29 ธันวาคม 2549 16:54 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
วาดท้องฟ้าสีครามตามเรียวรุ้ง
เติมวันพรุ่งด้วยตะวันบรรเจิดแสง
ทุ่งดอกไม้ปูลาดพรมเหลืองส้มแดง
นกแมลงร่ายลีลาร่าเริงใจ
แล้วลากเส้นเป็นหลังคาฝาสี่ด้าน
ระบายบ้านด้วยสีที่ฝันใฝ่
เติมประตูหน้าต่างข้างบันได
มีต้นไม้รื่นร่มลมพัดเย็น
ชิงช้าน้อยคอยให้ใครมานั่ง
สวนสะพรั่งรอใครได้มาเห็น
ครอบครัวคือคำนี้ที่จำเป็น
ถ้าว่างเว้นก็เวิ้งว้างร้างชีวี
บรรจงสร้างสายใยด้วยใจรัก
ทอสานถักร้อยเรียงเคียงสุขขี
สร้างความรักความผูกพันธ์วันที่ดี
สร้างโลกนี้จากหัวใจให้งดงาม
24 ธันวาคม 2549 11:47 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ถึงจะอยู่ห่างกันสักเพียงไหน
อยากจะไกลหลีกหลบไม่พบฉัน
ขอไปดีสิ้นสุดความสัมพันธ์
น้ำไหลหลั่งรินร้าวผ่าวขอบตา
เพราะหัวใจทุกข์ทนจนนานเนิ่น
ห่วงเหลือเกินซุกซ่อนความออ่นล้า
ปวดเกินเจ็บทุรนทุรายเกินเยียวยา
ความโหยหาเหมือนบ่วงลวงอารมณ์
สิ้นสุดกันเสียที่เถิดที่รัก
เหน็บหนาวนักรักนี้ที่ขื่นขม
ขอเวลาลืมรักเก่าอย่างเศร้าตรม
หลุดจากหล่มรักเก่าเราได้เอย
ต่อแต่นี้หมดแล้วไมตรีจิต
เพียงน้อยนิดเยื่อใยไม่เปิดเผย
แม้ความฝันนิทราอย่ากอดเกย
ความอบอุ่นคุ้นเคยจะเฉยชา
23 ธันวาคม 2549 02:13 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เออ...เสมอนภางค์พะพร่างวสันต์ ชโลมสมัยฤทัย
ก็บรรลุฉ่ำเย็น
อกก็คล้ายตะลึงประหนึ่งเห็น วิ มานละลิบกระพริบ
ณ เพ็ญกระจ่างพราว
กล้ามิกลัวจะเจ็บ จะเหน็บจะหนาว ละเมอละม้าย
ตะกายดุจดาวตะวันเดือน
จิตมิวายคนึง ประหนึ่งเสมือน อุบัตินรกอกสะเทือน สะท้อนดัง
กล้ามิกลัวเพราะรักจะกักฤขัง กระเจิดกระเจิงระเริง
และยังทะยานไป
รัก ฤ เป็นฉะนี้ฤดีไฉน พยศมิหยุดมนุษย์มิใย
จะควบคุม
บทจะร้อนมิผ่อนก็ร้อนและรุม ประมาณพระเพลิงระเริง
และสุมประกายเพลิง
บทจะเย็นประมาณทะยานเถลิง สวรรค์ไสว ณ ใจกระเจิง
กระหยิ่มใจ
รักเสมือนมิรู้ ฤ ดู ฤ ใด จะเย็นจะฉ่ำจะน้ำหรือไฟ
ประลัยกัลป์ ฯ
23 ธันวาคม 2549 02:00 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แปลกใจและแปลกตา
ฟ้าหม่นฝ้าคลุ้งละออง
ใบหญ้าชุ่มฉ่ำนอง
ต้องน้ำค้างอาบไอเย็น
นิ่งนานและเนิบน้าว
สั่นหวั่นหนาวให้แลเห็น
หยาดย้อยทั้งกระเซ็น
ลำเค็ญคั้นกลั่นผ่านใจ
แอบซ่อนและซุกซบ
อิงไออบแมกหมู่ใบ
ต่างเจ็บต่างเหน็บใน
อิงกันไปเหมือนนำพา
หมอกหนาวและน้ำค้าง
พราวพร่างพรมโรยช้าช้า
ลงสู่พงดงหญ้า
เย็นนวลตาเรื่อละเลง
แดดสวยและแสงงาม
ยามแรกเช้าเคล้าเสียงเพลง
หมอกหนาวไหวหวั่นเกรง
เพลงตะวันคำสัญญา
21 ธันวาคม 2549 20:58 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
บนเส้นทาง
ณ.ถนนบนทางที่เปลี่ยวเหงา
เหลือเพียงเงาเราสองที่หมองหมาง
ขาดกันแล้วแยกกันคนละทาง
เป็นตัวอย่างความรักที่ลางเลือน
เหลือเพียงอดีต
ไม่มีใครจะลบรอยอดีต
ฟ้าได้ขีดรักเราร้างอย่างเฉือดเชือน
รอยร้าวลึกแผลร้ายคอยย้ำเตือน
เจ็บใดเหมือนเจ็บอกตกน้ำตา
ความเหงา
ต่อแต่นี้มีแค่ความเงียบเหงา
ความหม่นเศร้าคอยเตือนเยือนมาหา
ใต้แผ่นฟ้าต้องยอมรับโชคชะตา
กลับคำว่าต่อแต่นี้ไม่มีเรา
รอยน้ำตา
เหลือแต่เพียงละอองใสไล้ใบหน้า
ม่านน้ำตารินหลั่งอย่างโง่เขลา
ซบสะอื้นกับหมอนเพียงเบาเบา
จากนี้เราอยู่โดดเดี่ยวเพียงเดียวดาย