27 พฤศจิกายน 2551 15:54 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ต้นไผ่งามอยู่ริมทางข้างถนน
เหมือนรอใครบางคนค้นความหมาย
ลมเหนือกรูใบสะบัดดั่งเอียงอาย
พอแดดเช้าส่องฉายพรายน้ำค้าง
เกิดเพื่อก่อเปล่งประกายหมายรังสรรค์
ตั้งแต่วันฝนพร่ำเม็ดพรมพร่าง
สู้ยืนต้นบนทางความอ้างว้าง
บอกถึงความแตกต่างคุณค่าสายตาคน
เมื่อลมพัดเอนตามลู่ลมไหว
พัดต้นใบยั่วเย้าราวฉงน
ในโลกเงาซุกซ่อนตัวแห่งตน
ซ่อนลำต้นมิอวดเอ่ยเผยเรื่องใด
รอเติบโตจากกอจนกล้าแกร่ง
เพื่อแสดงสิ่งที่แฝงอันยิ่งใหญ่
เคยทุกข์ร้อนหนาวเหน็บเจ็บเพียงใด
ขอจงเป็นเหมือนต้นไผ่ไหวลู่ลม
12 พฤศจิกายน 2551 06:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ปล่อยใจลอยแผ่วผิวปลิวพลั้งเผลอ
เหมือนได้เจอความรักทักทายผ่าน
หวีดหวิวหวีดลอยล่องท่องเหนือธาร
ผสมผสานเสนาะเพียงเสียงดนตรี
มวลเมฆหมอกหยอกล้อกับท้องทุ่ง
ตะวันพรุ่งเปล่งประกายฉายแสงสี
กรุ่นดินอุ่นแดดหอมล้อมธานี
ไกลหริบหรี่เห็นทุ่งข้าวเม็ดขาวนวล
ปล่อยจิตใจลอยไปในยามเช้า
จิบกาแฟแผ่วเบารำลึกหวน
ท้องทุ่งข้าวกลิ่นรวงเจ้าเฝ้าเย้ายวน
คล้ายเชิญชวนเคยรู้รับประทับใจ
เมื่อเยาว์วัยสมัยยังเป็นเด็ก
พ่อเคยเรียกตัวเล็กเอาใจใส่
ปลุกเจ้าตื่นขี่คอพ่อเร็วไว
เราจะไปดูทุ่งข้าวยามเช้ากัน
แต่วันนี้ห่างไกลไร้ซึ่งพ่อ
จึงจะขอตั้งดวงจิตอนิษฐาน
ท้องทุ่งข้าวเจ้าขาเป็นพยาน
ขอสาบานเป็นลูกพ่อตลอดไป
10 พฤศจิกายน 2551 00:34 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
คิดถึงใครคนหนึ่งคิดถึงมาก
คิดถึงอยากอยู่ใกล้อยากไปหา
คิดถึงความอบอุ่นที่ตรึงตรา
คิดถึงจึงห่วงหาอยู่ทุกวัน
คิดถึงคุณแม้ข่มตาผวาตื่น
นั่งนอนยืนคิดถึงแม้ในฝัน
ความอ่อนโยนเยื่อใยสายสัมพันธ์
บอกผ่านจันทร์หมื่นแสนล้านดวงดาว
ท้องฟ้าฝากฝั่งโน้นเป็นอย่างไร
อากาศร้อนเพียงใดหรือจะหนาว
ทุกราตรีในคืนค่ำที่ทอดยาว
ฉันยังเฝ้าคิดถึงคุณคนอยู่ไกล
หลับตาสิหลับตาเถิดคนดี
ฉันยังคงอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
ส่งความคิดถึงความรักทักทายไป
โอบกอดคุณไว้ใต้เงาจันทร์
10 พฤศจิกายน 2551 00:00 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
จากปลายฝนหล่นร่วงสู่ห้วงหนาว
เม็ดฝนพราวหมอกพรมห่มความฝัน
คล้ายน้ำตาหัวใจคนไกลกัน
รอยคืนวันบอกผ่านกาลเวลา
อยู่ใกล้ไกลหนใดส่งใจถึง
รอยตราตรึงฝังฤทัยอาลัยหา
อยากลบรูปจูบรอยคอยเรื่อยมา
น้ำในตารินผ่าวร้าวร่วงริน
ฤดูกาลเปลี่ยนผันอยากพานพบ
ถึงคราวจบหรือไรเยื่อใยจีงไร้สิ้น
เจ็บปวดแปลบเหมือนมีดกรีดเลือดหลั่งริน
อยากขาขินกลับชอกช้ำจำติดตา
อยากเยียบเย็นหัวใจไร้ความรู้สึก
กลับถลำลงล้ำลึกเจ็บปวดปร่า
มีสักวันหัวใจคงชินชา
หนาวน้ำตาหนาวที่ใจเพราะใครลืม
5 พฤศจิกายน 2551 01:46 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เราเคยผ่านเรื่องมากมายในชีวิต
ผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เคยคิดหวัง
หลายเรื่องราวถูกผิดคิดและฟัง
จนกระทั่งถกเถียงในเสียงตน
ด้วยเลือเนื้อการงานละลานร่วง
เรื่องทั้งปวงหลากหลายเหมือนสายฝน
ท่วงทำนองหนักเบาเคล้าปะปน
เหมือนว่ายวนปนเปื้อนดอกน้ำตา
เคยถามชีวิตนี้มีกี่ครั้ง
ต้องขับเคี่ยวหรือพลาดพลั้งกระทั่งบ้า
บ้างสุขสมบ้างทุกข์ถมเกินพรรณนา
บ้างถวิลหาบ้างชาเฉยไม่ใยดี
คล้ายรอยเท้าที่เยียบย่ำบนผืนทราย
คลื่นซัดหายความเดียวดายไม่คงที่
ที่ขับเคลื่อนเวียนว่ายใต้นที
ดวงชีวีหนาวสั่นเหมือนฝันร้าย
มองดูโลกด้านแย่ในแง่เงา
คงต้องเศร้ารันทดหมดความหมาย
ใช้ชีวิตปรัชญาหน้านิยาย
หาความหมายประดับรับรู้ซึ้ง
สลายปีกบินเยี่ยงนกผ่านโลกกว้าง
ผ่านเส้นทางทอดยาวคราวคิดถึง
ทานแรงต้านเสียดแทงแรงเหนี่ยวดีง
ชีวิตหนึ่งเสี้ยวอารมณ์ล้มแล้วลุก