14 กันยายน 2545 21:32 น.
กระดาษทรายสีทอง
เพรงเงา
( ตอนที่1 )
ปวดหัวจังเลย หัวจะระเบิดอยู่แล้ว.. โอ๊ยโอ๊ย. นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อน ที่ วิไลย์วัลย์จะสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาล เสียแล้ว แสงไฟนีออนส่องหน้าเธอจนต้องค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ รอบกายเธอมีผู้คนรุมรอมเธอ 3-4 คน พวกคุณคือใครค่ะ นั้นเป็นคำแรกที่ วิไลวัลย์ผู้ขึ้น ลูกจำแม่ไม่ได้หรอจ๊ะ สิรินทราซึ่งเป็นมารดาของ วิไลย์วัลย์ พูดขึ้น แม่หรอค่ะ แม่หนูตายไปแล้วไม่ใช้หรอค่ะ คำพูดคำนี้เพียงคำเดียวทำให้ผู้ที่รับฟัง ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า หมอๆ อยู่ไหน ลูกดิฉัน สิรินทราเริ่มใจเสีย คุณใจเย็นๆก่อนนะ ลูกเราอาจจะจำอะไรบางอยางเลอะเลื่อนไป ประสิทธ์ ปลอบภรรยามี่กำลังใจเสีย
สิรินทราและประสิทธ์ได้อธิบายเรื่องที่ วิไลย์วัลย์ จำแม่ไม่ได้ซ้ำยังกล่าวเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ผู้เป็นหมอได้รับฟังแล้ว ก็ยังไม่สามารถสรุปอาการที่ วิไลย์วัลย์เป็นได้ ครอบครัวของ วิไลย์วัลย์นั้น ร่ำรวยมากนามสกุลของเธอเป็นที่กล่าวขาลกันในวงการต่างๆ เป็นส่วนมาก วันที่เธอ ปวดหัวขนาดหนักเธอได้ว่ายน้ำแล้วเกิดเป็นตะคริวในน้ำเธอเกือบที่จะตายแล้วขณะนั้น วิญญาณของเธอได้ไปสับเปลี่ยนกับเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กที่มี ฐานะยากจน ไม่มีการศึกษา อยู่ในสลัมข้างบ้านเธอที่กำลังวิ่งเล่นแล้วสะดุดไม้ท่อนใหญ่จนล้มลงเกิดหัวแตกและ ไม่มีลมหายใจในที่สุด
มีประมาณ 3-4 สัปดาห์เธอก็ได้กลับบ้านที่หรูหรา ของเครื่องใช้ทุกชิ้นต่างๆล้วนแต่มีราคาทั้งนั้น เธอค้อนข้างสับสน เพราะตอนที่เธอหัวกระแทกพื้นความจำบ้างส่วนก็หลุดลอย ตามไปกลับสายลม เมื่อเวลาผ่านมาเกือบเดือน เธอก็รู้สึกคุ้นเคยกลับบ้านนี้เสียแล้ว ตอนนี้เธออายุ 12 ขวบเธอก็เริ่มหัดอ่านหนังสือเป็น พันๆที่อยู่ในห้องหนังสือของผู้เป็นพ่อเธอพร้อมๆทั้งบริวารประมาณ 9-10 คนนั่งรายล้อม ซ้ำเธอยังของพ่อเรียนเสริมพิเศษที่บ้านด้วย ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจมาก เพราะเมื่อก่อน วิไลย์วัลย์ เป็นคนที่หยิ่ง ไม่ค่อยเคารพพ่อและแม่ นอนดึงทุกๆคืนบ้างวัน ถ้าขี้เกลียดเธอก็ไม่ไปโรงเรียน ครูบาอาจารย์ที่นั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้เพราะเกรง นายประสิทธ์ ผู้ที่ให้เงินเป็นจำนวนมากแก่โรงเรียน ประมาณ 9-10 เดือนเธอก็สามารถพูดภาษาอังกฤษ อ่านออกเขียนได้ ภาษาไทยเธอก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งเธอเป็นคนขยัน นอนแต่วัน อ่านหนังสือทุกคืน ไม่เคยดูทีวี เมื่อเปิดเทอมมาเธอก็ต้องย้าย โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ที่ค่าเทอมแพงเหยียบแสน เธอต้องอยู่ที่นั่นเป็นห้องเดียวที่ใหญ่มาก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ทุกสั่งทำเป็นพิเศษ 2 อาทิตย์เธอจะกลับบ้านได้สองวันเป็นอันว่าเธอได้เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว รุ่งโรจน์ไพรศาสเจริญสุขเสียแล้ว
ทุกคนพึ่งจะรู้จักกันเพราะมาจากทั่วสารทิศ ทุกคนก็เริ่มวันแรกด้วยการแนะนำตนเอง ค่ะ ชื่อวิไลย์วัลย์ รุ่งโรจน์ฯ
เมื่อเด็กนักเรียนทุกคนได้ยินชื่อรี้ก็ ตาโตกันใหญ่ เธอรู้สึกเสอมว่าเธอเป็นคล้ายๆตัวประหลาดที่ทุกคนอื่นนิทรนาอยู่เรื่อยๆ เธอยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ว่า มิตรแท้ นานไปเธอเริ่มรู้สึกเหงาเธอไม่มีเพื่อน เพราะทุกคนล้วนแต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดกับเธอ เรื่องอะไรล่ะ ที่ไม่มีให้กล้าคุยกับเรา เธอชอบคิดอย่างนี้คนเดียวในใจเสมอ และแล้ววันหนึ่ง
ลลิตตา เธอไปแปรภาษาอังกฤษของบทที่ 4 ถึง บทที่ 6 ให้หมดพรุ่งนี้เช้าต้องส่ง ไม่งั้นฉันจะให้เกรด 0 ค่อยดูสิ
คำพูดของ อาจารย์ ไกลราชย์ ทำให้ ลลิตตาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า ลลิตตาไม่เก่งภาษาอังกฤษ เมื่อวิไลย์วัลย์ได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร เด็กนักเรียนผู้หญิงต่างๆ พากันหัวเราะ แต่วัลย์กับนั่งน่านิ้วเหมือนกับอมทุกไว้ทั้งโลก เธอคิดแล้วคิดอีกว่าจะช่วยยังไงดี ในที่สุดเธอก็คิดได้ใน 2 ชั่วโมงต่อมา