17 มกราคม 2553 10:24 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ดูสิใครนั่งขีดเขียนยามค่ำคืน
ในความรู้สึกเต็มตื้นคืนแห่งฝัน
ยามราตรีมีความสุขเพียงเท่านั้น
พอตื่นพลันโลกหมองหม่นคือคนใด
เหมือนกับฉันอยู่ห้วงฝันนั่งขีดเขียน
ยังเพ้อเพี้ยนตามความคิดเหมือนพิษไข้
เหมือนบางทีตกในบ่วงห้วงคิดไป
เก็บความรู้สึกซ่อนไว้ในอาการ
เผลอแย้มยิ้มตามบทเพลงบรรเลงพร
บางครั้งข้าวคอยป้อนค้างมื้ออาหาร
ในมือกำปากกากอดจินตนการ
สร้างเรื่องราวอ่อนหวานธารแสงดาว
ความเศร้าซ่อนแฝงไว้สายตาคน
หล่นเปียกปนคือน้ำตาเหลือใดกล่าว
แว่วสำเนียงของเสียงเนิ่นนานเนาว์
เหมือนมีเงาปีศาจร้ายในวันนั้น
มีความทุกข์เป็นนายคอยรับใช้
เรื่องเลวร้ายซ่อนไว้ในหัวใจฉัน
ความทุกข์ทนความเงียบเหงาไม่เท่ากัน
จนบางวันแกล้งมีสุขแต่ทุกข์จริง
แสร้งเสยิ้มสู้ต่อโลกโชคชะตา
หวังเวลาช่วยบางอย่างในบางสิ่ง
ก้าวไม่ถูกอยู่เดียวดายคล้ายถูกทิ้ง
นี่คือเหตุผลความจริงทุกค่ำเช้า
ทำตัวตนเยี่ยงคนไม่สู้โลก
อยู่ในห้วงความโศกพิษโลกเหงา
ใช้จินตนาการขีดเขียนเพื่อบรรเทา
อยู่ในโลกที่เราสร้างมันเอง
ด้วยวิญณาณแห้งกรอบหมายปลอบโลก
ผ่านความทุก์โศกอ้างว้างช่างคว้างเคว้ง
เยาะเย้ยฟ้าท้าโลกหลอกบอกตัวเอง
ถูกความข่มแหงตามรุกเร้าเจ้าชีวิต
ผ่านห้วงหนาวสั่นสะท้านผ่านห้วงคืน
สร้างความฝันหยิบยื่นฉันลิขิต
พบแต่สุขอย่าพบเศร้าเฝ้าฝันคิด
ทุกข์ในจิตคือความคิดในใจคน
5 มกราคม 2553 10:02 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ลมเย็นเย็นแดดอุ่นกรุ่นดินหอม
ด้วยหัวใจน่าถนอมพร้อมปกปัก
มวลพฤกษ์ไพรรายล้อมด้วยเสียงรัก
หัวใจเริ่มตระหนักต่อความจริง
ว่าผืนแผ่นดินนี้ที่กว้างใหญ่
ธรรมชาติคือผู้ให้ในทุกสิ่ง
สรรพเสียงเกื้อการุณย์อุ่นอกอิง
เมฆหมอกสายธารไม่เคยทิ้งมวลมนุษย์
ธรรมชาติสวยงามยามพบเห็น
แมกไม้ให้ความร่มเย็นใสบริสุทธิ์
มอบภาพฝันรักษาใจที่โทรมทรุด
ให้ผ่องผุดสุขสันต์วันฟ้างาม
หลับตาหลับตาลงที่ตรงนี้
แค่วินาทีมอบฝันอันหวาบหวาม
หวานละมุ่นอุ่นละไมในนิยาม
ความงดงามจากใจส่งให้เธอ