13 พฤศจิกายน 2552 16:27 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
นิรันดรตลอดกาลมินานเท่า
ยอดขุนเขาหิมาลัยไกลสุดฟ้า
เสียงสายน้ำจรดพื้นผืนนภา
แม้ขอบฟ้าจรดแคว้นแดนผืนทราย
ความบริสุทธิ์นุ่มนวลดั่งปุยเมฆ
แข็งแกร่งเฉกผืนดินหินทั้งหลาย
ด้วยภักดีมั่นคงอยู่มิรู้คลาย
ร้อยสลักกายและใจให้รักกัน
ความรักทำให้ผู้หญิงแสนอ่อนหวาน
อิ่มเอบซึมซับซ่านแสนสุขสันต์
แม้สองใจผูกสมัครมารักกัน
เหมือนหว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลง....ตรงกลางใจ
ความรักมักอบอุ่นและหวาบหวาม
ขณะเดียวกันก็คุกคามอิสรภาพไว้
ความรักสร้างเสียงหัวเราะและร้องไห้
แต่ทำไมจึงไขว่คว้าหารักกัน
ความรักของผู้ชายช่างอ่อนไหว
ทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้ดั่งใฝ่ฝัน
สร้างความรู้สึกลึกซึ้งให้ผูกพัน
พอสมใจดั่งฝันก็พลันลืม
มักพร่ำเพ้อรักนิรันดร์มั่นเสมอ
กาลเวลาพร่าเบลอยังรักเธอดูดดื่ม
ใจทั้งใจมีเพียงเธอไม่เคยลืม
แม้กี่วันปียังปลื้มไม่ลืมเธอ
จุดเริ่มต้นและลงท้ายคล้ายดั่งฝั่น
เวลาคือสิ่งยืนยันว่ารักกันมั่นเสมอ
แม้เธอแปรเปลี่ยนไปไม่ว่าเธอ
ขอเพียงเจอทักทายบ้างอย่างเพื่อนกัน
11 พฤศจิกายน 2552 22:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
มองหมอกขาวพราวพร่างท่ามกลางป่า
เห็นยอดหญ้าชุ่มฉ่ำด้วยน้ำค้าง
หอมระเหยไอดินกลิ่นเจือจาง
แลเห็นทิวสนสล้างตามครรลอง
เย็นยะเยียบเหลือใจเมื่อได้เห็น
ละอองไอความเย็นลอยละล่อง
เพียงรอตะวันแสงสีทอง
มากระทบสาดส่องมองหมอกจาง
เย็นทั่วกายหนาวใจให้หนาวเหน็บ
หนาวจนเจ็บเกินใดให้หม่นหมอง
ความเงียบเหงาลุกไล่หมายครอบครอง
จึงจำต้องทนฝืนเศร้าเหงาเดียวดาย
ฝากสายลมพัดพาความเงียบเหงา
แฝงรอยเศร้าวฝ่าความหนาวให้เร้นหาย
ยามไร้คนอิงแอบแนบข้างกาย
ฉันจะได้ไม่รู้สึกอยู่เพียงลำพัง
21 ตุลาคม 2552 12:10 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
จิตก็ไหวใจก็หวั่นไม่ทันคิด
แอบไปคิดพกเพ้อละเมอฝัน
แอบไปคิดถึงใครที่ไหนกัน
แถมหวาดหวั่นสั่นเขินสะเทิ้นอาย
นั่งก็คิดนอนละเมอแถมเพ้อพก
แน่นจุกอกใจสั่นหวิวปลิวแทบหาย
เป็นอาการขั้นโคม่าอยากบ้าตาย
งงไม่หายสมองกลวงโบ๋...โธ่หนอเรา...
ยิ่งนานวันอาการขั้นโคม่า
อยากหาหมอรักษาน่าอายเขา
หาจิตแพทย์รักษาบ้าแน่เรา
คิดแล้วเศร้าทำยังไงให้หายดี
หาอะไรทำไม่ให้ใจฟุ้งซ่าน
เดี๊ยวล้างจานเดี๊ยวเก็บของให้เข้าที่
กลับมีอาการคิดถึงปะปนบ้างเป็นบางที
ว่ะ....ใครนี่.....ตามหลอน...งอนแล้วน่ะ....
9 ตุลาคม 2552 10:49 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในท้องฟ้าที่พราวดาวกระพริบ
ส่องระยิบสุกสกาววับวาวใส
วับวาวแสงหยอกล้อคลอแสงไฟ
ดาวเพียงได้เป็นดาวประดับจันทร์
ในผืนดินที่เวิ้งว้างแสนว่างเปล่า
มีแต่ความซบเซาไร้ความฝัน
ให้น้ำตาทักทายเย้ยตาวัน
กลั้นสะอื้นเสียงสั่นกับฝันร้าย
ด้วยหม่นคว้างหนทางช่างมืดมิด
ดวงใจที่น้อยนิดรวดร้าวแตกสลาย
ลอยเคว้งคว้างอ้างว้างเพียงเดียวดาย
น้ำตาเปื้อนเกลื่อนทั่วกายใจรอนรอน
คงถึงแล้วบทละครในตอนจบ
หลายเรื่องราวที่พานพบคอยหลอกหลอน
หยุดลมหายใจหยุดน้ำตาความอาวรณ์
วางร่างนอนฝังกลบใต้ผืนดิน
28 กันยายน 2552 11:54 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันนั่งมองเม็ดทรายบนชายฝั่ง
ภาพความหลังผุดพรายให้หักเห
เพราะห่างไกลใจใครจึงรวนเร
น้ำตาหยดปนน้ำทะเลบาดลึกใจ
มองทะเลสีฟ้าครามในยามนี้
เคยมีเธอคนดีเคียงชิดใกล้
เคยเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ใจ
แต่เธอกลับเปลี่ยนไปเพราะไกลกัน
เหลือเพียงฉันเดินเดียวดายใต้ฟ้ากว้าง
กลางสายลมอ้างว้างความแปรผัน
กลิ่นทะเลนความเดียวดายอยู่ทุกวัน
ไม่เหลือแม้ความฝันฝาก....ฝั่งทะเล
มีน้ำตากี่หยาดหยดรดผืนทราย
กี่ครั้งจะแห้งหายหรือหักเห
จะตรอมตรมอีกกี่ครั้งฝังทะเล
วอนลมกล่อมเห่ความหลังกลบเม็ดทราย