31 ตุลาคม 2545 16:58 น.

เพรงเง ( ตอนที่ 9)

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ตอนที่9
                    นั้นไงล่ะ ทางลับอีกทางหนึ่ง ต้องตู้เอกสารสุดทางเดิน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงที่ลอยมากับสายลมคือ เฟื่องพิมาน วิไลย์วัลย์เดินด้วยความเร็วก่อนที่ฝีเท้าของบางคนใกล้เข้ามา เป็นเวลาเกือบๆ ตีห้าแล้วคนรับใช้ที่บ้านของเธอคงตื่นนอนกันหมดทุกคนแล้ว ในใจของวิไลย์วัลย์ตอนนี้คงจะสับสนและว้าวุ่นมากความกลัวแผ่ซานไปทั่วทั้งร่างกายของเธอแล้วในเวลานี่ ต้องตามทีเฟื่องพิมานบอก ภายใต้ตู้เอกสาร ธรรมดาๆกลับมีบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้  
                    เธอค่อยๆเดินเหมือนกลับตอนแรกที่เธอเดินเขามาทางกล่องใบใหญ่ แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับเป็นทางที่หยาบๆไม่มีบันใดแต่เป็นแค่ไม้บางๆที่ผุเป็นจำนวนมาก วัลย์เดินระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะถ้าเธอเกิดเหยียบผิดไปทำให้เกิดเสียงดังที่สุดเพราะทางที่เธอเดินนั้นเป็นทางลึกลงไป ถ้าเกิดเสียงจะทำให้เสียงนั้นก้องกังวาลเป็นอย่างมาก ขณะที้ธอเดินลึกลงไปเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้เธอต้องน้ำตาคลอ   ปิดตายบานประตูทุกบานที่อยู่ในนี่ซะ  ทำสั่งอันเสียงที่ดังก้องของ เค้าคนนั้น เธอคงรู้สะตากรรมของเธอดีว่าเธออาจจะต้องตายอยู่ในนี่ แค่อาจจะ          ใครที่มันกล้ายุ่งกับเรื่องนี้ต้องตายฮาฮาฮา ความกลัวและความเย็นกลับมาาสู่ตัวของ วัลย์อีกครั้งทำให้เธฮต้องใช้ สมองมากกว่าาเดิม
                         เมื่อเธอรวบรวมหลักฐานที่จะจับตัวของ พ่อไม่ใช้สิ เขาคนนั้นได้แล้ว แต่เธอก็คิดในใจว่า เขาคนนั้นคือผู้ที่มีบุญคุณต่อเธอ  พ่อ..พ่อพ่อพ่อพ่อ  เธฮตะโกนสุดเสียงของเธอด้วยความเคารพและรักๆมาก สุดท้ายเสียงที่เธอได้ยินกลับมาก็คือ  ฮา..ฮา..ฮา.. ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าที่จริงเป็นแก ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญน่ะ จริงๆน่ะเธอเป็นแค่เด็กที่ภรรยาฉันเก็บมาเลี้ยงเธอถูกทิ้ง และสมบัติทั้งหมดของภรรยาฉันก็ต้องตกเป็นของฉัน..ฮา..ฮา..ฮา.. แม่ก็โง่ ลูกก็โง่     เมื่อสิ้นเสียงนั้นก็หมายความว่าความเป็นพ่อเป็นลูกนั้นได้ขาดลงแล้ว วัลย์ไม่โง่พอที่จะไม่คิดทำอะไรเลย เธอได้อัดทุกๆคำพูดของ เขาคนนั้นเอาไว้ในวิทยุเครื่องเล็กๆของเธอ จากนั้นเธอจึงเริ่มที่จะหาทางออกจากห้องแคบๆนี้ เธอจะทำอย่างไรต่อไป..ใครจะช่วยเธอ..แล้วที่สำคัญห้องๆนี่มีความหมายอย่างไร.				
9 ตุลาคม 2545 13:34 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 8 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ตอนที่8

เมื่อวิไลย์วัลย์ได้รู้ความจริงว่าที่แท้นั้นคนที่เธอเรียกว่า  พ่อ  นั้นเป็นคนร้ายที่ทำบาปหนาและที่สำคัญพ่อของเธอหละที่เป็นคนใส่ความพ่อของ เฟื่องพิมาน น้ำตาที่หลั่งไหลลงมาจากดวงตาของวิไลย์วัลย์นี้ ไม่ใช้น้ำตาแห่งความปลื้มปิติแต่อย่างใด แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลเหมือนสายเลือดเมื่อรู้ว่าคนที่เธอนำถือที่สุด เคารพที่สุด ยกย่องที่สุด และรักที่สุดกับเป็นคนที่เลวร้ายขนาดนี้ 
                       กิ่งไม้ที่วัลย์ได้เหยียบนี้ทำให้ความสนใจของทุกคนมาอยู่ตรงกล่องที่ วัลย์อาศัยอยู่ ด้วยความฉลาดที่ว่ามานั้นทำให้วิไลย์วัลย์เอาอุปกรณ์บ้างอย่างที่เธอหยิบออกมาจากเป้ของเธอ เธอรู้ตนเองว่าขาดสติมาก เธฮจึงพยายามข่มจิตไว้และแล้วเสียงหนึ่งที่ลอยมากับสายลมก็ดังขึ้น  ตั้งจิตใจให้มั่น อธิฐานด้วยใจ  เป็นเสียงที่เบาๆแต่เมื่อฟังแล้วบาดลึกลงไปในจิตใจ  เฟื่องพิมาน  วิไลย์วัลย์พูดขึ้น วึ่งเหลือเวลาไม่มากแล้วที่ทุกๆคนจะเดินมาที่ๆ วิไลย์วัลย์หลบอยู่ เธฮใช้แรงและอุปกรณ์เสริมในการเปิดประตูและเข้าไปอยู่ในประตูนั้น เป็นเวลาเดียวกันที่พ่อ ( หรอ ) เธอคิด เธอได้เปลี่ยนสรรพนามของพ่อเธอเป็น  เค้าคนนั้น  จึงจะไม่มีทางที่เธอจะเรียก เค้าคนนั้นว่า พ่ออีกครั้ง เปิดกล่องด้วยความเร็วแต่ว่า เขากลับไม่พบอะไรแต่อย่างใด.
                      ใต้ห้องที่ วัลย์ลงไปนั้นมี บันใดลึกลับลงไปอีกลึกมากเธอเปิดไฟฉายแล้วค่อยๆเดินลงไปในทางที่มืดสนิท เมื่อมาถึงสุดทางแล้วเธอก็ได้เจอประตูอีกบานที่เขียน ปริศนาว่า
 ตั้งจิตให้มั่น อธิฐานด้วยใจ หากเราปลดปล่อย จะเจอมันเอง. เมื่อเธอเห็นดั่งนั้นแล้วเธอจึงนั่งลงตรงหน้าบานประตูใบใหญ่ แล้วรวมจิตใจเป็ฯหนึ่งเดียวกัน แล้วก็อธิฐานว่าเธฮไม่ของทรัพย์สินเงินทอง ไม่ขอของใช้หรูหรา แต่ของให้เธอได้รู้ความจริง  เพียงเวลาไม่นาน ประตูก็เปิดขึ้น ความมือและความเก่าของห้องทำให้เธอต้องจุดไฟตามผนังทำให้ วัลย์เห็นเอกสารสำคัญ บางอย่างวึ่งอยู่ในหีบใบ เล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน หีบใบนั้นเก่าและขึ้นสนิมมากแล้วจึงไม่ใช้เรื่องยากที่จะเปิด เธอได้ข้อมูลจากการที่ เค้าคนนั้น พูดมาก็มากพอที่จะจับตัวเค้าได้แล้าว แต่เธอก็เชิอว่ายังไงพ่อเธอต้องมีอิทธิพลที่เหนือกว่าตำรวงบางบ้างแห่งดังนั้น เธอจึงต้องหาหลักฐานให้แน่ชัดพอที่จะจับตัวพ่อของเธอได้เมื่อเธฮพบหลักฐานสิ่งหนึ่งเธฮก็ต้องตกใจเพราะมันเป็นรูปของ เฟื่งพิมาน กำลังที่จะถูกฆ่า. เธอนั่งดูและรู้ถึงสัมผัสที่อยูาอันใกล้ของ หญิงที่อยู่ในรูป เธอรวบรวมเอกสารที่สำคัญเตรียมที่จะกลับ   แต่ว่าเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกรอบแล้ว ห้องนี่เป็นห้องทางตัน แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเธอจะถูกจับไหม..นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดสิ่งๆนี่				
4 ตุลาคม 2545 12:53 น.

เพรงเงา ( ตอนที่7 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 7 )
 ก็ขอให้วัลย์ไปที่สลัมข้างบ้านของวัลย์ . เฟื่องพิมานอธิบายว่าจะให้วัลย์ทำอะไรบ้าง อีกไม่กี่วันแล้วที่โรงเรียนจะปิดเทอมซึ่งเธอจะต้องกลับไปที่บ้านของเธอ และไปสืบให้เฟื่องพิมาน เพื่อช่วยพ่อเธอ วิไลย์วัลย์นั้นยังเด็กนักที่จะรู้ถึงความลำบากที่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้เท่ากับ เฟื่องพิมาน  ดังนั้น เฟื่องพิมานจึงตั้งความหวังไว้กับวิไลย์วัลย์มากที่จะลบล้างความผิดให้พ่อเธอ เวลาล่วงเลยผ่านไป วิไลย์วัลย์ ก็เข้านอน การสอบปลายภาคครั้งแรกของเธอ ผ่านไปด้วยดี จากนั้นเธอก็กลับบ้านไปเพื่อสืบหาความจริงให้แก่ เฟื่องพิมาน กัปนาทลัตนะภาน์ เวลาของเธอนั้นมีไม่ถึง สามอาทิตย์เพราะเธฮต้องเรียนเสริมอีกมากมายที่พ่อของเธอสั่งไว้ก่อนที่จะไปทำธุระที่ ออสเตเรีย  สอบสี่วันกับแม่เธอเหตุการณ์บางอย่างที่เธอใช้สมองและสติปัญญาของเธอจึงเริ่มขึ้น
                                วันแรกของการปิดเทอมเธอได้เดินไปซื้อของที่จำเป็ฯในการสืบหาเรื่องราวมาลบล่างความผิดให้ พ่อของเฟื่องพิมาน ของที่เธอซื้อนั้นมี  เชือก กาวยาง นม สีทาบ้าน ไฟฉาย อุปกรณ์ป้องกันตัวหลายๆอย่างที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆนึกไม่ถึง เธอรอบครอบยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก เมื่อเธอซื้อของหลักเสร็จแล้ว เธอยังซื้อของปลีกย่อยที่สำคัญๆค่าใช้จ่ายนั้นรวมๆกันประมาณ สองหมื่นกว่าๆ ซึ่งเป็นเงินที่น้อยสำหรับพ่อเธอแต่เป็นเงินที่มหาศาสสำหรับเธอ     
                                  เธอเริ่มด้วยการใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ต โทรศัพท์มือถือ และเป้ใบใหญ่อีกใบที่บรรจุของที่เธอชื้อมาด้วยราคาแพงอย่างเต็มเป้ หลังจากนั้นไม่นานวัลย์ก็ออกเดินทางไปในสลัมข้างบ้านเธออย่างไม่มีใครที่รู้เรื่องเลย เวลานั่นเป็นเวลาประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว เธอยังรับรู้ในจิตใจข้างในของเธอว่า มีใครติดตามเธอมาด้วยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าใดนัก ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า..นั้นคือ เฟื่องพิมาน  
                                  เมื่อเธอถึงจุดหมายปลายทางคือที่โกดังเก่าๆที่อยู๋ลึกลงไปในซอยของสลัม แถวๆนี่นั้นมีแต่ป่าที่รกด้วยต้นไม้ใบไม้ซึ่งก็ไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว หลักฐานที่ เฟื่องพิมานให้วิไลย์วัลย์หาให้นั้นคือ เอกสารที่ระบุว่าบริษัทที่พ่อของเธอกับเพื่อนพ่อของเธอที่ทำงานด้วยกัน แอบนำหุ้นส่วนของพ่อเธอไปขายและใส่ความว่าค้าของผิดกฎหมายทำให้พ่อเธอเป็ฯแพะรับบาป เมื่อวัลย์เข้าไปในโกดังนั้นแล้วเธอจึงลงมือหาหลักฐานดังกล่าว ซักพักหนึ่งเมื่อเธอเงยน่าดูนาฬิกาแล้ว เธอจึงรู้ว่าเวลานี่เป็นเวลาตีสองกว่าแล้วเธอได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบ้างคนเข้ามาใกล้ๆเธอ ด้วยสติปัญญาที่ดีของวัลย์และประกอบด้วยความฉลาดแล้วเธฮจึงเข้าไปหลบใต้กล่องใบใหญ่ใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู้ข้างๆโกดังสองถึงสามใบเมื่อเธฮเข้าไปใน กล่องแล้วเธอได้พบกับประตูบานเล็กๆมีที่ใส่กุญแจเพื่อที่จะเปิดออก แต่ดูแล้วมันคงเก่ามาก เมื่อเธอนึกออกว่าเธอหยิบวิทยุอันเล็กๆของเธอเพื่อมาอัดคำพูดที่คนข้างนอกพูดกัน คำพูดที่เธอได้ยินนั้นกล่าวว่า  ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้วเพราะ มันแท้ๆต้องขอบคุณมันที่ทำให้ฉันเป็นอิสระ ฮาฮา..ฮาฮา.   เสียงนั้นดูคล้ายไเสียงที่เป็นคนที่เธฮรู้จักเมื่อเธฮพยามที่จะมอง แทบไม่น่าเชื่อคนๆนั้นจะเป็น.เธอได้เหยียบกิ่งไม้ทำในเกิดเสียงที่ดังก้องกังวาลในโกดัง ทุกคนหันมาทางกล่องใบที่วิไลย์วัลย์หลบบอยู่และ..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระดาษทรายสีทอง