นน่ะน้อง น่ารักทุกคนค่ะ โดยเฉพาะหนุ่มโต มันแกล้งลากถุงนอนเราตั้งแต่เช้า แบบเบาๆ
ต้องขอบคุณ โตน่ะค่ะ ที่ดูแลพี่กระต่าย อย่างดี ช่วยเหลือ เป็นห่วงทุกอย่าง
ผิดกับบางคน ที่เคยบอกว่า ขี้เกียจดูแลเรา เราจะไปเป็นภาระคนอื่นปล่าวๆ
แต่ไม่ถามเราสักคำ เรามั่นใจตัวเองแค่ไหน
นั่นแหละน้ำใจคน ถึงบอกว่าน้ำใจหาอยากในหมู่คนกรุง อากาศที่นั่นช่วยให้หัวใจ และร่างกายเราดีขึ้น เพราะบรรยากาศที่อบอุ่น ช่วยเหลือ ตลกขบขัน
หนุ่มแอสเน็ต หนุ่มอาร์ต ก็น่ารัก ทุกคนน่ารักจริงๆ ไม่ว่านักเรียน บินหรืออีกคน ที่อยู่ช่วย ร่วมทั้งสุขสันต์ ลูกศิษย์ของโต
ขอขอจดจำทุกอย่าง ไว้ในความทรงจำ ทริปนี้ ประทับใจที่สุด อ้อย เยาว์ น้องสาวที่น่ารัก น่ารักสำหรับพี่กระต่ายเสมอ
คุณครูโรงเรียนและเด็กนักเรียนอ้อยทำให้ต่ายมีความสุข
อาจารย์โต ทำให้พี่กระต่าย เหมือนได้เจอคนที่เหมือนพ่อ จิตใจดี จิตวิทยาสูง
ไม่คิดว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยซ้ำ ขอบคุณความห่วงใยที่ไม่ต้องถ่ายทอดด้วยคำพูด แต่มันฉายทางแววตา
ชัชวาลย์ เอริ์ต ทำให้พี่กระต่ายสนุกนานมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลง
ขอบคุณจากหัวใจ
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ปล ถึงอ้อย บอกให้ต่ายเขียนก่อน ตัวเองตามมาเก็บตกถึงรายละเอียดแล้วกันที่รัก
14 กุมภาพันธ์ 2550 01:58 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในยามราตรี ที่ความมืดมิดเริ่มมาเยือน เราจะมองเห็นดวงดาวน้อยใหญ่
กระพริบพร่างพรายอยู่บนท้องฟ้า ทักทายกลุ่มหมู่เมฆและดาวเดือนน้อยใหญ่
ดวงจันทร์ใสกระจ่างแสง แต่ไม่ได้ กระจ่างนวลผ่อง ไปเสียทั้งหมด บางส่วนคล้ายถูกแต่งแต้ม ด้วยม่านหม่น เลือนลางเหมือนเงาชีวิต นิทานกลางแสงจันทร์ ถูกแต่งเติมต่อเติม จาก บันทึกของพ่อ ตามฝันและจินตนาการ
พ่อเคยเล่าว่า ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ล้วนมีชีวิต มองดูสิลูก
มองท้องฟ้า มีดาวกี่ดวง ดาวดวงไหนกันน่ะที่จะเปล่งประกายสุขใส เหมือนแววตาของผู้คนที่มองดูด้วยความสุข และดาวดวงไหนกัน ที่คนเราจะให้นำทุกข์จากไปพร้อมกับดวงดาวที่กำลังจะลับหาย
ฉันนั่งตักพ่อยิ้มอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งกอดพ่อพ่อเอาไว้ แหงนหน้ามองตาพ่อฟังอย่างตั้งใจ พ่อใช้มือโอบกอดด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมือขวาของพ่อ วาดนิ้วไปบนท้องฟ้า คุยเกี่ยวกับดวงดาว การเดินทาง ของผู้คน ที่อพยพมาใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ตั้งถิ่นฐาน พ่อมักแฝงข้อคิด ไว้ทุกครั้ง
แสงจันทร์เป็นแสงที่เย็นงดงาม น่าชม เหมือนกับมนุษย์ ถ้าเรารู้จักใจเย็น นุ่มนวล เมตตานั่นคือความงามที่อยู่ในจิตใจ
แสงอาทิตย์รุ่มร้อน เผาผลาญ แต่ทรงพลังอำนาจ เหมือนมนุษย์อีกนั่นแหละ ที่ต้องรู้จักใช้อำนาจ ในทางที่ถูก
ความรักก็เช่นกัน ถ้าลูกรู้สึก ว่า อ้างว้าง เหน็ดเหนื่อย จำไว้เสมอ พ่อวนเวียนอยู่ทุกอณูในห้วงอากาศ สายน้ำ ภูเขา หรือแม้แต่ใบไม้เล็กๆ
อ้อมกอดของพ่อยังอยู่ในใจเสมอ ความรักพ่อ แทรกทุกอณูเนื้อของผิวทราย
น้ำตาหลั่งออกมาได้ แต่เราอย่าความคิดที่เป็นทุกข์มาเหนือจิตใจ
ความรักของพ่อความผูกพันธ์ของพ่อ ไม่เคยจางหายจากใจได้
นั่งมองแสงจันทร์ อยากจะเก็บความอ้างว้าง ความหวาดกลัว ในบางเรื่องให้ลบจากความทรงจำที่เลวร้ายให้เหมือนลิ้นชักที่ปิดตาย
พ่อค่ะ บางครั้ง หนูก็สับสน บางครั้งหนูก็หวาดกลัว แต่บางอย่างด้วยเหตุผลบางประการ ที่หนูจำเป็นต้อง แข็มแข็ง อ้อมแขนของพ่อ นิทานของพ่อ เสียงของพ่อ สิ่งที่พ่อเคยปกป้องดูแลเสมอ เหลืออยู่ในแค่ความทรงจำ
แล้วบันทึกเกี่ยวกับพ่อ
วันแห่งความรักหรือวันไหนๆมีเพียงพ่อเท่านั้นที่อยู่ในใจหนูตลอดกาล