18 มีนาคม 2552 08:38 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เดี๋ยวฟุ้งซ่านเดี๋ยวรำคาญเดี๋ยวเงียบเหงา
บ้างเดี๋ยวเศร้าบ้างเดี๋ยวซึมเดี๋ยวสงสัย
บ้างเดี๋ยวสงบเย็นเยียบเงียบภายใน
เพราะเหตุใดในความคิดมิคิดวาง
เดี๋ยวปวดหัวตัวร้อนนอนเป็นไข้
เดี๋ยวปวดใจนอนซอนซมตรมอ้างว้าง
เดี๋ยวฮึกเหิมพร้อมฟาดฟันมิละวาง
เดี๋ยวตาขวางเดี๋ยวดุดันมิพูดจา
เดี๋ยวหัวเราะยิ้มปากกว้างอย่างสนุก
เดี๋ยวกลับทุกข์ร้องไห้จวนเจียนบ้า
เดี๋ยวล้มลุกทำทุเรศน่าเวทนา
นี่กูบ้า...หรือเปล่าไม่เข้าใจ
นี่คืออารมณ์ยึดติดคิดชัดแจ้ง
มาแสดงทดสอบอารมณ์อยู่ที่ไหน
ทุกข์และสุขซึมเศร้าอยู่ที่ใด
อยู่ที่ใจและความคิดพินิจดู
17 มีนาคม 2552 22:13 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากเอื้อนเอ่ยเป็นคำกลอนอักษรศิลป์
ผ่านห้วงจินตนาการมอบผ่านให้
ด้วยความรักถักทอก่อสายใย
ห่างเพียงกายแต่หัวใจใกล้คนดี
เป็นผลงานพิสูจน์คนจนประจักษ์
ท่านยงยศยึดหลักมีศักดิ์ศรี
พัฒนาศาลสร้างงานด้วยความดี
สร้างศักดิ์ศรีทุกกระบวนล้วนชื่นชม
ท่านเอกรินทร์หนุ่มใหญ่น้ำใจกว้าง
ช่วยทุกอย่างตามหน้าที่อย่างเหมาะสม
ก่อนลาจากฝากกลอนอ้อนคารม
หอบขนมมาฝากบ้างยามห่างไกล
ท่านกานต์พิชชาสวยอ้อนซ่อนความเปรี้ยว
ยามแย้มยิ้มเห็นเขี้ยวแบบสาวใหญ่
มองนัยน์ตาช่างสงสัยมีเลศนัย
เผลอมองแบบสงสัยอยู่ในที
สาวร่างเล็กที่เข็มแข็งแกร่งหนักแน่น
ท่านนธวรรณแสนผู้ดีในทุกที่
มีน้าใจโอบอ้อมเอื้ออารี
เป็นแบบอย่างที่ดีของพวกเรา
ท่านธรรมนูญสมศักดิ์นี่นักวิ่ง
หัวใจสิงห์ตำรวจเก่าอยากยั่วเหย้า
เรื่องธรรมมะรู้หลายหลากมากไม่เบา
รูปหล่อเหลาสาวเห็นเคลิ้มยามได้ยล
ท่านกนกพรสาวไฮโซผู้น่ารัก
เป็นสปอนเซอร์รายหลักไม่หวังผล
เป็นที่พึ่งพิงพักยามอับจน
มีน้ำใจเหลือล้นมากไมตรี
แล้วมาถึงน้องนุชคนสุดท้อง
หนุ่มแอบจ้องแอบมองสาวคนนี้
มักโดนแกล้งหยิกแกมหยอกอยู่ในที
เก่งและดีสวยสมวัยไม่จืดจาง
จำต้องจากด้วยภาระและหน้าที่
แต่ไมตรีความผูกพันธ์นั้นไม่ห่าง
ขอผลแห่งคุณความดีชี้นำทาง
ให้ทุกท่านก้าวย่าง...อย่างก้าวไกล
จากกันด้วยก้าวที่ก้าวหน้า ด้วยหน้าที่และผลงาน
เพราะต้องจากไกลทำให้ใจคิดถึง
ชูชัยพี่คนหนึ่งอยากอ้อนวอนมาหา
เป็นทั้งเพื่อนและพี่ที่เมตตา
เป็นที่ปรึกษาช่วยสอนน้องทุกคน
ย้ายไปเมืองกำแพงล้อมด้วยเพชร
พร้อมสาวใจเด็ดศิริพรสอนงานผล
ความสารถเกินร้อยเพียงได้ยล
คือตัวตนศิริพรเว้าวอนมา
สุรภาย้ายไปอยู่นราธิวาส
ด้วยหวังวาดนักเดินทางความก้าวหน้า
แถมยังโสดใจนักเลงทุกเวลา
ถ้ากลับมาของฝากอย่าลืมกัน
ทรงศรีสาวมาดมั่นทันสมัย
โฉบเฉี่ยวไฉไลได้ดั่งฝัน
มีความสุขมากมายสารพัน
เพราะได้โชคสองชั้นสาวมั่นใจ
22 กุมภาพันธ์ 2552 22:22 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เสียงลมพัดปลิวสะบัดใบไม้ไหว
โยกกิ่งใบโอนเอนไหวใบไม้ร่วง
ล้อดวงแดดระยิบยับจับดาวดวง
เปรียบคล้ายห้วงบทเพลงแห่งชีวิต
ในวันวานใบของเจ้าเขียวสดใส
ฤดูกาลผันเปลี่ยนไปใครลิขิต
สีเจ้าคล้ำเคลือบน้ำตาลยามมืดมิด
หลับสนิทร่วงโรยโปรยเรียงราย
เหมือนชีวิตที่ผ่านวันอันหนาวร้อน
หลายบทตอนมีเรื่องราวหลากเหลือหลาย
เกิดแล้วดับล่วงเลือนลับแล้วกลับกลาย
เช่นใบไม้ที่เกลื่อนกลบซบธุลี
ลมหายใจของวันนี้อยู่ที่ไหน
ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในวิถี
รู้ปัจจุบันความเป็นอยู่อย่างพอดี
ทุกชีวีเกิดแล้วดับกับวันวาน
17 กุมภาพันธ์ 2552 23:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สายลมพัดกรูกราวพัดหนาวเหน็บ
ใจแสนเจ็บปวดแปลบแสบหนักหนา
ตกภวังค์ล้ำเหลื่อมเอือมระอา
ทุกข์และท้อทรมาต่อชีวิต
เหมือนรอยช้ำตอกย้ำเปื้อนดำด่าง
เป็นรอยทางความรักที่ถูกปิด
ช่างหม่นมืดเคว้งคว้างไร้ทางทิศ
เหมือนโดนพิษซึมซับจนยับเยิน
แล้วระบมช้ำตรมด้วยคมแส้
เป็นบาดแผลบอบช้ำระหกระเหิน
ความเดียวดายเงียบเหงาเศร้าเหลือเกิน
เธอหมางเมินไม่มองแม้น้ำตา
ทำทีแสแร้งแกล้งแย้มยิ้ม
น้ำตาปริ่มฝืนจนเจ็บปวดปร่า
ความห่างเหินหมางเมินจนเย็นชา
รอยน้ำตาฉันคงสิ้นค่า...ราคาแล้ว.....
16 กุมภาพันธ์ 2552 00:28 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากเลียบเคียงเพียงถามในคำว่า
ฝนที่หล่นจากฟ้ามาจากไหน
เจ้าตกต้องตามหน้าที่หรืออย่างไร
ฝนในใจเริ่มร่วงหล่นปนน้ำตา
ซบสะอื้นซ่อนเสียงเพียงแกล้งยิ้ม
น้ำตาปริ่มฝนโปรยโหยไห้หา
ดอกฝนร่วงปนเปื้อนคราบน้ำตา
เจ็บหนักหนาปวดร้าวหนาวที่ใจ
ค่ำคืนนี้เย็นเยียบจนหนาวเหน็บ
ใจแสนเจ็บเคว้งคว้างทิศทางไหน
ฝนโปรยปรายคล้ายน้ำตาที่ข้างใน
เจ็บใช่ไหมที่เธอทำจำไม่ลืม