28 กันยายน 2549 04:36 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ห่างบ้านเกิดถิ่นเก่าที่เราพราก
เหมือนน้ำหลากหลั่งล้นเป็นฝนหลง
ไหลลิ่วสู้ต่ำใต้ห่างไพรพง
ห่างจากดงกันดารและบ้านนา
เสาะแสวงหาสิ่งดีเพื่อชีวิต
เสาะหามิตรความอบอุ่นและคุณค่า
เสาะแสวงหาความหมายในสายตา
ได้ทั้งความเหว่หว้าและอาดูร
ได้ทั้งรอยแผลเล็บความเจ็บปวด
เจ็บยิ่งยวดเจ็บลึกและสิ้นสูญ
สิ้นทั้งเลือดและเนื้อความเกื้อกูล
เสียทั้งสิ่งเทิดทูนเคยศรัทธา
สู่บ้านเกิดถิ่นเก่าที่เรามั่น
ละทิ้งความฝันแห่งเมืองอันเปลืองค่า
ทิ้งสังคมสีเหลืองเมืองมายา
กลับคืนสู่บ้านนาแห่งความจริง
มีใบหน้าแห่งรักประจักษ์ชัด
มีความสุขสงัดให้สู่สิง
มีเรือนชานแหล่งหลักให้พักพิง
มีศัตรูตัวจริงที่เห็นเงา
มาเป็นวิหคผินบนดินอื่น
ช้ำและชื่นหิวโซอย่างโง่เขลา
หวังและก้าวบนทางสายบางเบา
ผ่านความเศร้าเหงาสุขและทุกข์ท้น
จากดวงตาฉ่ำหมายประกายแกร่ง
ค่อยอ่อนแรงโรยลากลางป่าฝน
ถึงวันทุกข์แน่นอกอุทกท้น
น้ำตาหล่นเรี่ยรายท่วมสายทาง
กลับบ้านเกิดถิ่นเก่าที่เราหมาย
สู่เรือนชานสุดท้ายจักทอดร่าง
สู่อดอิ่มหนาวอุ่นคุ้นสรรพางค์
รองรับร่างผ่านสู่เชิงตะกอน
24 กันยายน 2549 14:36 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เกียรติยศคือสิ่งที่หวงแหน
ทั่วทุกแดนปกป้องผองทั่วหล้า
เพราะเราคือเหล่าทหารพระราชา
เหนือใต้ฟ้าปราบภัยใช้ความดี
เหล่าทรราชย์ซ่อนหุ้นหนุนขายชาติ
วางอำนาจโยกย้ายหลายท้องที่
ชาตินักรบต่อสู้เหล่าไพรี
พร้อมยอมพลีประชาธิปไตยเพื่อไทยเรา
คนแนวหลังอยู่อย่างสุขสงบ
ไร้เรื่องรบเข่นฆ่าอย่างโง่เขลา
ปฎิวัติแบบเรียบง่ายใช้ผ่อนเบา
เรื่องมัวเมาอำนาจขาดกันที
ขอสดุดีสุภาพบุรุษสุดที่รัก
กล้าหาญนักยอมสู้ไม่ถอยหนี
รวมกำลังชี้แจงแบบพอดี
ต่อแต่นี้ประเทศไทยใช่..ของเรา...
23 กันยายน 2549 01:11 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เดียวดายอ้างว้างเคว้งคว้างนัก
คงสิ้นค่าความรักเขาหักหาญ
เหมือนสูญสลายรักเราเพียงตำนาน
ปวดร้าวรานดั่งมีดคอยกรีดทรวง
เพราะร่ำร้องครวญหาอย่างโหยให้
เมื่อใจนึกถามใจได้แต่ห่วง
ค่าหมดสิ้นหลงคำคนหลอกลวง
เขาตักตวงลวงรักเอาจากเรา
อยากหมดสิ้นเยื่อใยไร้ความรัก
ยักยากฝืนกลืนหักเมื่อรักเขา
เพราะเยื่อใยรัดตรึงซึ้งแน่นเรา
เหมือนมีเงาลบยากไม่อยากจำ
อยากจะลืมใจเจ้ากรรมกลับจำได้
แอบถามใจเพราะอะไรจึงชอกช้ำ
แค่ลมปากคำลวงทุกห้วงคำ
คอยตอกย้ำมากคารมคำคมชาย
อยากหยุดพักเรื่องรักสักแค่นี้
ถ้อยวลีร้อยลิ้นสิ้นความหมาย
จะขออยู่ร้างไร้ใครแนบกาย
โลกสลายรักเราสิ้นฉันยินดี
19 กันยายน 2549 02:53 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากเหมือนตะวันส่องนำแสง
สาดฤทธิ์แรงชี้ทางคนโหยหา
มองน้ำค้างพรมพร่างหยดค้างคา
เหมือนซ่อนธารน้ำตาของชีวิต
ในหลายครั้งแสแสร้งแกล้งหัวเราะ
เหมือนยิ้มเยาะเย้ยหยันบันดาลจิต
มีเรื่องราวร้าวติดลึกสุดนึกคิด
ราวเพื่อนสนิทตามติดคอยคิดเชื้อ
ฉันจะเหลือไฟฝันกี่วันที่
ฉันจะฝ่าเดือนปีที่หลงเหลือ
เหมือนตะวันส่องเจือแสงระเรืองเรื่อ
สาดส่องเพื่อพิสุทธิ์ฉายหมายรักแท้
แม้พรุ่งนี้ไม่รู้พบหรือพลัดพราก
หรือตายจากมอดม้อยด้วยบาดแผล
มีน้ำตาแอบซุกซ่อนความอ่อนแอ
ไร้ใครแลฝืนยิ้มได้...แต่ใจร้าว...
13 กันยายน 2549 21:05 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ชีวิตเรามิได้โรยโปรยไว้ด้วย
กลีบสดสวยเช่นกุหลาบมีขวากหนาม
ทุกชีวิตต้องฟันฝ่าพยายาม
ให้ถึงตามจุดประสงค์จำนงใจ
ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนหลายคนบอก
บ้างกลับกลอกเกลือกกลิ้งควรนิ่งได้
แม้มืดมิดริบหรี่...ยังมีไฟ
สาดส่องให้มองเห็น...ในเส้นทาง
อุปสรรคทุกอย่างที่ขวางหน้า
ใช้ปัญญาไตร่ตรองลองคิดบ้าง
แม้ทุกทางเดินแค่ฝันอันเลือนลาง
แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจในตัวตน
อันไม้ล้มข้ามได้ใครใครรู้
คนล้มอยู่ยังลุกยืนขึ้นอีกหน
วันนี้แพ้พรุ่งนี้ชนะคละปะปน
เกิดเป็นคนต้องต่อสู้อยู่ร่ำไป
อย่าท้อแท้ในชีวิตหรือคิดสั้น
ต้องมีวันสมประสงค์เหมือนฝันใฝ่
ให้ดวงใจมีพลังดั่งหวังไว้
มอบกำลังใจมากมาย..ส่งให้มา...