11 กันยายน 2552 11:26 น.

กระต่ายกับนายจันทร์เจ้า

กระต่ายใต้เงาจันทร์



หวัดดีครับ   พี่กระต่าย

เสียงเอ็มเอสเอ็นดังจากที่ไหนร้องขึ้นดังที่โน๊ตบุ๊คของฉัน


ใครเป็นพี่นาย    นายเป็นใครนี่  เข้ามาในเอ็มชั้นได้ไงว่ะ

ฉันพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความสงสัยและกังขา   มีน้องตั้งแต่เมื่อไรว่ะ  และคิดอยู่ในใจใครในสำนักงานอำเราเล่นอีกแน่ๆๆ

โห....หน้าตาดูไม่ได้แถมยังพูดไม่เพราะอีก....พี่เป็นกระต่าย....ผมก็เป็นดวงจันทร์สิคร๊าบ....ผมนายจันทร์เจ้า....เสียงข้อความตอบกลับมาหาอีกครั้ง

เอ๊ะ....กวนชะมัด...คนยิ่งปวดฟันอยู่ด้วย....ฉันพาลกลับไปกับอาการปวดฟันที่ทำให้เขียนแผนการสอนไม่ได้จนอารมณ์ไม่ดี

แล้วแอบคิดในใจ  ใครก็ไม่รู้  แกล้งให้เข็ด  อยากเข้าทัก  จะป่วนให้ปวดหัวบ้างไหนๆฉันก็ปวดฟันแล้วนี่นา  จะให้คนอื่นสบายได้ไง

เสียงข้อความนายจันทร์เจ้าพิมพ์กลับมาอีกครั้ง

5555......พี่กระต่ายทำไรอยู่ครับ    ทำงานอะไร    

อ้อ...ไม่มีงานทำค่ะ   นั่งหายใจเล่นไปวันๆ

อ้าว...แล้วเอาอะไรกินครับนายจันทร์เจ้าถามกลับมาอีกครั้ง

ก็หากินตามวัดค่ะ   ที่วัดไหนมีอาหารเหลือเยอะก็ไปกินที่นั่น....ฉันตอบไปด้วยอารมณ์สนุกอาการปวดฟันทุเลาลงบ้างเพราะได้กวนนายจันทร์เจ้าคนนี้

a...b...c...แล้วไปกินยังไงอ่ะ...นายจันทร์เจ้าคงสงสัยฉันคิด

ก็พอมีคนจุดธูปพี่ก็จะลอยไปตามกลิ่นธูปค่ะ.....  แต่ถ้าอาหารมีของโปรดพี่  พี่กระต่ายก็จะถอดหัวออกจากคอค่ะ   แล้วลอยไปกิน
แล้วนายหล่ะ...กินอะไรเป็นอาหาร....ฉันถามบ้าง...

55555.....เสียงหัวเราะพิมพ์มาเป็นข้อความ...ผมหากินตามถังขยะคร๊าบ...

ไอ้เด็กบ้า....กวน.....เออแน่ะใครก็ไม่รู้ทำให้ฉันหายปวดฟันได้ชั่วคราวและอารมณ์ดีขึ้นอย่างมากมาย

พี่กระต่ายครับ....ผมขอเบอร์พี่หน่อยได้ไหม

ได้สิเจ้าค่ะ...ขอมา...จาดปาย...แล้วฉันก็ส่งหมายเลขเบอร์โรงพักที่จังหวัดหนึ่งให้

เบอร์มือถือไม่มีเหรอครับ....นายจันทร์เจ้าถามผ่านจอคอมพิวเตอร์มาอีกครั้ง


มีค่ะน้อง....แต่มือถือพี่...มีไว้ถือค่ะเพราะมันคือมือถือ....นี่เบอร์บ้านโทรได้ตลอด24ชั่วโมงค่ะมีคนรับสายตลอด

พี่กระต่ายไปหล่ะ...จะเที่ยงแล้วไปหาอะไรกินก่อนมีคนจุดธูปเรียกแล้ว

5555......นายจันทร์เจ้าจอมเส้นตื้นหัวเราะกลับมาอีกครั้ง  ครับแล้วผมจะโทรหา

ค่ะ....บาย...ฉันออกจากเอ็มเอสเอ็น   และปิดโน๊คบุคลง    ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายจันทร์เจ้าเป็นใคร    อยู่ที่ไหน   หรือคนที่สำนักงานแกล้งอำกันเล่นรึปล่าว

แต่ไม่ว่านายจันทร์เจ้าจะเป็นใคร

วันนี้ฉันมีความสุขและหายจากอาการปวดฟันเป็นปลิดทิ้ง
ฉันเดินออกมาด้วยรอยยิ้มและมองโลกสดใสไปอีกวัน...ขอบคุณน่ะ..นายจันทร์เจ้า...(ฉันแอบขอบคุณใครไม่รู้อยู่ในใจ)

แต่ที่แน่ๆ  ถ้านายจันทร์เจ้าโทรไปที่เบอร์ฉันให้ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างสิ..?
				
4 กันยายน 2552 12:22 น.

เตรียมตัวก่อนตาย

กระต่ายใต้เงาจันทร์


เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พระอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ท่านไปงานเผาศพพระมา ด้วยความสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านว่า พระภิกษุรูปนั้น เป็นอะไรจึงได้มรณภาพ 
    ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องในวันนั้น ยังวิตกกังวล เรื่องพิษภัยของการอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
  มีคำกล่าวว่า "อยู่คนเดียวให้ระวังความตนเอง"  ครั้งนี้น่าจะบทเรียนที่ดีได้
   ข้อเขียนต่อไปนี้ไม่ได้ต้องการลบหลู่ดวงวิญญาณของพระผู้มรณภาพ แต่ต้องการเขียนเพื่อเป็นข้อคิดสะกิดใจ ของหลายๆคน
     "วันนี้ไปเผาศพพระ มา"
    "พระเป็นอะไรมรณภาพ หรือค่ะ
    "พระผูกคอตาย"
   เรื่องเป็นอย่างไรหรือค่ะ"
    พระภิกษุรูป เป็นเด็กกำพร้า ถูกทิ้ง อยู่ที่สะพาน มีคนใจบุญเก็บมาเลี้ยง และส่งเสียให้เรียน จนเป็นหนุ่มใหญ่ ท่านจึงมีโอกาสบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วท่านยังเป็นธรรมจาริก ออกไปสอนเด็กชาวเขา ดูเหมือนแล้วชีวิตของท่านน่าจะมีความสุข แต่ไม่เป็นเช่นนั้น
     ท่านมักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิเสมอ  ท่านมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอย่างยิ่งที่เกิดมาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ - แม่  ยากจน   แถมยังมีโรคร้ายประจำตัว คืออาการปวดศรีษะ ที่รักษาไม่หาย  แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านมีความรู้เช่นนี้ เพราะปกติจะเห็นท่าน เมื่อเสร็จธุระจากข้างนอก มักจะเก็บตัวอยู่ในกุฎิเสมอ กว่าจะรู้ว่า ท่านมีความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้จากจดหมายลาตายที่พบใน  กุฎิของท่าน ดูเหมือนว่าท่านได้เตรียมพร้อมกับความตายครั้งนี้    
      ไม่มีใครในวัดสังเกตุว่าท่านได้เตรียมตัวที่จะตาย เพราะท่านได้ซื้อเครื่องดื่ม เก็บไว้ในกุฎิเป็นจำนวนมาก ทั้งหมด ท่านเตรียมไว้เพื่อเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงานศพของท่าน พร้อมด้วยเงินอีกห้าหมื่นสำหรับจัดงานฌาปกิจศพ นอกจากนี้ท่านยังห่วงคนที่จัดงานศพว่าเงินที่เตรียมไว้ไม่พอ
      ท่านจึงเขียนต่อไว้ในจดหมายที่พบว่า "อาตมาขออภัยญาติโยมทุกท่าน  ที่ทำแบบนี้ เงินที่เตรียมไว้ทั้งหมดนี้ ขอให้ใช้การจัดงานศพของอาตมา ถ้าเงินไม่พอขอให้สำรองจ่ายไปก่อน แล้ว มีโอกาสอาตมาจะนำมาคืนภายหลัง"
                      ลงชื่อ
                       พระ.........				
2 กันยายน 2552 13:01 น.

หัวใจติดแอร์

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ในเวลาเช้า  ฉันนั่งจัดรายการวิทยุ ทางคลื่น วิทยุ  คลื่นหนึ่ง  ที่สถานีของพิจิตร   เพื่อออกอากาศประชาสัมพันธ์งานแข่งเรือของวัดหัวดงจังหวัดพิจิตร

มีเสียงเดินกระแทกส้นเท้าเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องอัดรายการ

แล้วโยนสูติบัตรงานแข่งเรือตรงหน้าคอม    เปิดเกมส์เล่นเกมส์เรียงไพ่ดับอารมณ์โกรธด้วยอาการกระแทกกระทั้น

แช๊ะ   แช๊ะ   เสียงกดชัตเตอร์ดังออกจากกล้องใครคนหนึ่ง

ถ่ายรูปผมทำไมกำนันต่าย     เสียงถามลอยตามมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

อ้อ....กระต่ายเรียนธรรมมะค่ะอยากรู้อารมณ์  โกรธ    อารมณ์เป็นทุกข์  หน้าตาเป็นอย่างไร   ฉันตอบกลับ  พร้อมหันจอกล้องให้ดู

ว๊า.....สงสัยคนนี้คนไม่ใช่ท่านผู้อำนวยการน่ะค่ะเพราะไม่หล่อเหมือนคนเดิม   แต่หน้าตาเหมือนยักษ์

นี่กำนัน    ผมไม่ใช่คนธรรมมะ  ธรรมโมนี่   มีอะไรก็เฉย   ไม่รู้ร้อนรู้หนาว   ไม่รู้อยู่อารมณ์ไหน พร้อมส่งสายตาค้อนวงใหญ่แบบผู้หญิงมาให้

อ้อเหรอค่ะ....ฉันเอียงคอยิ้มตอบกลับไป....แหมนั่นอาการปัญญาอ่อนแล้วรึปล่าว  คนเรียนธรรมมะเขาเรียนเพื่อรู้ความจริงของชีวิตค่ะ  เหมือนคนไฟไหม้บ้านไงค่ะ   คนไม่รู้ก็แบกตุ่มหนีไฟร้อง...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..ไฟไหม้,,,แบกไปร้องไปไม่หยุด  

คนรู้ก็จะหาเครื่องดับไฟมาดับ

งั้นมีสักเครื่องไหมหล่ะผมจะฉีดปากกรรมการพวกนั้น   
นั่นแน่ผู้อำนวยการเปลี่ยนหน้าตาจากยักษ์เป็นเทพบุตรแล้ว    ดีจัง   ฉันยั่วแหย่ตอบกลับไป

ความจริงของชีวิตมีอะไรบ้าง     ผู้อำนวยการ  ถาม

อ๋อ....งที่กระต่ายเรียนก็มีโลกธรรมแปดค่ะ   มีลาภเสื่อมลาภ   มียศเสื่อมยศ    นินทา  สรรเสริญ  สุข  ทุกข์   เวียนว่ายในชีวิตทุกวัน
พูดง่ายทำยาก    ผมว่า

ไม่ยากหรอกค่ะ   เหมือนเราทานกาแฟกับคอมฟี่เมต   ถ้าเราเป็นช้อน  เราก็แยกออกจากกันได้   ถ้าเราเป็นน้ำตาลก็จะละลายกับกาแฟ
ทำยากแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ค่ะ  ก็เหมือนฝนตกเปียกก็รู้   นำท่วมบ้านก็รู้   แดดออกร้อนก็รู้ว่าร้อน   รู้แล้วก็วางค่ะ

อ๋อ....หัวใจกำนันกระต่าย  ,,,,คงติดแอร์สิน่ะ       ถึงใจเย็นและสวยขึ้นทุกวัน

ถ้าอยากหล่อขึ้นใจเย็นขึ้น  ก็ลองทำบ้างสิค่ะ  ท่านผู้อำนวยการ

กระต่ายขอตัวกลับเข้าไปจัดรายการวิทยุก่อนค่ะ

				
31 สิงหาคม 2552 15:38 น.

ป่าไม้และขุนเขาเรามีกัน

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ในยามใกล้รุ่งเช้า      สายหมอกห่อห่มใบไม้      ป่าทั้งป่ายังคงหลับใหล     อย่างเงียบงัน    มีแต่ป่าไม้แลขุนเขาเรามีกัน
เสียงสอดแทรกเล็กๆของน้ำใสไหลลงลำธาร ช่างเป็นช่วงเวลาที่ปลุกหัวใจให้เต็มตื้นตื่นขึ้นมา   ด้วยความพิศวง
เสียงของสายน้ำและลำธารเหมือนเสียงของระบำเริงร่ายอย่างอ่อนหวาน   อ่อนช้อยและงดงามผ่านม่านหมอกและป่าไม้ได้อย่างน่าอัศจรรย์น่าค้นหาในพลังธรรมชาติอันเร้นลับ

ช่วงเวลาในยามเช้าที่กลมกล่อมด้วยสรรพ์เสียงรับการผสมผสานของการตื่นและการหลับใหล
ป่าไม้     ขุนเขา   สายหมอก     ต้นไม้    สายน้ำ   ที่อยู่หล่อหลอมรวมตัวบนผืนแผ่นดิน   โอบกอดฉันไว้พร้อมแสงด้วยพลังลี้ลับที่ก่อให้เกิดความศรัทธา  มอบความสดชื่น  มอบความเข้มแข็งและความสุขในสุนทรย์ที่ดิบสดให้ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

				
30 สิงหาคม 2552 20:46 น.

ที่มาของคำว่า ม้านั่ง

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ตอนเด็กๆ ตัวเองเด็กผู้หญิงที่ซุกซน  ช่างซักช่างถาม    กลับไปอ่านในสมุดบันทึกของพ่อ   มีหลายคำถามที่ถามแล้วนึกขำตัวเอง
จนหลายครั้งแอบเอาความคิดในวัยเด็กไม่ถามในกูรูแต่ประทับใจคำตอบคุณคนนี้จริงๆค่ะ   ตอบได้ใจได้อารมณ์   กวนชะมัด  เลยเพิ่งทราบว่าที่มาของม้านั่งเป็นอย่างนี้เอง

กระต่ายเองเคยไปเที่ยวสวนสาธารณะกับพ่อ สมัยเด็ก    ถามว่า    เก้าอี้ที่ยาวๆที่วางใต้ต้นไม้เรียกว่าอะไรค่ะ
พ่อตอบว่าม้านั่ง  เลยตอบคุณพ่อไปว่า   ม้านั่ง   งั้นไว้สำหรับม้า   หนูเป็นคนนั่งไม่ได้สิ   จำได้ว่า  พ่อ   หัวเราะเสียงดังเลยตอนนั้น   เลยมาถามเล่นอีกครั้งมาดูคำตอบของคุณ....คนนี้กันค่ะ....อ่านแล้วหัวเราะไปกับคำตอบ
	สมัยเด็ก.. ข้างบ้านเป็นร้านข้าวแกงน่ะครับ..
ทุกๆเช้าอาซิ้มต้องมา ล้างถ้วยล้างชามหั่นผักหั่นหมู แต่เช้า...
ลูกแกสงสารเห็นว่าอาซิ้มแกต้องยืนหลังขดหลังแข็งทำงานทุกเช้า..
วันนั้นผมก้อเลยได้ยินเสียงดังแต่เช้าเลย..  ป๊า ป๊า ตื่น ไปซื้อของกัน...
เวลาผ่านไปได้ซักพัก สองคนก้อกลับมา..
ได้ยินเสียงของลูกพูดว่า ม๊า ม๊า นั่งทำเถอะเดี๋ยวจะเมื่อย....
มา.. มา  ม๊ามานั่งเร็ว  ม๊านั่งเร็วสิ่..
อย่างงี้นี่เองที่มาของ ม้านั่ง....
เชื่อมั้ยเนีย...  หุหุ   ^^
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์