28 มิถุนายน 2552 14:35 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
พ่อคับ......... หนูไม่ไปดูหมีแพนด้า...แล้วคับ.......
ทำไมล่ะครับ ? วันเสาร์นี้ แม่จะไปสอบที่เชียงใหม่ พ่อก็ไปด้วย สอบเสร็จจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่งัย
พ่อไม่เห็นข่าวหรือคับ ทำไมเขาต้องเอาช้างมาทาสีเป็นหมีแพนด้าด้วย คนไทยทำไมต้องเอาช้างทำเป็นหมีแพนด้า
พ่อเคยบอกหนูว่าช้างเป็นสัตว์สำคัญของไทย หนูเคยดูหนังที่พ่อเปิดให้ดู พ่อบอกว่า ช้างเป็นสัตว์ที่ใช้สู้รบในสมัยก่อน เป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง ใช่ไหมคับ
เอาช้างมาสีเป็นหมีแพนด้า เสียศักดิ์ศรีช้างหมดเลยคับ
ขนาดหนูเป็นเด็ก หนูยังคิดได้เลยคับ คนไทยไม่รักสัตว์ไทย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กนะคับ
พ่อสอนว่าเป็นลูกผู้ชายต้องรักศักดิ์ศรี ต้องรักประเทศไทย
หนูไม่ไปดูหมีแพนดาแล้วน่ะคับ
แต่พ่อคับ........ศักดิ์ศรีแปลว่าอะไร....คร๊าบบบบบบบบบบบ....
25 มิถุนายน 2552 10:25 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เนื่องด้วยทางห้องเรียนวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย มีความต้องการอยากได้หนังสือบริจาค ประเภท การเมือง กฎหมาย วิจัย คอมพิวเตอร์ ภาษาไทย ซึ่งห้องสมุดขาดแคลนหนังสือประเภทดังกล่าว เพื่อให้พระนิสิตและประชาชนทั่วไปได้ค้นคว้า และนำไปประกอบการเรียนการสอน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เพื่อนำไปปรับปรุงห้องสมุดของห้องเรียนวัดพระแก้ว ให้ได้ครบ หนึ่งหมื่นเล่ม ซึ่งตอนนี้ ได้ประมาณ 7000 เล่ม ยังขาดอีกประมาณ 3000 เล่มเพื่อ ทำเรื่องขอ จัดตั้งเป็น วิทยาลัย สงฆ์ เป็นหนังสือที่อยู่ในสภาพดี หรือหนังสือใหม่ยิ่งดี
จึงขอโอกาสนี้ บอกบุญผู้มีจิตศรัทธาเพื่อเสริมสร้างปัญญา ต้องการบริจาคหนังสือมาได้ที่
ดร.ฤทธิชัย แกมนาค
ห้องเรียนวัดพระแก้ว จังหวัด เชียงราย
ตำบล เวียง
อำเภอ เมือง
จังหวัด เชียงราย
โทรศัพท์ 053-715876
13 มิถุนายน 2552 15:22 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฮัลโหล,,,หวัดดีอาจารย์ นี่ผันน่ะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นี้ว่างไหมค่ะ ช่วยไปเป็นวิทยากรให้เด็กๆหน่อยค่ะ
เสียงนักศึกษาสาวสวย แถมยังโสด ดังผ่านมือถือมาหาในเช้าวันหนึ่ง
ว่าง,,,ค่ะว่าง ,,,ไม่ว่างก็จะทำให้ว่าง....เพราะรับปากผันไว้นานแล้วไม่ลืมหรอกค่ะ,,,,ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้มและมีความสุข ที่จะได้ไปจัดกิจกรรมให้เด็กๆตัวน้อยๆ
ไม่มีค่าตัวนะอาจารย์ บอกไว้ก่อน เสียงผันนภาตอบกลับมา
ไม่มีไม่เป็นไรแต่ขอมีผู้ติดตามไปด้วยน่ะ ได้รึปล่าว คนสวย
ไม่มีปัญหา ถึงไม่ขอก็ให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว งานนี้ขาดอาจารย์ดร.ได้ไง
ใครจะถ่ายภาพ ทำวีดีโอ ทำซีดีแจกหล่ะจ๊ะ
ผันนภาตอบเสียงกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะ
พรุ่งนี้แปดโมงเช้า จะแวะไปรับที่บ้านน่ะค่ะ ไปแก่งกระจานกัน ผันมอบเด็กๆและบรรดาทีมนักข่าวใหญ่ นักข่าวน้อย ที่จัดรายการวิทยุให้อาจารย์กระต่ายลุยได้เต็มที่ค่ะ
ชอบ ชอบ ให้มา จัดไป ข้อสำคัญไปแล้วต้องร่วมกิจกรรมกันทุกคนน่ะค่ะ ไม่มีลูกศิษย์ไม่มีอาจารย์มีแต่เพื่อน พี่น้องกันน่ะผัน แค่นี้ค่ะพรุ่งนี้เจอกัน
ด้วยวัยที่ไล่เลี่ยกันระหว่างกระต่ายกับผันนภานอกเวลาสอนเราจึงเหมือนเพื่อนสนิทกัน แต่ผันก็น่ารักที่ไม่ว่าเวลาไหนก็ยังให้ความเคารพกระต่ายในส่วนของอาจารย์ผู้สอน
กิจกรรมที่จัดให้นักข่าวเยาวชนน้อยเป็นกิจกรรมที่ฝึกทักษะ การอยู่ร่วมกัน การคิดและแก้ปัญหาร่วมกัน
สำหรับกระต่ายสนุกและมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเด็กๆแถมได้แกล้ง อิๆๆกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งสนุกไม่หยอกจะบอกให้มีการแบ่งกลุ่มตามฐาน มีชื่อฐาน และชื่อเล่นและท่าทางประกอบให้เด็กคิดท่าทางแต่ละคนพร้อมเพลงประจำกลุ่ม
ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆให้ความร่วมมือทุกคน ช่วยกันคิดท่าทางและแบ่งกลุ่มกันซักซ้อมให้นอนตามบ้านพักของแต่ละกลุ่ม
น่ารักคะ ท่าทางแต่ละคนสนุกสนานกันจนลืมเวลา พักบ้างเล่นบ้าง ในแต่ละวัน จัดสันทนาการให้เด็กๆสนุกกัน มีเกมส์เหรียญบาท เกมส์สร้างบ้าน เกมส์ต่อคำ เกมส์ส่งบอล ตอนเช้าออกกำลังกาย ทานอาหารเช้า คุยเล่นสนทนากับเด็กๆและต่อให้เล่นเกมส์บอกต่อที่มีใจความว่า
ตามีขายหอยยายฮอยขายหมี อยู่มาวันหนึ่งหอยของตามีไปกัดหมีของยายฮอย
ผลปรากฎไม่มีใครบอกได้ถูก เลยถูกทำโทษกันทุกกลุ่ม ช่วงเย็น จะเล่นน้ำและค่อยทานข้าวและมีการแสดงรอบกองไฟ
บรรยากาศแก่งกระจานสวยมาก บรรยากาศสบาย ออกาศดี บางคนนอนเต็นท์ บนบ้านพักชั้นสองมีที่นอนดูดาวยามค่ำคืน
เด็กๆสนุกสนานกระต่ายก็แสนสนุก เสร็จจากิจกรรมสามคืนสี่วันแวะล่องแก่ง ล่องเรือภายเรือแข่งขันกันกับเด็กๆหัวเราะกันสนุกสนาน ผันนภางานนี้สนุกเต็มเหนี่ยวมีแต่รอยยิ้มให้กันเด็กๆกลางคืนจะมานอนรุมที่ห้องกระต่ายชวนคุยดูรูปตัวเองในโน๊ตบุคที่ลงให้แล้วเอาไปคุยไปล้อกัน
อาจารย์ดร.เก็บภาพ ทั้งถ่ายวีดีโอ ทั้งทำซีดี ทุกกิจกรรม
แม้เวลาผ่านไปแล้วยังจำติดตากับภาพเด็กๆและผู้ใหญ่ที่ทำให้กระต่ายคิดถึงทีไรมีแต่รอยยิ้มที่เป็นสุข สุดท้ายผันนภากับผู้ใหญ่ทีมนักข่าวยังแอบใส่ซองมาให้กระต่ายจนได้ งานนี้ได้เล่นกับเด็กๆ นอนฟรีกินฟรี แถมได้เงิน แถมช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ แต่ที่โชคดีที่สุดคือมิตรภาพและความผูกพันธ์ที่มีให้กันเสมอมา
ขอบคุณความรู้สึกดีๆที่นางสาวผันนภา ผู้เป็นทั้งนักศึกษาและเพื่อนที่แสนดีที่มอบให้กันอาจารย์ กระต่ายจดจำสิ่งเหล่านั้นได้เสมอจะอยู่ในห้วงแห่งความประทับใจและความทรงจำตลอดนานเท่านาน
12 มิถุนายน 2552 10:30 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันเดินทอดน่องช้าๆ อยู่ที่ริมฟุตบาทในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ที่บรรยากาศเงียบสงบในยามเย็น พ้อมเป้ใบเล็กๆที่สะพายอยู่กลางหลัง เสียงลมพัดกรูกราว ละอองไอเย็นของความหนาวมากระทบผิวกาย เป็นระยะห่างบ้างถี่บ้าง แต่สิ่งที่ปลิวปนลอยมาในอากาศ คือ ใบไม้ ที่เปลี่ยนจากใบสีเขียวสีเขียวสดใสเป็นสีน้ำตาล ใช้ร้องเท้าบูทสีดำที่สวมใส่เตะ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลง มาอย่างมากมาย เสียงร้องดังออกมา จากใบไม้เหล่านั้น แล้วก็แยกแตกออกจากกัน กระจัดกระจาย
ฉัน เผลออุทาน ขอโทษที่ทำให้ใบไม้เหล่านั้นเจ็บ เพราะฉันคิดเสมอว่าชีวิตทุกชีวิตมีค่า ฉันอาจจะเป็นคนแปลกที่ชอบพูดกับต้นไม้ นึกถึงต้นไม้หน้าบ้าน ที่ปลูกไว้ เช้าขึ้นมาต้องทักทายทุกวัน รดน้ำก็พูดคุยด้วย กลับจากที่ทำงานก็แวะเวียน คุยก่อนเข้าบ้าน
ฉันดึงความคิดที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ กลับคืนมาช้าๆ ค่อยๆย่อตัวลง นั่งลงแล้วใช้มือข้างหนึ่ง จับใบไม้มาพินิจพิจารณาดู
ใบไม้คงเหมือนและคล้ายบทเพลงแห่งชีวิต ที่ค่อยๆเติบโตและร่วงโรยตามกาลเวลา อาจที่ผิดกันแค่ว่า ใบไม้พูดไม่ได้ และส่วนมากจะมอบความสุขและความร่มรื่นให้แก่ผู้คน
ให้หวนคิดว่า ผู้คนในโลกที่มากมาย อยู่และเข้าใจชีวิตความเป็นไปในโลกอย่างไร แต่ละคน ดำเนินชีวิต แตกต่างกัน ผ่านร้อน ผ่านหนาว มีสุขและทุกข์ เบื่อ เหงา เศร้า สับสน รอคอย หรือสิ้นหวัง อย่างไรกันบ้าง
ความคิดย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา เพราะคนเรานิสัยไม่เหมือนกัน ย่อมคิดต่างกัน แต่ก็มีคำถามผุดขึ้นมาในใจ อีกเป็นระลอก ว่า ที่ทุกข์ เพราะ ยังยึดติดกับอดีตหรืออย่างไร หรือ คิดไกลไปกับเรื่องอนาคต หลายคนคนถกเถียงในใจ การคิดถึงวางแผนอนาคตเป็นการวางแผนที่รอบคอบและรัดกุมเป็นเรื่องดี ไม่น่าจะทุกข์ แต่เคยคิดไหมว่าเราต้องดิ้นรน และแสวงหา เหนื่อยกับเรื่องนั้นเพียงใด สมหวังก็ดีไปแต่ถ้า ไม่ได้ดังใจความทุกข์จะถาโถมเข้ามาแทนที่ และเราหยุดความคิด ความอยากได้ ความอยากมี ความอยากเป็นได้จริงหรือ
แต่สำหรับฉัน ใช้ชีวิตกับปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ มีคนเคยบอกว่าการคิดให้เป็นบวกเป็นวิธีหนีปัญหา แต่นั่นไม่ใช่ ฉันคิดว่า เป็นวิธีการที่ทำให้เราสุขสงบขึ้นและไม่ไปทุรนทุรายกับเรื่องราวที่ทุกข์ใจมากกว่า แต่เราต้องคิดเป็น และคิดอย่างพอดี ตามหลักความจริง
บทเพลงแห่งชีวิตของคนแต่ละคนแตกต่างกัน บางคน อาจจังหวะ ชะชะช่า บางคนอาจจะรุมบ้า ร็อกแอนโลว์ หรือแม้แต่จังหวะสโลว์
แต่ชีวิตย่อมมีเกิดแล้วดับตามวัฎสังขาร ขอเพียงไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและเรียนรู้วิธีคิด มีจิตเมตตา และที่สำคัญไม่มีใครทำร้ายเราได้ตลอดไป นอกจากความคิด ของตัวเราเอง ก็เท่านั้นเอง
เสียงลมพัดปลิวสะบัดใบไม้ไหว
โยกกิ่งใบโอนเอนไหวใบไม้ร่วง
ล้อดวงแดดระยิบยับจับดาวดวง
เปรียบคล้ายห้วงบทเพลงแห่งชีวิต
ในวันวานใบของเจ้าเขียวสดใส
ฤดูกาลผันเปลี่ยนไปใครลิขิต
สีเจ้าคล้ำเคลือบน้ำตาลยามมืดมิด
หลับสนิทร่วงโรยโปรยเรียงราย
เหมือนชีวิตที่ผ่านวันอันหนาวร้อน
หลายบทตอนมีเรื่องราวหลากเหลือหลาย
เกิดแล้วดับล่วงเลือนลับแล้วกลับกลาย
เช่นใบไม้ที่เกลื่อนกลบซบธุลี
ลมหายใจของวันนี้อยู่ที่ไหน
ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในวิถี
รู้ปัจจุบันความเป็นอยู่อย่างพอดี
ทุกชีวีเกิดแล้วดับกับวันวาน
7 มิถุนายน 2552 14:53 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ตามช่วงจังหวะชีวิต บางเวลาของช่วงการเดินทางของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป แล้วแต่ภาระหน้าที่ แล้วแต่จิตใจและยังแล้วแต่ความอ่อนไหวทางความคิด
บางครั้งเส้นทางก็ราบเรียบ บางเส้นทางก็ขุรขระ บางเส้นทางก็โลดโผน
แต่มนุษย์มักไม่เคยพอใจ ในสิ่งที่เป็นอยู่ เพราะแต่ละชีวิตย่อมมีตัวกิเลสเป็นตัวกำหนด
เหมือนในวันนี้ ยังจากดิฉันสวดมนตร์ไหว้พระ ในตอนเช้าเช่นทุกวัน
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าบ้าน
อาจารย์ต่าย อยู่ไหมๆๆๆ เสียงเรียกดังขึ้นหน้าบ้าน ในช่วงเช้า ไม่พูดพล่ามทำเพลง เปิดประตูรั้วๆนั่งที่โซฟา ห้องรับแขกเสร็จสรรพ
ทนไม่ไหวแล้ว พี่ปลูกต้นไม้ ปลูกว่าน ไว้ที่ในส่วนบ้านของพี่ พ่อพี่ฟันทิ้งหมด ไหนบอกว่า พ่อแม่คือพระในบ้านไง มารชัดๆ
ผู้หญิงวัยกลางคนชื่อพี่ตุ่น ที่ทำหน้าที่กวาดถนน ทุกเช้า มานั่งพูดและแสดงอาการโมโห หงุดหงิด ผู้เป็นพ่อให้ฟัง
กวาดถนนทำไมไม่กวาดใจไปด้วยค่ะ สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมพี่ยังโมโห พ่อคือผู้ให้กำเนิด อย่างน้อยก็ให้ชีวิตเรา
แต่พี่ซื้อที่จากพ่อแล้วน่ะ เป็นพ่อแท้ๆยังต้องให้พี่ซื้อที่ ทำไมไม่ยกให้พี่ฟรีๆในเมื่อพี่เป็นลูกสาว
แล้วทำไมพี่ไม่คิดย้อนกลับบ้างค่ะ ว่าเราต้องตอบแทนบุญคุณพ่อ ถือว่าทดแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงเรามา
นี่คิดถึงเรื่องพ่อทีไร โมโห แน่นหน้าอกทุกที เพราะพ่อแท้ๆเชียวทำให้พี่ไม่สบาย
ความทุกข์ เกิดจากความคิด พี่โมโห พี่หงุดหงิด อารมณ์ก็ แปรปวนส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย
ทำอย่างนี้นะคะ เอาสมุดขึ้นมาหนึ่งเล่ม พร้อมปากกา วันไหนโมโห ใครเรื่องอะไร ก็เขียนลงไป โมโห กี่ครั้ง โมโหกี่เรื่อง ก็เขียนตามจำนวนนั้น
ถ้าพี่ไม่โมโหเลย พี่ก็เว้นไว้หนึ่งหน้า แล้วมาดูสิคะว่า ในหนึ่งอาทิตย์หรือภายในหนึ่งเดือน โมโห กี่ครั้ง ไม่โมโหกี่ครั้ง ลองทำดู
และอีกอย่างนะคะ เวลาที่หงุดหงิด โมโห หรือไม่พอใจ
เวลาพ่อมาฟันต้นไม้ ถางหญ้า ที่พี่ปลูก ก็ถือว่า เราได้บุญ ที่พ่อทำเช่นนี้ เพราะพ่อได้ออกกำลังกาย สุขภาพแข็งแรง
ถ้าพ่อชอบที่จะฟันต้นไม้ตรงนั้นเราก็ หาที่ปลูกใหม่ ต้นไม้ตายปลูกใหม่ได้
แต่ถ้าพ่อเป็นอะไร เราหาหรือปลูกใหม่ไม่ได้
การทำชีวิตให้เป็นสุข ง่ายนิดเดียวอยู่ที่เราคิด และวิธีคิดของเรา
การมีชีวิตอยู่ และการดำรงชีวิตให้เป็นสุขอยู่ที่เส้นทางที่เราจะเลือกเดินและเลือกทำ
สิ่งสำคัญ เรามองดูแต่อื่น แล้วจงอย่าลืมมองดูตัวเอง