18 สิงหาคม 2549 21:14 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากจะเก็บเปลือกหอยมาร้อยเรียง
จะเก็บเสียงคลื่นตลบกระทบหาด
อยากจะเก็บท้องนภาเอามาวาด
แทนกระดาษกระซิบเสียงแห่งหัวใจ
อยากจะเก็บเมฆขาวบนราวฟ้า
อยากจะเก็บดอกไม้ป่าพิสุทธ์ใส
อยากจะเก็บถ้อยคำหวานผ่านฤทัย
อยากจะเก็บน้ำทะเลใสใส่แจกัน
ฝากดวงดาวส่งแทนความคิดถึง
ฝากดวงจันทร์งามซึ้งแทนใจฉัน
ฝากสายลมห่มกายหมายผูกพันธ์
ฝากคำหวานกระซิบบอกเพียงเบาเบา
ทุกวันนี้หัวใจฉันพลันอบอุ่น
เพราะมีคุณเคียงกายแม้เงียบเหงา
ถึงอยู่ห่างแต่คุณเปรียบเหมือนเงา
แม้โศกเศร้าคุณพร้อมซับน้ำตา
ลมหายใจทุกอณูต่อแต่นี้
ทุกนาทีควรญคร่ำร่ำเรียกหา
ทุกค่ำคืนหลับสนิทยามนิทรา
ทุกเวลาลมหายใจ...มีเพียงคุณ...
17 สิงหาคม 2549 16:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แสนเหนื่อยหน่ายหมดแรงและอ่อนล้า
น้ำในตาร่วงรินสิ้นความหวัง
ดั่งมรสุมเกลียวคลื่นซัดซาดประดัง
กระแทกฝังโถมทับให้ยับเยิน
อยากจะหยุดลมหายใจนอนแน่นิ่ง
รับความจริงมิได้คล้ายห่างเหิน
ต้องทุกข์ทนท่วมท้นคนหมางเมิน
จะก้าวเดินให้ทุกข์ท้อต่อชะตา
เหมือนชีวิตบทสุดท้ายให้อนาถ
เจียนจะขาดหัวใจใยผวา
ต้องทนทุกข์ซับซ้อนซ่อนน้ำตา
แสนปวดพร่าเจ็บฝืนเพียงเดียวดาย
เหมือนชีวิตบทละครที่ตอนจบ
ไม่อาจพบความสมหวังดั่งมุ่งหมาย
มีแค่น้ำตาไหลเปื้อนเกลื่อนทั่วกาย
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายไม่อาวรณ์
15 สิงหาคม 2549 21:35 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เพราะเรไรเปิดประเด็นจนเป็นเหตุ
เกิดกิเลสปลงไม่ลงให้สงสาร
อยากกกกอดเคยชมล้วนนงคราญ
แต่พบพานรันทดอดหมดเลย
จึงหยิบกระดาษปากกามาขีดเขียน
ยังวนเวียนอยู่ในใจใคร่ขอเอ่ย
เพราะปีกฟ้าเปิดประเด็นเช่นดังเคย
จึงเอื้อนเอ่ยเป็นวลีที่บอกมา
อยากจะชวนลุงแก้วร้องเพลงคู่
แต่เห็นอยู่อัสสุมองนั่งจ้องหน้า
เห็นแทนคุณแทนไทส่งสายตา
มอมแมมซันอ้อนมาแบบเว้าวอน
หันไปชวนครูใหญ่ก็ไม่ว่าง
ครูเดินทางไปพัทยาพาเหนื่อยอ่อน
มองเห็นนคราไม่รู้ใครให้ร้าวรอน
ปักษาสอนเลือกใครดูให้ดี
ส่วนปีกฟ้ายกไว้ไม่กล้าแตะ
แค่กระแซะขอสิบห้องตรองถ้วนถี่
จะพาแม่ พี่ชาย ไปด้วย น่ะคนดี
ยกชุมชนที่มีร้องเพลงกัน
เพราะความรักเข้าตาพาให้เขียน
หวังแค่เพียงเพลิดเพลินพาสุขสันต์
แค่เขียนเล่นมิได้ดั่งต้องการ
ยังเป็นกระต่ายใต้เงาจันทร์..ที่เหมือนเดิม
14 สิงหาคม 2549 01:58 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ถนนนี้เทศกิจห้ามขาย
แต่เรายังไม่วายมาตั้งแผง
รอลูกค้าเรี่ยราย ขายไม่แพง
มีของแห้ง ผลไม้ ให้เลือกดู
เพื่อนรถเข็นหลายคันเลยวันนี้
ขายไม่ดีก็พอไหว พอได้อยู่
ลูกค้าสั่งเอาตำไทย ใส่ปู
แต่ชั่วครู่แลกได้มา ค่าตอบแทน
เป็นยายแก่มือกร้านทำงานหนัก
เหนื่อยเกินพักผ่านมาอ่อนล้าแสน
หลังจากฝนไกลดินถิ่นคูนแคน
ก็ยากแค้นทิ้งนาหางานทำ
กรรมกรก่อสร้างก็เคยสู้
ถึงล้มครืนก็ยืนอยู่ทุกเช้าค่ำ
จากกรอบแดดโคลนนาหน้าหมองดำ
มากรอบเกรียมกลืนกล้ำน้ำใจคน
สร้างตึกสูงสวยโก้โอฬารนัก
หมดเพิงพักเพิงเล็กริมถนน
มีเพื่อนร่วมโชคชะตามากหลายคน
ล้วนยากจนหาเงินได้ไม่พอกิน
พอสังขารเหี่ยวแห้งเรี่ยวแรงหาย
เค้าเลิกจ้างเหมือนยายคล้ายโดนหมิ่น
หิวแสบใส้แทบขย้อนกลืนก้อนดิน
เลือกทางมาหากินกับส้มตำ
ค่าที่...ค่าทาง...ก็แสนแพง
รายได้...ค่าแรง...ก็แสนต่ำ
หน้านี้หน้าฝน โน่นเมฆดำ
คงเจ็บช้ำขายไปได้ แค่ครกเดียว
11 สิงหาคม 2549 21:27 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
วันนั้นเคยมีหัวใจเธอเคียงข้าง
แต่วันนี้เธอกลับอ้างว้างห่างเหิน
วันนั้นเธอบอกรักมากมายเหลือเกิน
แต่วันนี้เธอหมางเมินมองผ่านไป
อะไรเหตุใดเยื่อใยจึงแตกต่าง
อะไรทำให้เธอห่างออกไปได้
อะไรเวลาของเรากลายกลับไกล
เพราะอะไรจึงวอนเว้าเฝ้าถามมา
แสนปวดรวดร้าวอยู่ในใจลึกลึก
ทั้งรู้สึกเหงาวังเวงและเหว่หว้า
แสแสร้งทำเป็นหัวใจตายด้านชา
แต่น้ำตาหยดหลั่งรินแทบสิ้นใจ
ต้องทำฝืนปั้นยิ้มใสทั่วใบหน้า
ทั้งที่อุรากลัดหนองแทบหมองไหม้
เหมือนแผลลึกกรีดลงเฉือนแนบทรวงใน
ต้องเดียวดายแพ้พ่ายยับรับความจริง