19 มีนาคม 2553 21:45 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ค่ำคืนนี้ฉันเห็นฟ้าเป็นสีขาว
หรือน้ำตาที่หล่นพราววับวาวใส
หาพระจันทร์ไม่รู้อยู่หนใด
เหลือทิ้งไว้เพียงกระต่ายไร้เงาจันทร์
หวังพรุ่งนี้มีพระจันทร์เพียงเศษเสี้ยว
เพื่อโน้มเหนี่ยวอุ่นไอให้กับฉัน
ฉันอ่อนล้าหมดแรงขึ้นทุกวัน
แม้ความฝันเลือนลางห่างทุกที่
มีความเหงาบรรเลงเพลงอ้อยอิ่ง
ร่างนอนนิ่งน้ำตาไหลล้นปรี่
ซ่อนสะอื้นทุกคืนค่ำยามราตรี
ให้ดนตรีกล่อมบรรเลง...เพลงน้ำตา....
ในออ้มกอดคนเหงาที่เศร้าเหลือ
รอยปนเจือความเจ็บจนปวดปร่า
อยากเร้นหายใต้เงาแสงแห่งจันทรา
ใช้สองมือซับน้ำตาให้ตัวเอง
16 มีนาคม 2553 09:34 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไฟเทียนดับเพราะเทียนเริ่มหมดแท่ง
หาไฟฉายฉายแสงหายไปไหน
ห้องก็มืดมองไม่เห็นทำยังไง
เอ๊ะ..นั่นเงาอะไรใจนึกกลัว
ก็ไฟดับจะขับรถน้ำมันหมด
เลยต้องอดข้าวหม่ำข้าวเริ่มเวียนหัว
เห็นเงาตะครุ่มตามพุ่มไม้ให้หวาดกลัว
ใจสั่นรัววิ่งไม่ออกร้องบอกไป
หนาวก็หนาวหัวใจเย็นยะเหยือก
อ้าวแล้วเกือกดันหายไปทางไหน
ไร้คนช่วยซวยหล่ะสิทำยังไง
โอ้หัวใจโดนทำร้ายเกินจะทน
อยากร้องไห้ดังดังทำไม่ได้
ตั้งสติเข้าไว้ใจสับสน
ความมืดเอ๋ยจากไปเลยกลัวชอบกล
มองไม่เห็นเดินชนประตู....ปวดกบาล....
3 มีนาคม 2553 09:00 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ถ้าเห็นแล้วไม่ต้องประหลาดใจ
ที่พวกเรายิ้มแจ่มใสขนาดนี้
สำนักงานครื้นเครงมีดนตรี
หล่อเหลาดูดีแบบผู้ชาย
ถือเสียว่าเป็นอาหารตา
แค่ชม้ายมองหาไม่เสียหาย
ถ้าไม่มองแหม...มันน่าเสียดาย...
ส่งยิ้มหน้าซื่อตาใสให้เอ็นดู
ฟังเสียงเพลงหลงใหลใจเคลิบเคลิ้ม
เสน่ห์ยิ่งเพิ่มไพเราะเสนะหู
คนอะไรช่างหล่อเหลาเฝ้ามองอยู่
น้ำลายหกยังไม่รู้ใจละลาย
พอเพลงจบเสียงตบมือดังกึกก้อง
แอบจดจ้องเล็งมองปองมุ่งหมาย
ส่งเสียงคำหวานผ่านทักทาย
หล่อนวี๊ดว๊าย...อุ๊ยตาย...ไหงกะเทย....