30 พฤศจิกายน 2549 21:42 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เพราะหลีกหนีไม่อยากจะรับรู้
ที่เป็นอยู่เธอหายไปจากฉัน
หลอกตัวเองมีกันอยู่ทุกวัน
เหลือแค่ฝันเลือนลางเธอร้างลา
ต้องยอมรับแต่นี้ไม่มีเธอ
ถึงแอบเพ้อเธอก็ไม่กลับมาหา
น้ำที่หยาดหยดรินไหลไม่นำพา
เต็มสองตานอนสะอื้นทุกคืนวัน
คล้ายท้องฟ้าที่ตะวันใกล้สิ้นแสง
ต้องสิ้นแรงด้วยร้างไร้ใครปลอบขวัญ
ต้องมืดดับลับล่วงดั่งดวงตะวัน
เธอทิ้งฉันกับอดีตที่ติดตา
คงเหลือแค่ความทรงจำที่ย้ำติด
มีสักนิดเหลือบ้างไหมหรือไร้ค่า
ต้องรวดร้าวปวดเกินช้ำซ้ำอุรา
น้ำในตาหยดเปื้อนหมอนนอนทุกวัน
ทุกราตรีเคยอบอุ่นละมุนหอม
เธอเคยกล่อมนิทรานี้มีแต่ฝัน
อ้อมแขนอุ่นเคยอิงแอบมอบแด่กัน
ชี้ชมจันทร์ดูเดือนดาวพราวนภา
ต่อแต่นี้ทุกราตรีไม่มีแล้ว
ไร้สิ้นแววรอยอาลัยช่างไร้ค่า
แสนเจ็บปวดรวดร้าวเธอกล่าวลา
ทนเหว่หว้าชอกช้ำเพียงลำพัง
28 พฤศจิกายน 2549 19:05 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อไม่รักฉัน...ก็ไม่ว่า...
เมื่อไม่รักบอกมา....ฉันไม่สน...
เมื่อไม่รักบอกกัน....ฉันก็คน...
เมื่อไม่รักก็ไม่สน...คนใจดำ...
เมื่อไม่รักโปรดไป....ให้ไกลฉัน...
เมื่อไม่รักอย่าลวงกัน...พ่องามขำ..
เมื่อไม่รักฉันจึง......ไม่อยากจำ...
ทุกถ้อยคำกลิ้งกลอก...มาหลอกเรา..
มาเก็บกวาดรักเธอ...ไปให้หมด....
คำโป้ปดร้อยเล่ห์....เท่าภูเขา....
เบื่อเต็มทนแอบปล้น...ใจของเรา...
คนงี่เง่าจงโปรดมอง....ที่เงาตัว...
โปรดจงไปให้ห่าง...จากตัวฉัน...
ระวังอายุจะสั้น....พ่อทูนหัว...
ลูกปืนมีเดี๊ยวแม่สาด....กราดระรัว....
เอาเลือดชั่วออกจากหัว....คงสักวัน....
26 พฤศจิกายน 2549 20:38 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเงียบเชียบ
ในห้องหับราบเรียบใครไม่ผ่าน
พิงพนักเก้าอี้เปื้อนเหงื่อเพื่อเขียนงาน
ใจเบิกบานซ่านสุขทุกนาที
คำต่อคำฉ่ำหวานบรรเจิดจ้า
ร้อยพรรณาล้ำค่าเปี่ยมราศี
รอยต่อรอยร้อยเรียงเสียงกวี
จากขวบปีล่วงเป็นทศวรษ
เรื่องต่อเรื่องเรียงร้อยเป็นร้อยเรื่อง
ใช่ปราดเปรื่องบ้างแค้นเคืองและอึดอัด
ผ่านปัญหาสะสางแสนสารพัด
ทุกบรรทัดสู่สายตาประชาชน
ลึกลงไปใต้คำมีน้ำตา
เหนือขอบฟ้าความสุขซ่อนปลายฝน
ใต้เรื่องราวเล่าขานสู่ผู้คน
แฝงเปลวไฟร้อนรนแห่งชีวิต
อดกลั้นสู้ทนกับทุกก้าว
บางครั้งหนาวอ่อนไหวในดวงจิต
ฝ่าคมหนามหมอกแสงแห่งมวลมิตร
ฝ่าจริตคนชังไม่หวังดี
เพราะถ้อยคำยังคงไม่ลึกนัก
เขียนแต่รักมีสุขในทุกที่
บางครั้งเขียนเรื่องเศร้าบ้างก็มี
ทุกบทกวีวิถีอันยาวนาน
จึงสะท้อนนิ่งในใจมนุษย์
จะพิสุทธิ์สวยใสหรืออ่อนหวาน
หรือชั่วช้าต่ำช้าในสันดาน
หรือสามานดักดานในโคลนตม
สะท้อนโลกภายในแต่ละด้าน
ทั้งความฉ่ำหอมหวานและชื่นสม
ทั้งแข็งแรงแกร่งกล้าน่าชื่นชม
ทั้งอ่อนแอน่าเศร้าซมน่าเวทนา
เขียนโลกและเขียนเนื้อในมนุษย์
วาดฝันวิเศษสุดแสวงหา
ปลดปล่อยจิตนาการสู่ห้วงฟ้า
ดำดิ่งลึกลงใต้หล้าอเวจี
บางครั้งเสียดเย้ยหยันอันจิตคน
บ้างฉ้อฉลก่อผลหมิ่นศักดิ์ศรี
บ้างปลุกปลอบใจชื้นชื่นอีกที
แค่บทกวีที่เขียนด้วยชีวิต
จากแสงฉานยามเช้าถึงเงาบ่าย
การเดินทางแห่งความหมายรอยลิขิต
จากบ่ายคล้อยถึงค่ำยามมืดมิด
บนความคิดหลายครั้งวางไม่ลง
นั่งก็คิดนอนก็ฝันไม่รู้จบ
ฝุ่นในหัวยังตลบคล้ายเศษผง
จิตยังจ่อกับเรื่องราวในจำนง
จิตยังคงจ่อเพียรนั่งเขียนงาน
จากขวบปีล่วงเลยสู่ทศวรรษ
กี่นาทีที่ยืนหยัดและสืบสาน
กี่ร้อนหนาวแดดฝนจะพ้นผ่าน
กี่ตำนานขานกล่าวได้เล่ามา
ผละเก้าอี้ที่เปื้อนเหงื่ออันงดงาม
คนเขียนคำถึงคราวร้าวอ่อนล้า
ทรุดตัวลงนอนปิดเปลือกตา
ผละห้วงแห่งมายา....สู่สามัญ
24 พฤศจิกายน 2549 19:37 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
โธ่ผืนดินถิ่นนี้ช่างโหดร้าย
ด้วยร่างกายและหัวใจโดนก้าวล่วง
โลกมืดดำเลวระยำชำเราลวง
ดั่งเดือนดวงแตกสลายลงก่ายกอง
เพราะเธอคือหญิงสวยที่แรกสาว
ต้องถูกคาวโลกีย์ให้มัวหมอง
มาสูญสิ้นชีวิตตามครรลอง
เพื่อสนองกามาสัตว์สองมือ
ในคุณค่าของความเป็นมนุษย์
บริสุทธิ์กลับเปื้อนคาวซ้ำเสียชื่อ
สัตว์นรกรุมกระเหี้ยนกระหือรือ
อยากแย่งยื้อแล้วทิ้งซากของเรือนกาย
จะมีไหมวิญญาณความเป็นคน
ไม่เที่ยวปล้นศักดิ์ศรีหญิงทั้งหลาย
อย่าเป็นแค่เศษกากเดนความเป็นชาย
สันดานร้ายที่กักขฬะจงละวาง
23 พฤศจิกายน 2549 20:46 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
จะไม่จำจำวันวานเป็นเช่นไร
หรือเปลี่ยนแปลงบ้างไหมในพรุ่งนี้
ขอทุกวันกันและกันมีสิ่งดี
สิ่งสำคัญอยู่ที่ความห่วงใย
ให้ท้องฟ้าลมทะเลคอยเห่กล่อม
ดาวรายล้อมเราอยู่กันนั่นเห็นไหม
เม็ดทรายขาวคล้ายเกล็ดแก้วแววแสงไฟ
เหมือนหัวใจสองดวงอยู่ห้วงรัก
เมฆสีขาวปุยละอองลอยล่องฟ้า
ลมพัดพาดวงฤทัยคล้ายทอถัก
ตกในห้วงสเน่หาล้ำลึกนัก
ได้ประจักษ์รักยังอยู่คู่กับเรา
มาแย้มยิ้มยั่วเย้าราวกับฝัน
หรือใครกันซ่อนในใจที่เหงา
เริ่มเขลาขลาดหวาดกลัวโอ้...ตัวเรา...
คล้ายดั่งเงา....พันธการ...หวานหัวใจ...