23 มิถุนายน 2554 13:37 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
กราบวันทาบูชาครูคือผู้ให้
เหนือสิ่งใดในคุณค่ามหาศาล
เป็นพ่อพระแม่พิมพ์ที่ยาวนาน
สอนศิษย์เพียรเขียนอ่านสร้างสรรค์คน
ในหัวใจของคุณครูคือศิษย์รัก
หวังปกปักคอยชี้ทางทางสว่างหน
เพื่อเสริมสร้างเส้นทางฝันแต่ละคน
ให้ผ่านพ้นสำเร็จสมดั่งใจ
คำว่าครูเปรียบไว้ได้หลายอย่าง
เปรียบเรือจ้างคอยส่งศิษย์สมดั่งใฝ่
ได้ข้ามฝากจนถึงฝั่งฝันให้ไกล
ครูคือผู้ให้แม่พิมพ์คอยเคี่ยวกรำ
กี่ปีแล้วกี่วันเล่าคอยเฝ้าสอน
กี่บทตอนหลากเรื่องราวที่ลึกล้ำ
ด้วยดวงจิตในหน้าที่-ที่ต้องทำ
เรือจ้างนี้น้ำใจงาม-นามว่าครู
น้อมคารวะพระคุณครูผู้งามสง่า
มากคุณค่าสูงศักดิ์ยอดนักสู้
ศิษย์สำนึกจดจำคำสอนครู
ผู้รอบรู้สั่งสอนศิษย์เป็นคนดี
ร้อยมะลิเป็นมาลัยด้วยใจน้อม
ชาวร.ปม.พี่น้องพร้อมสดใสศรี
จากดวงจิตของหัวใจเท่าที่มี
ร้อยวจีก้มกราบลง...ตรงเท้าครู....
13 มิถุนายน 2554 19:30 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เพื่อวิถีที่เธอรัก (ที่จะอยู่ จะเป็น)
๏เพราะเธออยู่ตรงที่ใครเขาไม่อยู่ จึงขวางหู ตาใครเมื่อได้เห็น
เธออยู่ตรงที่ใครใครอยากให้เว้น เกิดประเด็นเป็นปัญหาว่าท้าทาย
๏เพราะเธออยู่ตรงที่ใครเขาไหวหวั่น เขาพรึงพรั่นแต่เธออยู่กับดูง่าย
เขาข้องขัดชุลมุนแสนวุ่นวาย เธอกลับเฉยเสบยสบาย ณ ที่นั้น
๏เพราะเป็นตรงที่เขาไม่เคยเป็น เขาจึงเต้นโลดถลึงจนถึงขั้น
อ้างเอากฎกติกามายืนยัน มากางกั้นให้เธอกลัวถอนตัวไป
๏เพราะเธอเป็นตรงที่ใครเขาไม่คุ้น จึงว้าวุ่นอย่างที่เห็นเป็นไปได้
ความแปลกแยกแตกต่างพลอยสร้างภัย ช่างเหลวไหลแต่ต้องเชื่อเมื่อพบมัน
๏หากเธอเหมือนตามที่ใครอยากให้เหมือน ยอมลืมเลือนกลายกลับยามคับขัน
เลิกอยากอยู่ - อยากเป็นเช่นก่อนนั้น เขาดับฝันเธอได้อย่างแท้จริง
๏ไม่อยากอยู่ ไม่อยากเป็นเหมือนเช่นเขา เรายังอยากเป็นเรา๐ อย่าเฉยนิ่ง
ต้องก้าวหน้าหาหลักไว้พักพิง บทเรียนยิ่งต้องซื้อหาราคาแพง
๏เมื่ออยากอยู่ อยากเป็น เช่นที่หมาย เลือกให้เห็นเป็นหรือตายไม่หน่ายแหนง
จะมีเพื่อนผู้องอาจประกาศแสดง ทุกหนแห่งเข้าเคียงข้างสะสางภัย
๏ขอเธออยู่ เธอเป็นให้เด่นชัด เล่นบทที่เธอถนัดให้ชัดใส่
รักจะอยู่- รักจะเป็นเช่นดั่งใจ อย่าลืมเหลือเผื่อรักไว้ ตลอดทาง๚ะ๛
------------------------------------------
นฤมิตร ประพันธ์
+ คืนเก่า
๏กลับมาเป็นคนเล็กเล็กและเรียบง่าย
ซ่อนเร้นใจกายอีกสักหน
บนภูสูงนั้นหนาวสุดทานทน
ในท่ามกลางผู้คนเราวังเวง
๏กลับมาเป็นคนเล็กที่เคยเป็น
หยุดกระโดดโลดเต้นจังหวะเร่ง
อยู่เงียบเงียบคอยนั่งเสียงเพลง
อันกู่ร้องก้องเปล่งอยู่ในใจ
๏ออกจากห้องท่องเที่ยวในทุ่งกว้าง
ซึ่งสายหมอกเลือนรางยังวูบไหว
ฟังเสียงนกเริงร้องทำนองไพร
ชื่นสายลมลูบไล้เรียวหญ้างาม
๏ถอดหัวโขนโยนทิ้งไปให้หมด
หนีจากกรอบกำหนดน่าเกรงขาม
ลืมบทบาทมาดผู้นำอันคุกคาม
ไปแสดงบทผู้ตาม ตามใจเรา
๏สูงสุดลงมาสู่สามัญ
ก่อนสูญเสียความฝันอย่างโง่เขลา
กลับไปสู่วันงดงามท่ามวัยเยาว์
ก่อนเวลาจะพร่าเผาจิตวิญญาณ
๏คืนตัวตนเก่าเก่าเราอีกครั้ง
สู่ร่มไม้ใบบังในรั้วบ้าน
นิ่ง นั่งฟังเสียงคีตการ
สดับเสียงกู่ขานแห่งเสรี
๏กลับมาเป็นคนเล็กเล็กอีกสักครั้ง
ก่อนชีวิตจะผุพังไปกว่านี้
เก็บตัวตนเก่าเก่าเท่าที่มี
มาตกแต่งให้ดูดีอย่างเคยเป็น๚ะ๛
------------------------------------------
ไพฑูรย์ ธัญญา
3 มิถุนายน 2554 21:16 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ปล่อยใจลอยแผ่วผิวปลิวพลั้งเผลอ
เหมือนได้เจอความรักทักทายผ่าน
หวีดหวิวหวีดลอยล่องท่องเหนือธาร
ผสมผสานเสนาะเพียงเสียงดนตรี
มวลเมฆหมอกหยอกล้อกับท้องทุ่ง
ตะวันพรุ่งเปล่งประกายฉายแสงสี
กรุ่นดินกรุ่นแดดหอมล้อมธานี
ไกลหริบหรี่เห็นทุ่งข้าวเม็ดขาวนวล
ปล่อยจิตใจลอยไปในยามเช้า
จิบกาแฟแผ่วเบารำลึกหวน
ท้องทุ่งข้าวกลิ่นรวงเจ้าเฝ้าเย้ายวน
คล้ายเชิญชวนเคยรู้รับประทับใจ
กลางละอองหนาวกายแห่งไอหมอก
สายลมหยอกยั่วเย้าใบไม้ไหว
ซ่อนรอยยิ้มความคิดถึงเพียงหนึ่งใคร
ละอองไอความคิดถึงติดตรึงนัก
ความอบอวลด้วยไอดินใต้ถิ่นฟ้า
ยอดข้าวท้า-ลมทักทายได้ประจักษ์
หอมไอดินใต้ท้องฟ้าละมุนนัก
ใช้สายลมแทนความรักทายทักไป