30 มกราคม 2551 17:49 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ระยับพราววาวเพชรกลอกเก็จพร่าง
จูบเบาบาง พร่างใบ พรายแดดฉ่ำ
ลมเช้าโชย หอมชื่น รื่นลำนำ
ราวระบาย ร่ายระบำ ร่ำระใบ
ไผ่สะบัดพลัดพรูลงสู่พื้น
น้ำค้างชื้นร่วงมายอดหญ้าไหว
ยังวูบวับไหวหวามอยู่วามไว
ลมโลมไล้กลอกเก็จเฉกเพชรพราว
ยังกะพริบล้อไล้ในแดดพร่าง
จนวูบวายสลายร่างกลางแดดผ่าว
ย่อมระเหยเลยหายไม่ยืนยาว
หญ้าไหนเลยจะอาจน้าวให้พราวพื้น
ด้วยแดดฉายพรายฉ่ำน้ำค้างฉาย
ก็สลายเลือนล้างกลางแดดขืน
ชีวิตคนดุจน้ำค้างไม่ยั่งยืน
เกียรติยศหยิบยื่นไม่ยืนนาน
หลงระเริงเหลิงละลงคงสงบ
รอเลือนลบกลางแดดที่แผดผลาญ
ก่อนวูบวาย สลายวัน กลับชื่นบาน
คลายร้อนร่านเย็นฉ่ำน้ำค้างพรม
ปรายฝน ผกาพนานต์
14 มกราคม 2551 18:04 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไม่รับรู้ระยะทางถึงฝั่งฝัน
จะสิ้นสุดในวัยวันที่เท่าไร
หรือนิรันดร์จนตายจากพรากกันไป
รับรู้ได้เพียงก้าว พักคราวล้า
ไม่รู้จะพบพานหวานหรือขม
ผจญลมพายุปะทุกล้า
หรือวักดื่มกระแสฝันธารธารา
รู้เพียงว่ามีดอกไม้ที่ปลายทาง
ไม่รับรู้ว่าจะเจ็บกี่เหน็บหนาว
จะต้องท้อกันกี่คราวร้าวรุมร่าง
หัวใจดวงรุ่มร้อนจะผ่อนจาง
หรือลอยคว้างในลมฟ้า ชะตากรรม
ฝนจะตกละลายหายลมร้อน
ชะฝุ่นแล้งไปก่อนจะพลบค่ำ
หรือเมฆขาวปุยฝ้ายยังร่ายรำ
ปล่อยเปลวแดดไหม้ช้ำถึงน้ำใจ
แม้เราไม่เคยรับรู้กับระยะ
แต่ขณะยังใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่
เท้าที่วางทอดเท้าจะยาวไกล
ระยะฝันคงบอกได้กี่ปลายทาง