29 สิงหาคม 2549 20:18 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ข้อดี 14 ประการจากการเลิกกัน
1. ประหยัดค่าโทรศัพท์ ( ช่วยชาติ )
2.ไม่ต้องรีบกลับบ้าน ( เพื่อกลับมารับ โทรศัพท์)
3.ไม่ต้องห่วงใคร ( ก็ มันไม่มีให้ห่วงแล้วนี่หว่า )
4. ไม่ต้องคิดถึงใคร (มันก็ไม่มีให้คิดถึงอีกแล้ว..นี่ หว่า )
5. ไม่ต้องรายงานตัว ( อิสระไม่ต้องจ่ายรายเดือน )
6. ฟังเพลงเศร้า เพร๊าะเพราะ ( ทุกเพลงFOR ME ๆๆๆๆ )
7. ไม่เปลืองหัว..จาย ( ขอจาย..เธอ คืน )
8. อาจจะผอม (ว๊า!! แต่ไม่ เห็นเบื่ออาหารเลยกินเอ๊า..กินเอา)
9. ทำไมมันเหลือเวลาว่างมากผิดปกติหว่า ( จาทำอารัยดี น๊อ )
10.ไม่ต้องคอยมานั่งนึกว่า วันนี้เราทำ หรือพูดอะไรผิดไปเพราะเวลางอน อีกผ่ายชอบพูดว่า " น่าาจะรู้ตัวนี่ว่าทำอะไรลงไป " ( อ้าว....ทำไปตั้งหลายอย่าง จำไม่หมดหรอก............)
11.สามารถไปหาแฟนใหม่ได้ รับรองต้องดีกว่าเก่า โดยไม่ต้องเกรงใจใคร...ไม่ผิดด้วยยย ก้อเราโสดนี่นาาาาา เนอะ
12.ไม่ต้องคอยลุ้นเวลา check mail ว่าจะมีเมล์เค้ารึปล่าว..อิ อิ
13.ได้ เป็นตัวเองอีกครั้ง ทำทุกอย่างที่รู้สึกพอใจจริงๆ
14.ได้เปิดตัวคนใหม่ทันที หลังจากปกปิดมานาน อิ อิ อิ
24 สิงหาคม 2549 23:42 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
พูดถึง หัวใจ เป็นเรื่องแปลก เพราะมันเป็นก้อนอะไรไม่รู้ ที่เอาแต่ใจตัวเองชะมัด ยังเก็บอะไร ได้หลายอย่าง กระทั่งความรู้สึก ความเศร้า ความพยาบาท ความปรารถนา ซึ่งอยู่ที่เจ้าของจะะเอามา ใช้แบบไหนเหมือนกระบี่ชั้นดี ตามวาระ และ โอกาสจะอำนวย
หัวใจ พูดได้ ยิ้มได้ นอกจากเต้น ตามจังหวะ ชีวิตแล้ว มันยังวิ่งเร็วกว่าเสือซีต้า ไวกว่าแสง แรงกว่าเสียง เอาเป็นว่า รู้ตัวอีกที คิดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยว่า มันมายังไง
หัวใจ มีเหตุผลของมันเสมอ แต่ไม่เคย บอกคุณว่า มีเหตุผลอะไร
ว่ากันว่า หัวใจ มีไว้รัก สมหวังก็ดีไป อกหัก เป็นอาการ ยอดนิยม
เพราะบางคนหัวใจ ไม่ได้เสริมใยเหล็ก จึงไม่สามารถ รับกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ หัวใจของคนแต่ละคน อาจจะแบ่งเป็นสี่ห้อง แต่สำหรับบางคนอาจถึงขั้นเป็นร้อยห้อง แบบโรงแรม อันนี้แล้วแต่สุด แต่ใจจะไขว่คว้า
หัวใจเป็นสิ่งเดียว ที่ยิ่งชอกช้ำ ยิ่งแข็งแรง เพราะหัวใจไม่เคยเจ็บปวด
ไม่มีการเติบโต ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลที่ผ่านมา และการเยียวยา ของเวลา
สังเกตดู รอยยิ้มของคนที่หัวใจสุขุม แข็งแรง นุ่มลึกกว่า หัวใจ อ่อนแอ
คนมีหัวใจแข็งแรง มีแววตาเป็น ตำนาน มีเรื่องราวผ่านไป ได้โดยไม่ต้องปริปาก
หัวใจสร้างอะไรก็ได้ ตามเกราะป้องกันและ การสอดแนม เช่น กระดอง รู ประตู กำแพง มีให้เลือกทั้งหนาและบาง มีบทเพลงกล่าวว่า เพราะมีกำแพงอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
ถ้าเจออีกหัวใจที่พิเศษมากพอ จังหวะสโลว์อาจเปลี่ยนเป็นจังหวะ แซมบ้าก็ได้
หัวใจอยู่ในทุกๆที่ คุณทำอะไร ต้องเอาใจทำด้วย ไม่ว่างานเล็ก งานใหญ่
ทอดไข่ หรือ ทอดผ้าป่า ต้องทำด้วยหัวใจ ที่ร่าเริง สนุกสนาน มีคนพูดกัน
ดวงตาเป็นหน้าต่าง ของหัวใจ เหมือนประโยค ฮิตหนังจีน รู้หน้าไม่รู้ใจ มองตา แล้วเดาใจได้ เพราะตาเป็นส่วน ที่โกหกได้ ไม่แนบเนียน
หัวใจ มีอาณาจักรซับซ้อน แต่ที่สำคัญ มันยังแข็งแรง อยู่รึปล่าว เท่านั้น ที่ทำให้คุณมีแรง .....ชนิดที่ว่ากระทิงแดงยังชิดซ้ายค่ะ....
20 สิงหาคม 2549 18:52 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ท่ามกลางเมือง ที่แสนกว้าง ผู้คนมากมาย มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ เด็กหญิงความรัก ทุกๆวัน เด็กคนนี้ จะเดินไปที่ต่างๆ ตามลำพังด้วยเท้าเปล่า โดยไม่สนใจว่า พื้นจะ สกปรก สะอาด ร้อนระอุ หรือชื้นแฉะ แม้กระทั่งมี เศษแก้ว กิ่งไม้ ทิ่มตำเท้า เปลือยเปล่าของเธอ
เด็กหญิงความรัก มีความสุขกับการเดินทาง ด้วยเท้าเปล่า อย่างเดียวดาย แต่แล้ววันหนึ่ง เธอรู้สึกเจ็บปวด เท้าทั้งสอง จนเธอ ไม่อยากเดินทางต่อไปแต่ เธอรู้สึกเหงา และว้าเหว่เข้ามาแทนที่ ทันใดนั้นเธอได้พบกับ นายรองเท้า ซึ่งเป็นรองเท้า เก่าๆคู่หนึ่ง ไม่สะดุดตาอะไร นายรองเท้าทักทาย เด็กหญิงความรัก ด้วยคำที่ว่า เท้าเธอคงจะเจ็บมาก ถ้าเธอ ไม่รังเกียจฉัน ให้ฉันเดินทาง ไปพร้อมๆกับเธอได้ไหม เด็กหญิงรองเท้า ตอบตกลงทันที ความรู้สึก อ้างว้างเดียวดาย หายไปและเดินทางไป ทุกที่พร้อมนายรองเท้า ต่อมาเด็กหญิงความรัก พบรองเท้าคู่ใหม่ สวย สะอาด สีสัน สะดุดตา ดีไซด์ล้ำสมัย แตกต่าง กับนายรองเท้า คู่เดิมมากนัก เเธอจึงตัดสินใจ ทิ้งนายรองเท้า แม้ว่า เขาจะใส่สบาย และ ตามเธอไปทุกที่ เด็กหญิงความรัก ใส่รองเท้าคู่ใหม่ที่แสนดี ไปทุกอย่าง แม้ว่ามันไม่พอดีเท้า ของเธอ เพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ในสายตาผู้อื่น เธอยอมอดทน เดินต่อไปข้างหน้าทั้งที่ใจเธอ ไม่มีความสุขเลย เพียงไม่กี่วัน เด็กหญิงความรัก รู้ว่าเข้า กับรองเท้าคู่ใหม่ ไม่ได้เลย หลายครั้ง ที่เขาทำให้เธอ เสียใจ เขาไม่พร้อมเดินทาง ไปกับเธอ เพราะ กลัวความลำบาก กลัวเปื้อนโคลนสกปรก เธอจึงนั่งทบทวน เรื่องที่ผ่านมาว่า ตลอดระยะเวลา เดินทางทั้งคู่ พบ ปัญหาเสมอ แม้ใครต่อใคร พากันอิจฉารองเท้า ที่เธอได้ ครอบครองคู่ใหม่ ....เธอ เลือกที่จะ ถอดมันออก แม้จะเจ็บเท้าบ้าง แต่เธอก็สบายใจ เพราะสามารถ เดินไปไหนได้ ตามต้องการ เด็กหญิง ความรักเดินทาง ตามลำพัง นานพอควร เธอเริ่มรู้สึกกลัว เหงา
โดดเดี่ยวอีกครั้ง ทันใดนั้น มีเสียง ตะโกนถามว่า....อยากมีเพื่อน ร่วมทางสักคน ด้วยมัยคร๊าบ.....
ใช่แล้ว ? มันเสียงของเขา....นายรองเท้า....
ตั้งแต่นั้นมา เด็กหญิงความรัก และนายรองเท้า ก็ อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา
อย่าเพิ่งตกใจ แม้บางครั้ง เธอไม่ใส่รองเท้า ลองดูมือเธอสิ นายรองเท้าอาจต้องการ ให้เท้าของเธอ อิสระบ้าง จากการผูกมัด หรือนำนายรองเท้า ไปซักแล้ว รองเท้า ไม่ทันแห้งบ้าง
นิทาน เรื่องนี้สอน ให้รู้ว่า
1.คนที่ดีอาจไม่ใช่ คนที่ใช่อาจไม่ดี
2.ส่วนคนที่ใช่สำหรับคนอื่น อาจไม่ใช่สำหรับเรา สำหรับคนที่ใช่สำหรับเรา อาจไม่ใช่สำหรับคนอื่น
3. รักแท้มักมาถูกเวลาเสมอ
4. ความรักไม่ใช่ความผูกมัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
5.สิ่งที่ความรักต้องการมากที่สุดคือ ความเข้าใจ
15 สิงหาคม 2549 19:46 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
>เคยมั้ยที่จะมี! คุณเคยมีคนแบบนี้ไหม
>
>เคยมั้ยที่จะมี คุณเคยมีคนแบบนี้ที่ไม่ ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือยัง?
>ตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร
>
>เคยมั้ยที่จะมี...คนให้อภัยคุณทุกอย่าง
>เคยมั้ยที่จะมี...คนอยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเสียใจ
>เคยมั้ยที่จะมี...คนจดจำความเป็นคุณได้ทุกอย่าง
>เคยมั้ยที่จะมี...คนยอมเสียสิ่งที่รักเพื่อคุณ
>เคยมั้ยที่จะมี...คนเห็นคุณสำคัญกว่าเพื่อน
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณอยู่ด้วยเฉย ๆ แล้วมีความสุข
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่มั่นใจในคำว่ารักของคุณ
>เคยมั้ยที่จะมี...ไม่อายเมื่อเดินข้างคุณ แม้คุณหน้าตาไม่ดีก็ตาม
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ทนคุณได้ไม่ว่า คุณจะด่า จะว่า เค้ ายังไง
>
>เคยมั้ยที่จะมี...คนรับได้ในสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะมีคนมาว่าร้ายคุณยังไง
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่เห็นความผิดของคุณเป็นเรื่องน่ารัก
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณอยากตื่นมาแล้วก็เจอกันตลอดเวลา
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงเค้า แม้ว่าคุณไม่เหงาก็ตาม
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงคนแรก เมื่อคุณทุกข์ใจ
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณรู้ว่า เค้าช่วยให้คุณสบายใจได้
>เคยมั้ยที่จะมี...คนแคร์คุณมากมาย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายเค้า ยังไง
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
>เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ยังรักคุณแม้คุณไม่เห็นความสำคัญของเค้าเลย
>
>ถ้าคุณเคยมีเค้าคนนี้อยู่จริง คุณควรถนอมเค้าไว้ให้ดี
>ถ้าคุณสูญเสียเค้าไปคุณเองที่จะเป็นคนเสียใจ
>
>ความหมายของหัวใจ เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต
>แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่าเพียงแค่มีบางสิ่งชีวิตก็มีความหมายแล้ว
13 สิงหาคม 2549 21:23 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เริ่มต้นด้วยสีแสงวันใหม่ เริ่มรวมสมัครพรรคพวก แม่บ้าน สาวสวย สาวโสด ชายโสด ชายงาม หัวหน้าชุมชน กลุ่มผู้นำสตรี ด้วยรถบัส 2 คัน ในเวลา6โมงเช้า ด้วยคนจำนวน 60 กว่าชีวิต มีเจ้าหน้าที่ สารธารณสุข ฝ่ายแผน นโยบาย นิติกร
รถเริ่มเคลื่อน อาการเมาไมค์ เริ่มกำเริบ โดยเริ่มจากตัวผู้เขียน เพราะได้รับมอบหมาย จากนาย ให้ทำหน้าที่แทน เพราะนายติดงาน ด้วยคำสั่งที่ว่า
ดูแลดีๆน่ะ อย่าให้ตกน้ำ ตกแพ เรารึ ร่ำร้อง เถียงในใจ ไม่ต้องกลัวค่ะ ที่ไปด้วยกัน พกห่วงยาง ประจำตัวกันเป็นแถว
พอขึ้นรถแบ่งหน้าที่คนละคัน รถผู้เขียนเหรอ ขาดไม่ได้ เจ้าประทีป เพราะเงินอยู่กับเจ้าคนนี้ เดี๊ยวเราอด ตามด้วย อรรถพล นิติกร ฝ่ายกฎหมาย เพื่ออะไรไม่ชอบ มาพากล ส่งไปรับมือก่อน ตามประสาคนรอบคอบ มีสาวสวยเจ้าอ้อ อีกหนึ่งนาง สวย โสด สดสวย แต่นั่งเงียบ เพราะเหนื่อยกับงาน ที่เตรียมกันมาหลายวัน
ส่วนคันที่สอง มอบให้ หมอนา เจ้ารุ่ง สาวโอ๋ สวยอีกแระ โสดอีกด้วย แต่รวยไหมไป สอบถามกันเองค่ะ
เมื่อบอกรายละเอียด จุดพัก ที่ทานข้าว ทีนี้ หลับไม่ลง นักร้องในรถ ผู้เขียนเต็มคันรถ ร้องกันไม่หยุด ไม่หย่อน แถมมีแบบกดเพลง ให้เรากดกับเจ้าอรรถ แบบไม่ยั้ง กะจะร้อง ให้ถึงกาญจบุรี เลยน่ะนั้น เล่นกัน เต้นกัน อำกันในรถ สนุกสนาน จากที่ผู้เขียนจะหลับเลย ไม่มีใครหลับขืนหลับ ไมค์หาย ว่ากันไป แบบอบอุ่น เฮฮา
จุดแรก ไปดูงานที่อบต.ที่กาญจบุรี ไม่บอกชื่อค่ะ เดี๊ยวดังกว่าเรา เพราะมีคนเก่งเยอะจริงๆค่ะ ที่นี่ พูดกันเก่งจริงๆบรรยายฟังไป หัวเราะไป มีฝนตกประปราย เป็นระยะ ทานข้าวกันที่นี่
แล้วต่อด้วยไปดูปุ๋ย ชีวภาพ ที่ทำจากมูลวัว มูลหมู ปั้นเป็นลูกกลอน ถ้าไม่บอก คิดว่าเป็นยาลูกกลอน สมุนไพรแน่ๆ
ต่อด้วยสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระนเรศวร มีเวลาเพียง นิดเดียว รีบๆถ่ายรูปๆๆเดิน กลัวไม่ทันลงแพ ดูพระอาทิตย์ตกดิน กินอาหาร ชมความงามตามฝั่งสองแม่น้ำ
แต่ ผู้เขียนเอง เข็ดอีกนาน ไม่ใช่ไม่สวยน่ะค่ะ สวยมาก แต่เวลาแพแล่นเราเมาแพ มีลูกน้อง มาเดินดูด้วยความเป็นห่วง พร้อมเสียงเยาะเย้ยเป็นระยะ...อิๆๆ...เค้าเมาเบียร์...เมาเหล้า...หัวหน้าเราเมาแพ แล้วอ๊วก..5555...
ยอมได้ไง...ฆ่าได้หยามไม่ได้...พยายาม ลุกหลายครั้ง อัดทั้งยาแก้เมา ควบพาราอีก2เม็ด...ไม่ไหวจริงต้องลงนอนนั่งไม่ได้เลย..หลับได้สีกงีบ
เปลี่ยนคนมาอีกแระ ด้วยวลีเดิมประโยคเดิม ตอกย้ำกันเหลือเกินลูกน้องสุดที่รัก กับ ลูกบ้านทั้งหลาย ลุกสิ เคยยอมแพ้ใครที่ไหนใครที่ไหน แพนอน พ่วงแพเธค ต้องลากสังขารไปดิ้นกับเค้า แล้วแอบมา อ๊วก เป็นระยะ...ห่างบ้างถี่บ้าง
หายทีไร ดีเจเปิดแผ่นดันแซวทุกที เฮ้อ...ต้องกลับ...ไปร่วมวงสังคนากันใหม่
เต้นไปปวดหัวหนักกับท่าเต้น หมอนาเหลือเกิน นึกในใจ วิญญาณ เด็กเข้าสิง เจ้านารึไงนี่ เดี๊ยวกระโดด เดี๊ยวกำมือ หมุนๆ เดี๊ยววิ่งรอบวง ตายๆๆ
อิฉัน ไปสเต็บไม่ถูกเลยไอ้นาเอ๋ย...แม่คุณแม่ทูลหัวยอมแพ้จ๊า....
น้องชายรูปหล่อเจ้าอรรถน่ะเหรอ กระโดดรอบวงเหมือนกัน อีกตัวเอ๊ย...อีกคนเจ้าประทีปกวนสะ..เพลงไว..เจ้าหนุ่มมา มาดนิ่มเต้นแบบ นิ่มเรื่อยๆๆ เอื่อยๆด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้ม กวนจริงน่ะค่ะ ขอบอก
เจ้ารุ่งน่ะเหรอ สเต็ปเท้าไฟ พอกับสาวโอ๋ เต้นท่าเต้นไม่มีใครยอมใคร ส่วนสาวอ้อ ตากล้อง กินอย่างเดียวไม่สนใจชาวบ้าน เสียงเพลง ไปกระพริบดนตรีเร้าใจ ทำอะไรชั้นไม่ได้ สมาธิหนักแน่นเหลือหลาย
ผู้เขียน เต้นบ้างหลบบ้างตามสังขาร เมาแพ จริง พอแพหยุดเหมือนขึ้นสวรรค์
ชาวบ้านเหรอไม่หยุด ไม่เลิก น่ารักทุกคน ออกลายกันเต็มที่
รุ่งเช้าอีกวัน ไปดูน้ำดื่ม เราเองก็ยังอาการตกค้าง เวียนหัว พอสายหน่อยไปวัดถ้ำเสือ ชอบมากค่ะ สวยงาม ได้ฟังหลวงพ่อท่านเล่าประวัดของวัด ร่มรื่น อยากจะอยู่ตรงนั้นๆนานๆ แต่ต้องทำเวลา ทานข้าวแล้วขึ้นรถกันไปต่อ
น้ำตกไทรย้อย ร่มรื่นสวยงาม แต่ไม่ได้เล่นเลย เพราะ มีเรื่องต้องทำ เหมือนความรับผิดชอบจน เราแทบไม่มีเวลา ดูแลใคร ยังนึกเสียใจ จนบัดนี้ ที่บางทีทำหน้าที่ไม่ดีพอ ถ้าย้อนเวลากลับได้ จะทำตามใจตัวเอง และทำให้ดีที่สุด
วันสุดท้าย แวะซื้อของฝากเจ้าตัวแสบ ทั้งหลาย ลากเราไปต่อราคา จนแม่ค้าไม่อยากมองหน้า ซื้อของฝาก คนทางบ้านกัน เลยฝากบอก ช่างรุ่งตรงนี้เลยน่ะ..
ก็แม่ค้าเค้าบอก ไม่ลอกไม่ดำ อิๆ...ก็มันลอกเลยต้องดำจิ...ว่ากันไม่ได้วุ๊ย..
ดูสะพานข้ามแม่น้ำแคว สวยค่ะ มีโทรศัพย์มาหาเราเป็นระยะ รับไปยิ้มไป ชาวบ้านบ้านแซว..แหมๆ..ทีคนที่มาบริการพาไปดูงาน ไม่มองเลยน่ะ โทรศัพย์มายิ้มเชียว...น่าสงสัยเนาะ....ก็ขอให้สงสัยกันต่อไป..ว่าแอบมีหนุ่มหล่อ มาจากไหนที่โทรหา แก้ข่าวค่ะ เรื่องงานทั้งน๊านนนนนนนนน
จบด้วยดูงานปลูกผักปลอดสารพิษ ได้ความรู้กันคู่ความเข้าใจมีประโยชน์มากมาย ต้องขอขอบคุณ คุณจิโรจน์ ที่มาอำนวยความสะดวกตลอดที่ไปกาญจบุรี 3วัน2คืน ผู้เขียน อาจใช้คำพูด ที่บางครั้งรุนแรง หรือไม่สมควรบ้าง แต่ด้วย นิสัยที่ตรงไปตรงมา ต้องขออภัยค่ะ ไม่มีอะไรติดค้างในใจตามประสาคนทำงาน หวังว่าท่านคงเข้าใจเพราะบางอย่างถ้าไม่อธิบายจะไม่เข้าใจตรงกัน
ขอบคุณคนกาญจบุรี ที่ไปที่ไหนต้อนรับ พูดจายิ้มแย้มทักทายช่วยเหลือกันด้วยมิตรไมตรีที่ดีน่ารักทุกท่าน
ขากลับแวะไปเรื่อยๆ ขึ้นรถเมื่อไร รถเรา ร้องเพลงแรก ขึ้นรถทีไร ร้องเพลงนี้ทุกทีอยู่ เพลงนี้ทุกครั้ง เออหนอช่างไม่คิดเลยว่า สะเทือนใจใครบ้าง ไม่มีใครยอมใครมือถือไมค์ ไฟส่องหน้าตลอด ลงหยุดร้อง ขึ้นรถเป็นร้อง ย่ำค่ำรถเปิดไฟกระพริบ มีเธคในรถอีกแน๊ะ...เอากันเค้าไป..เราหลบเป็นเรียก..คนขับๆเลยทาง เพราะเสียงเพลง เพราะหรือทนฟัง ไม่ได้ ไม่อาจรู้ได้
ถึงที่สำนักงาน เกือบสองทุ่ม มีงาน รอแจกถุงมือไข้หวัดนกระบาด..7..โมงเช้า เริ่มนัดเวลา มาทำงานสายกันแล้วสิ ก็เหนื่อยน่ะค่ะ ขอความเเห็นใจกันบ้าง มีแต่ อรรถพลคนเดียวที่เขียนไปลา เพราะต้องไปกรุงเทพ รับเนติบัญทิต
สุดท้าย สาวฝากมา สาวอ้อ สาวโอ๋ บอกหัวใจยังว่าง นักเขียนผู้ใด มีไหมที่หัวใจว่าง แซวน้องกันไป ขอการันตีค่ะ ว่าน้องน่ารักจริงๆเพราะนอนห้องเดียวกันมาแล้ว เห็นมุมสวยทุกซอกทุกมุม ส่วนหนุ่มคนไหนหล่อ ขอบอกว่า ...หล่อแบบ ไม่ได้ตั้งใจทุกคน น่ะค่ะที่ทำงานน่ะ ส่วนหมอนาจ๋า..ทวงรออ่าน...อ่านเลยน่ะ เจ้าตัวดี...จบเพียงแค่นี้กันก่อนค่ะ..บายบาย