30 พฤษภาคม 2554 09:14 น.

ใจเจ้าเอย

กระต่ายใต้เงาจันทร์


จันทร์เจ้าเอ๋ยจันทร์นวลกระจ่างฟ้า
เหมือนมนตราพราวแสงกระจ่างใส
ความคิดถึงจึงเดินทางตามแสงไป
จันทร์ในใจมีใครเคียงหรือเพียงเงา

เมฆเคลื่อนคล้อยลมขานรับกับกิ่งสน
หวิวไหวจนก้องกังวานผ่านความเหงา
กลิ่นจำปีที่ปลายผมหอมบางเบา
ในวันเหงาเงียบสงบอย่างเดียวดาย

หริ่งเรไรแว่วกังวานหวานอ่อนนุ่ม
เยือกเย็นทุ้มแว่วเสียงสำเนียงสาย
หยดน้ำค้างพรมพร่างทอประกาย
บนดอกไม้ไหวชูช่ออ้อล้อลม

ระริกไหวกระไรหนอใต้คืนค่ำ
ความคิดถึงยิ่งลึกล้ำเกินใจข่ม
ยิ้มหน้าชื่นหน่วยน้ำตาพร่าเกลื่อนพรม
ใจตรอมตรมช่างอ่อนล้าน้ำตาพรู

ฝืนใจคิดแม้อยากถามในความห่วง
ใจทั้งดวงแตกสลายให้อดสู
น้ำตาพรมปนน้ำค้างไหลพร่างพรู
ใครเล่าเอยจะรับรู้ว่าเดียวดาย

กี่วันล่วงกี่คืนลับกับอ้างว้าง
ปนรอยทางซึมแทรกแยกไม่หาย
ใจร้าวรอนปวดแปลบแทบมลาย
เวิ้งว้างเปล่าข้างกายไร้ใครเคียง				
3 เมษายน 2554 19:58 น.

ความเหน็บหนาวที่อบอุ่น

กระต่ายใต้เงาจันทร์


มองแสงจันทร์ดึกดื่นใต้คืนค่ำ
ความคิดถึงช่างลึกล้ำเสน่หา
เหมือนตกบ่วงห้วงเหวแห่งจันทรา
เพราะรู้ว่าหัวใจมาพบกัน

กลางแสงจันทร์นวลสกาวพราวผุดผ่อง
ทุกห้วงห้องแห่งหัวใจใช่ไหมนั่น
ความคิดถึงจึงเดินทางกลางแสงจันทร์
เราพบกันใต้แสงจันทร์และแสงดาว

ค่ำคืนนี้ที่เธออยู่ตรงนั้น
อย่าไหวหวั่นแม้หนทางแสนเหน็บหนาว
มีพายุลมฝนร่วงหล่นพราว
แม้เจ็บปวดรวดร้าวและเหงาใจ

ฉันยังคงมั่นคงอยู่ตรงนี้
จากหัวใจบริสุทธิ์ที่มีมาปลอบให้
แม้แค่เพียงหนึ่งเสียงหวังกำลังใจ
ยังคงมีความห่วงใยส่งให้กัน

ใต้ค่ำคืนดึกดื่นน้ำค้างพรม
วานสายลมเป็นผ้าห่มมอบปลอบขวัญ
ใช้แสงเดือนแทนอ้อมกอดใต้แสงจันทร์
แม้หวาดหวั่นวางลง..ที่ตรงใจ
				
31 มีนาคม 2554 08:52 น.

กลอนเลี้ยงส่งศาลพิจิตร

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ฝากรอยยิ้มจากหัวใจอิ่มไออุ่น
มอบบทกลอนหวานละมุ่นกรุ่นความหวาน
ผ่านค่ำคืนเรียงร้อยเป็นตำนาน
มอบมิตรภาพขับขานผ่านราตรี

มองดวงหน้าหวานรัญจวนชวนให้คิด
ท่านสมศักดิ์ยิ้มเป็นมิตรใช่ไหมนี่
ผิวขาวรูปร่างท้วมหล่อพอดี
ความจำดียิ้มสดใสสะดุดตา

ถ้าผองเพื่อนลืมอะไรอย่าหวั่นหวาด
ท่านสมศักดิ์แสนฉลาดลองถามหา
มีปัญหาแก้ฉับไวสบายอุรา
ชั่วพริบตางานสำเร็จสมดังใจ

แล้ววนเวียนเปลี่ยนผ่านมาพานพบ
มาบรรจบพบเห็นเป็นไฉน
สาวหลายคนใจสั่นเอ๊ะ...นั่นใคร...
ท่านไพฑูรย์ชวนฝันใฝ่ติดตรึงตรา

ทำงานเร็วเคลียร์งานไวเอาใจเก่ง
ยามพิศเพ่งใบหน้าชวนฝันหา
แถมใจดีมีน้ำใจใฝ่เมตตา
มองใบหน้ายิ่งใจสั่นหวั่นหัวใจ

มีน้ำใจเอื้อเฟื้อคนรอบข้าง
สาวเล็ก-สาวใหญ่อยากได้บ้างรู้บ้างไหม
มองใบหน้าชวนฝันรัญจวนใจ
ทุกวันไปคงมีใครแอบเหล่มอง

แล้วมาถึงท่านทวีวุฒิคนจริงใจ
แอบเหล่มองไปอย่างจดจ้อง
เที่ยวทัชมาฮาลภาพมันฟ้อง
ตำนานรักกึกก้องเรื่องความรัก

เรื่องท่องเที่ยวคงเป็นสองไม่รองใคร
เรื่องทำงานขยันฉับไวอย่างรู้หลัก
เป็นกันเองกับเพื่อนพ้องได้พิงพัก
เพราะยึดหลักความจริงใจไวเรื่องงาน

เผลอปล่อยใจไม่ระวังลืมยั้งคิด
อยากยั่วเหย้าหยอกนิดอย่ามองผ่าน
ทัชมาฮาลเรื่องรักเป็นตำนาน
พุทธคยาเรื่องลือขานด้านธรรมะ


แล้วมาถึงท่านสมควรสาวคนเดียว
เลยแต่งกลอนลดเลี้ยวมาพบปะ
ทำงานเร็วรอบคอบคือท่านน่ะ
ยิ้มสดใสฉายแววตามีไมตรี

เป็นสาวที่มากความสามารถ
เฉลียวฉลาดรอบคอบในหน้าที่
ยิ้มแย้มแจ่มใสแถมใจดี
บุคลิกดีสมวัยสะดุดตา

จิตก็ไหวใจก็หวั่นไม่ทันคิด
เห็นภาพท่านน้อยนิดท่องเที่ยวป่า
มีความสุขท่ามกลางไพรพนา
เรียบง่าย-งามตา-ท่ามฟ้างาม
บทกลอน...รอยจางความทรงจำ
เพื่อถึงเวลาหมุนเวียนแปรเปลี่ยนผัน
จำจรจากไกลกันวันแสนหวาน
เหลือภาพความทรงจำเป็นตำนาน
แต่สายใยความผูกพันยังมั่นคง

ด้วยภาระการงานด้วยหน้าที่
ตามบทบาทวิถีที่ประสงค์
ในขอบเขตเรื่องงานเจตจำนง
ที่ต้องคงด้วยหน้าที่จากส่วนลึก

การเดินทางห่างเหินใช่ห่างหาย
อยู่ผลัดถิ่นเพียงกายใช่รู้สึก
ความเปลี่ยนแปลงโยกย้ายคล้ายคิดนึก
ความรู้สึกความทรงจำยังทำงาน

อยู่ห่างกันแค่เพียงกายใช่ไหมนั่น
ความผูกพันมิลืมเลือนเยือนหนีห่าง
แม้ขอบฟ้าขีดกั้นระยะทาง
มิตรภาพมิอาจขวางระยะใจ
น้อมอัญเชิญคุณพระรัตนตรัยพิใสสุทธิ์
เปรียบประดุจดวงแก้ววับแววใส
ขอทุกท่านก้าวหน้าพบสิ่งดีตลอดไป
สุขสดใสในหน้าที่และการงาน

                                                     กระต่ายใต้เงาจันทร์  
                                                             24  มีนาคม2554
				
10 มีนาคม 2554 00:39 น.

ใช้หัวใจเขียนคำ ...รัก...

กระต่ายใต้เงาจันทร์




จะรอเธอตราบสิ้นวิญญาณดับ
แม้เธอลับจากไกลหัวใจสลาย
จะรอเธอแม้หม่นหมองต้องเดียวดาย
เหลือแค่ผงธุลีปลิวไปใจรักเธอ

แม้ข้ามน้ำข้ามภูผามหาสมุทร
หัวใจมิเคยหยุดคำว่า  รักเสมอ
บนท้องฟ้าเขียนคำว่า   ฉันรักเธอ
อยากจะรู้ว่ารักเก้อหรือเธอชัง

แม้สิ้นดินสิ้นฟ้าชีวาวาย
แต่หัวใจมิเคยฉุดหยุดความหวัง
ด้วยหัวใจอ่อนไหวอยากใกล้จัง
มิเคยรั้งห้ามหัวใจไว้ได้เลย

จึงขอใช้ท้องฟ้าเป็นกระดาษ
หยดหมึกวาดรูปหัวใจแทนเอื้อนเอ่ย
แนบข้อความสั้น-สั้นรักมั่นเอย
ทุกนาทีมิเคย....ไม่รักเธอ

				
25 กุมภาพันธ์ 2554 13:26 น.

หรือจะเป็น...แค่หิ่งห้อย...

กระต่ายใต้เงาจันทร์


หรือสิ้นแสงหมดแรงแห่งดวงจิต
ความมืดมิดปลิวหล่นปนลมหนาว
ไร้สีแสงส่องระยับให้วับวาว
เป็นหิ่งห้อยรวดร้าวไร้เงาจันทร์

รอเดือนดาวแสงสุดท้าย  ณ.ปลายฟ้า
โปรดส่องมาแต่งเติมเพิ่มสีสัน
ฉันเหนื่อยล้าอ่อนแรงลงทุกวัน
เป็นหิ่งห้อยหมดไฟฝันวันลับดาว

กระพริบพร้อยเลือนแสงแห่งคุณค่า
มีน้ำตาปนน้ำค้างช่างเหน็บหนาว
เจอพายุโดนลมฝนหลายครั้งคราว
อยากเหิรหาวกลับร่วงหล่นบนพื้นดิน

กลางปีกบางบินโรยแรงอย่างอ่อนล้า
เบื่อปัญหาที่พานพบไม่จบสิ้น
คงหมดแรงสิ้นแสงแห่งชีวิน
บินหลงทางแดนดินถิ่นอันตราย

เหลือแค่แสงเพียงน้อยนิดเลือนริบหรี่
พอกันที่จุดจบพบที่หมาย
นอนหลับตามีน้ำตาจากลาตาย
หยุดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไม่อาวรณ์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์