9 กุมภาพันธ์ 2553 09:30 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากจะเก็บเปลือกหอยมาร้อยเรียง
อยากจะเก็บเสียงคลื่นตลบกระทบหาด
อยากจะเก็บท้องนภาเอามาวาด
แทนกระดาษกระซิบเสียงของหัวใจ
อยากจะเก็บเมฆขาวบนราวฟ้า
อยากจะเก็บดอกไม้ป่าพิสุทธิ์ใส
อยากจะเก็บดาวเป็นตัวแทนห้วงฤทัย
อยากจะเก็บน้ำทะเลใสใส่แจกัน
ใช้น้ำค้างเขียนถ้อยคำความคิดถึง
วานดวงจันทร์บอกคำหนึ่งซึ้งใจฉัน
วานสายลมมอบอุ่นไอให้แก่กัน
กระซิบอ้อนผ่านคำหวานเพียงบางเบา
ค่ำคืนนี้อยู่ที่ใดหัวใจถาม
ฝากฟ้างามส่งมอบให้แก่ใครเขา
ลมหายใจแห่งรักมอบไว้เนิ่นนานเนาว์
ผสมผสานคล้อเคล้าสองกายหนึ่งหายใจ
28 มกราคม 2553 22:47 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ประกายดาวพรึกพราวพร่างกลางฝั่งฟ้า
สกุณาเคียงครองคู่ร้องกู่ขัน
เหมือนเอื้อนเอ่ยราตรีที่มีจันทร์
ดวงตะวันอาบอุ่นแสงแห่งอาทิตย์
น้ำค้างพราวพรมหญ้าพาแห้งหาย
ตะวันฉายแสงสาดมาดวิจิตร
ทั่งท้องทุ่งดอกไม้งามเสกชีวิต
หวังจุมพิตผีเสื้อเอื้อรักตน
หมอกสีขาวยิ้มล้อคลอหยอกเหย้า
ลมบางเบาโลมลูบกายทุกแห่งหน
พริ้วแผ่วคลอเพลงใบไม้คล้ายต้องมนต์
สายธารใสไหลหล่นเพียงเสียงดนตรี
ฝากคำอ้อนเว้าวอนไปที่ปลายฟ้า
ร่ายมนต์ตราพบสุขสันต์ทุกวันที่
อย่ารวดร้าวหมดเศร้าเหงาฤดี
ปัดเป่าทีเรื่องราวเศร้าร้าวรานใจ
อยากได้ไออุ่นแสงสีที่ในรัก
มาพิทักษ์ปกปักแม้ใกล้ไกล
แม้อ้างว้างแรมร้างอยู่หนใด
ให้ความรักอาบอุ่นไอให้ตัวเอง
26 มกราคม 2553 22:47 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แสงดาววาวระยับลับขอบฟ้า
ดาวดวงไหนมีค่ามีความหมาย
หรือแค่แสงระยิบกระพริบพราย
ดาวเรียงรายคงแค่ประดับจันทร์
แค่ส่องแสงวาวน้อยนิดกระพริบฟ้า
แสงจันทราส่องประกายฉายเฉิดฉันท์
กระพริบพร้อยเคียงคู่ดูแสงจันทร์
แค่แสงดาวประดับจันทร์บนชั้นฟ้า
เปรียบเหมือนชีวิตฉันในวันนี้
หม่นแสงสีมิเหลือใครไร้คุณค่า
ความเงียบเหงารุมรุกเร้าเคล้าน้ำตา
พบเพียงว่าอยู่เดียวดายใต้โลกนี้
ตกภวังค์ห้วงคิดจิตขื่นขม
ร้าวระบมทุกห้วงฝันกี่วันที่
ลมหายใจอ่อนล้าลงทุกที
ไฟความฝันริบหรี่ลงเลือนราง
เหมือนเรือน้อยลอยเคว้งคว้างอยู่กลางฝั่ง
จะยืนนอนเดินนั่งหนใดใต้ฟ้ากว้าง
ไม่รับรู้จุดมุ่งหมายในปลายทาง
ความอ้างว้างรุกโหมเข้าโรมรัน
มีน้ำตาปลอบเตือนเป็นเพื่อนเหงา
มีความเศร้าเป็นเพื่อนเตือนปลอบฉัน
มีความทุกข์อยู่เคียงข้างอย่างทุกวัน
แม้แสงดาวความฝันก็หรุบลง
คงเหลือแค่เศษละอองในอากาศ
หรือแค่ธาตุที่ย่อยยับเป็นผุยผง
ใช้คมมีดกรีดข้อมือเพื่อปลดปลง
เลือดไหลลงเป็นทางต่างน้ำตา
22 มกราคม 2553 15:23 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สิ้นสุดการเดินทางปล่อยวางพัก
ทั้งชีวิตทำงานหนักเพื่อความฝัน
โดยภาระสิ้นสุดประดุจจันทร์
สิ้นแสงส่องแปรผันกาลเวลา
สมบัติประดับร่างวางไว้ก่อน
หลับตานอนพักกายใกล้ชายป่า
อย่าพะวงสงสัยโชคชะตา
ตายแล้วหยุดแสวงหาพบสิ่งใด
นอนฟังเพลงสวดมนต์ธรรมวจนะ
เป็นจังหวะไพเราะเสนาะใส
เสียงบรรเลงเพลงมนต์จรรโลงใจ
กล่อมภายในชีวิตวิจิตรกาล
ผองเพื่อนมิตรนำร่างมาวางพัก
ศาลาหลักแห่งชีวิตประดิษฐาน
ทุกชีวิตต้องพักตามหลักการ
เพื่อสรรค์สร้างสืบสานความเป็นคน
สิ้นสุดแล้วการเดินทางของชีวิต
มั่นสถิตหยุดรักพักสืบค้น
หลับตาให้สนิทอย่าคิดกังวล
ทางถนนเดินดินสิ้นสุดแล้ว
21 มกราคม 2553 10:43 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
หวิวหวิวไหวแดดอ่อนรอนระยับ
วับวาววับแวววาวน้ำพราวใส
ซาดซัดเซาะผ่านซอกหินสวยจับใจ
มวลแมกไม้ทาบระนอนอ่อนงามตา
มองท้องฟ้าสวยจับตาเวลานี้
มอบความรู้สึกที่ดีผ่านท้องฟ้า
ฝากวิหกหมู่นกสกุณา
กระซิบอ้อนซ่อนมาคิดถึงคุณ
ฉันอาจจะโลภสักอยู่สักหน่อย
เพราะน้อยนักเจอรักที่อบอุ่น
อยากให้มีใครเหมือนอย่างคุณ
จึงไม่อยากเสียคุณไปให้ใคร
ถ้าหัวใจคุณนี้มีแต่ฉัน
ทุกคืนวันจะอิงแอบแนบชิดใกล้
เหมือนสายน้ำที่หลั่งรินประโลมใจ
ให้เมฆหมอกเป็นสายใยรัดใจคุณ
อยากให้คุณกล่อมทุกนิทราหลับตาฝัน
นอนหนุนตักคุณนั้นอย่างอบอุ่น
มองดูจันทร์กุมมือฉันไว้มือคุณ
หวานละมุนยิ้มละไมใต้เดือนดาว