18 กันยายน 2545 19:31 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 4 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 4 )

ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องกลับ โรงเรียนแล้ว เมื่อมาถึงจุดมุ่งหมายทั่งสามคนก็เตรียมตัวที่จะเข้านอน เพราะเป็นเวลาเกือบๆ สามทุ่มแล้ว   เข้าค่ายครั้งนี่สนุกจังเลย.ว่าไหม  ลลิตตาเป็นคนกล่าวขึ้น  ไม่เห็นสนุกเลย ต้องทำความสะอาดห้องเกือบวันนึง  อารียาพูดขึ้น เธอคงคิดอย่างเดียวกับที่ ณีรดาคิด เมื่อจบบทสนทนาสั่นๆนี้แล้ว เธอทั้งสามคนก็เข้านอนกันที่ห้อง วิไลย์วัลย์  ด้วยกัน ซึ่งเมื่ออารียาเห็นห้องของลิไลย์วัลย์แล้ก็ไม่แสดงออกซักเท่าไรแค่ชมว่าห้องนั้นสวย เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าวิไลย์วัลย์เกิดอาการหิวน้ำขึ้นมาเพื่อที่จะหาน้ำมารับประทาน  ระวังให้ดีเวลานี้กำลังมีภัย  เสียงนี้เกิดขึ้นอีกครั้งแล้วเป็นเสียงที่ดังกังวาลภายในหูของเธอ  เสียงแก้วน้ำที่ทำด้วยแก้วราคาหลายบาทตกลง ทำให้เสียงนั้นค่อยๆเลื่อนหายไป เพื่อนอีกสองคนของเธอจึงสะดุ้งตื้นขึ้นด้วยอาการ งง
                                 เช้าวันต่อมาเธอได้เล่าเหตุการณ์ว่าเธอ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติออกไป เพื่อนทั้งสองคนของเธอยิง งง เข้าไปกันใหญ่  ถ้าเธอไม่เชื่อฉันจะพิสูจน์..ให้ดู  วิไลย์วัลย์พูดแบบประชดเล็กน้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองทุ่มกว่าๆ วัลย์ ตา และยา ก็เดินขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาของของโรงเรียน เมื่อมาถึงกลางห้อง       
                                   เฟื่องพิมาน.!!!  วิไลย์วัลย์พูดขึ้นลอยๆ เพื่อนทั้งสองคนก็ยืนดูเธอดูความอยากรู้อยากเห็น 9-10 นาทีเห็นจะได้ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้เธอจะลองพยายามเรียกอีกหลายๆครั้งก็ตาม เพื่อนทั้งสองของเธอชวนเธอลองข้างล่าง เพราะบรรยากาศในห้องใต้หลังคานั้นไม่สู้ดีนั้น ทั้งหนาว ทั้งอับ ทั้งมืด  ทั้งสามคนเดินลงมาจากห้องใต้หลังคาโดยดี  เธอไปทำอะไรกันที่นั้น  เสียงของมารดามท่านหนึ่งถามขึ้น  เธอไม่รู้เลยริว่า..ฉันไม่อยากจะพูด  คำพูดนั้นเป็นปริศนาที่ทำให้เด็กทั้งสามคนขมวดคิ้ว  ที่หลังเธออย่าขึ้นไปที่นั้นอีกนะ..ฉันไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นซ้ำสอง  เด็กทั้งสามก้มหน้าก้มตาสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรกันเลยแต่เมื่อเข้ามาข้างในห้องและ  ฉันอยากรู้จริงๆว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องใต้หลังคามันหมายความว่าอะไร!!!!  อารียาพูดด้วยความสงสัย  นั้นสิ ลลิตตาเสริมขึ้นด้วยความสงสัย  เดี่ยวก็รู้ว่ามันคืออะไร  วิไลย์วัลย์พูดด้วยความมุ่งมั่น ทั้งสองคนมองเธอด้วยความ งงสุดๆที่มันจะเป็นได้ยังไง
                                          วิไลย์วัลย์นั่งรอจนเทียงคืนกว่าๆโดยเพื่นทั้งสองของเธอได้หลับไปแล้ว เธอตัดสิ้นใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเดินไปที่หน้ากระจกอยู่ตรงข้างๆมุมห้องเธอได้อ่านเจอในหลังสือที่บ้านว่า เวลาเทียงคืนกว่าๆนั้น วิญาณจะแข็งกล้า เราสามารถมองเห็นวิญาณตนนั้นได้โดยการยืนที่หน้ากระจก บางที่เราอาจจะเห็นภาพล่างๆของวิญาณตนนั้นด้วยก็ได้        เฟื่องพิมาน.   เธอเอ่ยเรียก  เฟื่องพิมาน  เธอเอ่ยเรียกเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เวลาผ่านไปประมาณ หนึ่งนาที   เธอเรียกฉัน..  เสียงที่มากับสายลมนั้นดังขึ้นจะเป็นอะไรนั้นเราก็ยังไม่รู้   วิไลย์วัลย์คิดว่าวันนี้เธอมุ่งมั่นอยางมากที่จะถามความเป็ฯจึงของตัว เฟื่องพิมานให้ได้ดีที่สุดเธอได้เริ่มคำถามคำแรกว่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!				
16 กันยายน 2545 16:06 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 3 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา
    ( ตอนที่ 3 )
การไปเข้าค่ายครั้งนี้แบ่งออกเป็นห้องๆละ 2-3 คนดังนั้นวิไลย์วัลย์กับลลิตตาจึงมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากอีกคนเธอชื่อว่า  อารียา  เธอเป็นคนกล้าทำกล้าแสดงออก เธอเรียนค่อนข้างเก่ง อารียานี่เป็นคนพูดน้อยแต่ท่าทางมั่งคง รอบคอบ ดังนั้นตอนนี้เธอได้รู้จักกับ วิไลย์วัลย์ และ ลลิตตาแล้ว เข้าค่ายครั้งนี้มีกำหนดเวลา สี่สัปดาห์ ซึ่ง วิไลย์วัลย์ ลลิตตา และ เพื่อนใหม่ อารียา ก็อยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกันจนตกกลางคือวันหนึ่ง ณีรดากลับพวก ก็แอบไปที่บ้านพักของ  วัลย์ ตา และ ยา ทำลายของของขีดเขียนรูปภาพไว้ตามฝาผนัง เทนมราดพื้น เทกาวลงบนเก้าอี้และโต๊ะ เช้าขึ้นมา ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของห้องไม่ได้อยู่ในสภาพเดิมเสียแล้ว ทั่งสามต้องทำความสะอาดกันเกือบทั้งวัน เธอสามคนจึงอดที่จะทำกิจกรรมสำคัญในวันนี้ ซึ่งเป็นที่พอใจอย่างมากของ ณีรดา
                             ณีรดา.. ทำ   วิไลย์วัลย์ได้ยินเสียงนี้ขณะทำความสะอาดห้อง  นี่ตา รู้ได้ไงว่า ณีรดาเป็นคนแกล้งพวกเรา  วิไลย์วัลย์ถามขึ้น  เธอว่าอะไรนะ ฉันยังไม่ได้พูดไรซักคำเลย  ลลิตตาตอบกลับมาด้วยสีหน้า งง              งั้นก็เธอละสิ ยา  วิไลย์วัลย์ถามต่อไปอีก  อะไรฉันกำลัง จะเดินออกไปล้างเก้าอี้  อารียา ตอบด้วยความงงเช่นเดี่ยวกับ ลลิตตา   วัลย์ แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเป็น  ณีรดาทำ  อารียาถามขึ้นลอยๆ  ก็ไม่รู้ใครนะสิ พูดกับฉัน  เธอตอบ    ทุกคนเงียบกันไปซักพักนึ่ง ทันใดนั้น เสียงตีฆ้องโรงเรียนเรียกทานข้าวของโรงเรียนก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนหยุดมือ แล้วเดินไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารกับเพื่อน  ณีรดา..เป็นคนแกล้งเธอวัลย์  เสียงนี่ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งทำให้ วิไลย์วัลย์ถึงกลับขนลุก แต่เธอก็เก็บอาการไง แล้วตั้งทำถามให้ใจว่า  เสียงนั้นคือเสียงของ.ใคร!  
                                กลางคืนหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง  ลลิตตากับอารียาหลับแล้วเหลือแต่ วิไลย์วัลย์ที่กำลังคิดว่าเสียงที่ตนเองได้ยินนั้นคือเสียงของใคร   เธอไม่ต้องกลัวฉันหรอ ฉันน่ะเป็นแค่วิญาณเร่ร่อน  เสียงลอยมากลับสายลม  วิไลย์วัลย์เริ่มตัวสั่น   ทำไมไม่มีใครเห็นเธอนอกจากฉัน  เธอถามขึ้นเมื่อมีสติกลับคืนมา  เธอน่ะได้สลับวิญาณกับเด็กหญิงผู้มีญาณวิเศษ หรือเรียกว่า ( สัมผัสที่หกไง )   เสียงที่ลอยมาจากลมตอบ ทำตอบนี่ทำให้ วิไลย์วัลย์นั่งไม่กระดุกกระดิกไปคู่หนึ่ง  แล้วเธอเป็นใครล่ะ  เธอถามออกมาเมื่อเธอมีสติกลับคืนมาอีกครั้ง   ฉันชื่อ  เฟื่องพิมาน  ..ฉันเป็นญาณของเด็กหญิงของคนนั้นค่อยปกป้องเธอ  เธอยังกล่าวต่อด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่าเพราะเมื่อชาติที่แล้วเธอเคยดูแลฉันอยู่ตลอดเวลาที่ฉันไม่สบาย  วิไลย์วัลย์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ว่ามันเรื่องอะไรที่ต้องมาเกี่ยวกับเธอ เป็นเพราะกรรมหรือว่าบุญกันแน่ที่ทำให้เธอต้องมี ญาณพิเศษอันนี้   แล้วถ้าฉันอยากจะเจอคุณอีก..จะต้องทำไง   วิไลย์วัลย์ คุยกับสายลม  เรียกชื่อฉันสิ .เฟื่องพิมานเดี่ยวฉันก็จะมาหา  จากนั้นเธอหายไป ไม่นานนักวัลย์ก็หลับไปด้วยความเหนื่อย นี่คงไม่ใช้ความฝัน เธอคิดในใจ แต่เธอก็คงยังไม่กล้าที่จะเรียกชื่อ  เฟื่องพิมาน อยู่ดี
                                เป็นที่น่าประหลาดใจที่ห้องที่ ณีรดาอยู่นั้นเลอะเทอะไปด้วย เศษเถาวัลย์ เศษกิ่งไม้ เศษใบไม้ และ ฯลฯ อีกมากมาย ณีรดาคิดว่าน่าจะเป็น ฝีมือของ สามคนนั้นแต่เธอก็ไม่มีหลักฐานที่จะกล่าวหาพวกนั้นได้ เธอจึงต้องทำความสะอาดห้องตัวเองหนักกว่าห้องของสามคนนั้น ทว่าเด็กผู้หญิงสามคนนั้นไม่ไดรู้เรื่องอะไรเลย!!!!!!!!!!!!!!				
15 กันยายน 2545 16:59 น.

เพรงเงา ( ตอนที่2 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา
( ตอนที่2 )

กลางคือวันที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว วิไลย์วัลย์ ก็แอบไปหา ลลิตตาที่กำลังนั่งเหงาหงอยอยู่ข้างหน้าต่าง
 นี้ ลลิตตา  เธอพูดเสียงดังพอที่ลลิตตาจะได้ยิน ลลิตตาหันมาสบตากับ วิไลย์วัลย์ด้วยความหวาดๆ  เธอมาทำอะไรที่นี่  ลลิตตาพูดเสียงขาดๆ   เธอตามฉันไปที่ห้องดีกว่า  ดูเหมือนว่า วิไลย์วัลย์จะรีบร้อน  ไปในทำไม ในเมื่อฉันก็ไม่มีธุระ อะไรกับเธอนี่  เธอพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ  ฉันจะช่วยเธอทำ ภาษาอังกฤษเร็วซิ  วิไลย์วัลย์ไม่รอช้า เร่งเข้าไปดึงตัว ลลิตตาชั่วพริบตาเธอกับลลิตตาก็อยู่ที่ห้องอันหรูหราเสียแล้ว   ตายแล้วนี่ห้องของเธอหรอ ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้  เธอทำตาโตพร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด   ฉันนะอยากมีห้องอย่างคนอื่นเค้า เพราะความที่ฉันมีฐานะร่ำรวย ทำให้คนอื่นเค้ามองฉันเป็นเหมือนตัวประหลาด  วิไลย์วัลย์พูดขึ้นพร้อมกับเสียงที่เศร้าสร้อย
                      จากนั้นไปนานเธอก็เริ่มที่จะนำอุปกรณ์การเรียนส่วนตัวของเธอขึ้นมาจากลิ้นชัก แล้วเธอก็เรียกลลิตตามานั่งใกล้ ประมาณ 3-4 ชั่วโมงงานแปรภาษาอังกฤษของลลิตตาก็เสร็จสมบูรณ์ แล้วทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันโดยไม่รู้ตัว ไม่นานเท่าไรนัก วิไลย์วัลย์จึงเข้าใจคำว่า มิตรแท้ได้อย่างลึกซึ่ง เธฮเริ่มพัฒนาตนเองมาเลื่อยๆจนเธอเองก็อาจจะไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง เธอสอบได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกล่า เก้าจุดห้าขึ้นไปจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะสอบได้ที่หนึ่งทุกๆครั้ง วิไลย์วัลย์สอนลลิตตาในบางเรื่องที่ลลิตตาไม่เข้าใจเธอจึงสอบได้เลขตัวเดียวเป็นบ้างในบางครั้ง เวลาผ่านไป 3-4 เดือนลลิตตาก็เป็นคล้ายเพื่อนและน้องของเธอโดยปริยาย ทุกๆวันลลิตตาจะมานอนกับวิไลย์วัลย์ ซึ่ง เธอก็ยินดีต้อนรับเสอมๆ ในอีก 2-3 สัปดาห์ต่อมาเธอกับเด็กนักเรียนหญิงทุกคนก็ไปเข้าค่ายกันที่ น้ำตกแห่งหนึ่งเธอได้รู้จักกับ เด็กนักเรียนชาย ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ นักเรียนชายล่วนข้างๆโรงเรียนเธอจะมาเข้าค่ายที่เดียวกับโรงเรียนหญิง   ล่วนของเธอ เธอไม่เคยได้พูดคุยกับเด็กผู้ชายมาก่อน   คุณชื่ออะไร ครับ  เด็กชายคนหนึ่งกล่าวทักขึ้น   วัลย์..วิไลย์วัลย์ ค่ะ  เธอตอบด้วยเสียงสั่นๆ  แล้วคุณละค่ะ..ชื่ออะไร  เธอกล่าวต่อจากคำตอบของเธอ  ผมชื่อ โดม.ปภากรณ์ครับ  เด็กผู้ชายตอบ ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากไม่มากกล่านี่ ลลิตตาก็เดินมาตามว่าได้เวลาเข้านอนแล้วเดี่ยวอาจารย์. จะว่าเอา เค้าคนนั้นได้หยิบบัตรโทรศัพท์ที่นำติดตัวมาด้วยออกไปให้ วิไลย์วัลย์ แล้วก็กล่าวคำลา เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่ได้เจอเค้าเสียและ   นี่วัลย์ ..เค้าก็ดูเท่ดีนะ  คำทักทายด้วยเสียงอันคุ้นหู  นี่ตา ..เธออย่าพูดล้อฉันเล่นสิ  วัลย์กล่าวตอบด้วยความเขินนิดๆ  เด็กนักเรียนหญิง3-4 คนที่เป็นคนเลวได้รู้เรื่องเกี่ยวกับที่ วิไลย์วัลย์ได้พูดคุยกับชายโรงเรียนข้างๆที่ตนเองชื้นชอบก็โกรธใหญ่คิดหาวิธีแก้เผ็ดวิไลย์วัลย์
                          ในกลางคืนวันนี่ได้มีปราตี้  ณีรดา กับพวกรวมหัวกับแกล้ง วิไลย์วัลย์โดยการนำอาหารของสุนัขผสมลงไปในอาหารที่ลลิตตากับวิไลย์วัลย์จะรับประทาน แต่โชคที่ วัลย์กับตาเกิดอาการเบื่ออาหารเลยไปนั่งเล่นที่น้ำตกทำให้ ณีรดาโมโหมากที่แผนของตนไม่สำเร็จ   ดังนั้นเธอจึงมีแผนใหม่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า ร้อยเท่าพันเท่าคือ..				
14 กันยายน 2545 21:32 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 1 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา
( ตอนที่1 ) 

          ปวดหัวจังเลย  หัวจะระเบิดอยู่แล้ว.. โอ๊ยโอ๊ย.  นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อน ที่ วิไลย์วัลย์จะสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาล เสียแล้ว แสงไฟนีออนส่องหน้าเธอจนต้องค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ รอบกายเธอมีผู้คนรุมรอมเธอ 3-4 คน  พวกคุณคือใครค่ะ  นั้นเป็นคำแรกที่ วิไลวัลย์ผู้ขึ้น  ลูกจำแม่ไม่ได้หรอจ๊ะ   สิรินทราซึ่งเป็นมารดาของ วิไลย์วัลย์ พูดขึ้น  แม่หรอค่ะ แม่หนูตายไปแล้วไม่ใช้หรอค่ะ   คำพูดคำนี้เพียงคำเดียวทำให้ผู้ที่รับฟัง ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า  หมอๆ อยู่ไหน ลูกดิฉัน  สิรินทราเริ่มใจเสีย  คุณใจเย็นๆก่อนนะ  ลูกเราอาจจะจำอะไรบางอยางเลอะเลื่อนไป  ประสิทธ์ ปลอบภรรยามี่กำลังใจเสีย
      สิรินทราและประสิทธ์ได้อธิบายเรื่องที่ วิไลย์วัลย์  จำแม่ไม่ได้ซ้ำยังกล่าวเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้  ผู้เป็นหมอได้รับฟังแล้ว ก็ยังไม่สามารถสรุปอาการที่ วิไลย์วัลย์เป็นได้ ครอบครัวของ วิไลย์วัลย์นั้น ร่ำรวยมากนามสกุลของเธอเป็นที่กล่าวขาลกันในวงการต่างๆ เป็นส่วนมาก วันที่เธอ ปวดหัวขนาดหนักเธอได้ว่ายน้ำแล้วเกิดเป็นตะคริวในน้ำเธอเกือบที่จะตายแล้วขณะนั้น วิญญาณของเธอได้ไปสับเปลี่ยนกับเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กที่มี ฐานะยากจน ไม่มีการศึกษา อยู่ในสลัมข้างบ้านเธอที่กำลังวิ่งเล่นแล้วสะดุดไม้ท่อนใหญ่จนล้มลงเกิดหัวแตกและ ไม่มีลมหายใจในที่สุด 
      มีประมาณ 3-4 สัปดาห์เธอก็ได้กลับบ้านที่หรูหรา ของเครื่องใช้ทุกชิ้นต่างๆล้วนแต่มีราคาทั้งนั้น เธอค้อนข้างสับสน เพราะตอนที่เธอหัวกระแทกพื้นความจำบ้างส่วนก็หลุดลอย ตามไปกลับสายลม  เมื่อเวลาผ่านมาเกือบเดือน เธอก็รู้สึกคุ้นเคยกลับบ้านนี้เสียแล้ว ตอนนี้เธออายุ 12 ขวบเธอก็เริ่มหัดอ่านหนังสือเป็น พันๆที่อยู่ในห้องหนังสือของผู้เป็นพ่อเธอพร้อมๆทั้งบริวารประมาณ 9-10 คนนั่งรายล้อม ซ้ำเธอยังของพ่อเรียนเสริมพิเศษที่บ้านด้วย ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจมาก เพราะเมื่อก่อน วิไลย์วัลย์ เป็นคนที่หยิ่ง ไม่ค่อยเคารพพ่อและแม่  นอนดึงทุกๆคืนบ้างวัน ถ้าขี้เกลียดเธอก็ไม่ไปโรงเรียน ครูบาอาจารย์ที่นั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้เพราะเกรง นายประสิทธ์ ผู้ที่ให้เงินเป็นจำนวนมากแก่โรงเรียน ประมาณ 9-10 เดือนเธอก็สามารถพูดภาษาอังกฤษ อ่านออกเขียนได้ ภาษาไทยเธอก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งเธอเป็นคนขยัน นอนแต่วัน อ่านหนังสือทุกคืน ไม่เคยดูทีวี เมื่อเปิดเทอมมาเธอก็ต้องย้าย โรงเรียน  ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ที่ค่าเทอมแพงเหยียบแสน เธอต้องอยู่ที่นั่นเป็นห้องเดียวที่ใหญ่มาก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ทุกสั่งทำเป็นพิเศษ 2 อาทิตย์เธอจะกลับบ้านได้สองวันเป็นอันว่าเธอได้เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว รุ่งโรจน์ไพรศาสเจริญสุขเสียแล้ว
ทุกคนพึ่งจะรู้จักกันเพราะมาจากทั่วสารทิศ ทุกคนก็เริ่มวันแรกด้วยการแนะนำตนเอง ค่ะ ชื่อวิไลย์วัลย์ รุ่งโรจน์ฯ 
เมื่อเด็กนักเรียนทุกคนได้ยินชื่อรี้ก็ ตาโตกันใหญ่ เธอรู้สึกเสอมว่าเธอเป็นคล้ายๆตัวประหลาดที่ทุกคนอื่นนิทรนาอยู่เรื่อยๆ เธอยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ว่า มิตรแท้ นานไปเธอเริ่มรู้สึกเหงาเธอไม่มีเพื่อน เพราะทุกคนล้วนแต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดกับเธอ    เรื่องอะไรล่ะ ที่ไม่มีให้กล้าคุยกับเรา  เธอชอบคิดอย่างนี้คนเดียวในใจเสมอ และแล้ววันหนึ่ง
 ลลิตตา เธอไปแปรภาษาอังกฤษของบทที่ 4 ถึง บทที่ 6 ให้หมดพรุ่งนี้เช้าต้องส่ง ไม่งั้นฉันจะให้เกรด 0 ค่อยดูสิ   
   คำพูดของ อาจารย์  ไกลราชย์ ทำให้ ลลิตตาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า ลลิตตาไม่เก่งภาษาอังกฤษ เมื่อวิไลย์วัลย์ได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร เด็กนักเรียนผู้หญิงต่างๆ พากันหัวเราะ แต่วัลย์กับนั่งน่านิ้วเหมือนกับอมทุกไว้ทั้งโลก เธอคิดแล้วคิดอีกว่าจะช่วยยังไงดี       ในที่สุดเธอก็คิดได้ใน 2 ชั่วโมงต่อมา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระดาษทรายสีทอง