23 มีนาคม 2551 22:55 น.

หมารีสอร์ท

กชมนวรรณ

คำว่า หมารีสอร์ทของฉันมันแปลงมาจาก หมาวัด หมาบ้าน นี่แหละ แต่แทนที่จะเป็นหมาวัด หรือบ้าน มันกลับเป็นหมาที่พี่ชายและหลานสาว ฉันเลี้ยงไว้ในรีสอร์ท ที่เกาะลันตา จึงเป็นที่มาของคำว่าหมารีสอร์ท ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 14 ตัว อันสืบเนื่องจากพี่ชาย และ หลานสาว เป็นคนรักหมามาก จึงมีหมาเต็ม รีสอร์ท ทำกิจการ รีสอร์ท ให้ฝรั่งเช่าด้วยพร้อมร้านอาหารเล็กๆ ที่เจ้าหมารีสอร์ทพวกนี้ยึดเป็นที่รับแขกต่างชาติ เสมือนเป็นพนักงาน ต้อนรับ อย่างไร  อย่างนั้น เจ้าพวกนี้จะแยกกันเป็นกลุ่มๆ ที่แก่หน่อย จะอยู่หลังบ้าน ดูว่ามีใครแปลกหน้า โผล่เข้ามาแบบผิดปกติไหม.? หากมีมันจะเห่าเสียงดัง และทำท่าจะวิ่งเข้าหา (เฉพาะที่มันเห็นเป็นคนไทย) จนคนไทยแถวนั้นกลัว กันเป็นแถว แต่กะฝรั่ง มันกลับนอนดูเฉย ๆ ให้เขาเข้าไปติดต่อที่สำนักงานรีสอร์ท ดีเด่... ส่วนอีกพวกที่อยู่ในวัยน่ารัก กำลังซน หน้าตาดีหน่อย  จะยกพวกไปอยู่กลางลานสนาม และ ภายในร้านอาหาร คอยทักทายกับฝรั่งเข้าร้าน จะกระดิกหาง ตอนรับก่อนพนักงานต้อนรับเสียอีก
หากมันพูดได้ คงทัก  Hello, madam/ morning ไม่ก็   อิอิ ฉันนั่งมองเจ้าพวกนี้แล้วคิดตาม เองนะ เพราะฝรั่งที่เดินเข้าร้าน แทนที่จะทัก คนกลับทักหมา ก่อน ทุกครั้ง wow!  morning แล้วก้มจับลูบหัว  ก่อนที่จะนั่งโต๊ะ สั่งอาหารทาน ถามพี่ชายว่า ทำไมเลี้ยงมาก ขนาดนี้ พี่ชายบอก ก็เจ้าครีมมันชอบและคนแถวนั้นพอหมาที่บ้านคลอดลูกมาก หน่อยก็เอามายกให้เลี้ยง ฝากเลี้ยง เลยทำให้มีเกินทีมฟุตบอลอีก  แต่ดีว่ารีสอร์ท ที่นี่มีแต่แขกฝรั่ง ที่มาพักผ่อนแบบเป็นลูกค้าประจำปีเป็นส่วนมาก แต่ถึงเป็นขาจร ฝรั่งก็รักสัตว์กันทั้งนั้น เลยไม่มีปัญหา กับการรับแขกของรีสอร์ท คลองดาว แห่ง เกาะลันตา อิอิ 
                        ถามครีม ว่าเจ้าพวกนี้ชื่ออะไรกัน มั่ง ครีมจำได้ไหม ว่ามันชื่ออะไร กันมั่ง  เจ้าตัว รีบร่ายยาว ทันที  นี่บ๊อบบี๋  นี่บ๊อบบี้  ตัวนี้ปีโป้  เจ้าแปลก(เหตุเพราะ มีหูที่แปลก ข้างหนึ่งชัน ข้างหนึ่ง ตูบ เลยได้ชื่อ ว่าแปลก)  เจ้าคีโร่ ,คุ๊กกี้, เจ้ามาม่า,เจ้ามูมู่,เจ้าโมโม่,เจ้าโกปี๋,เจ้าเดี่ยว,เจ้าเฉาก๊วย สุดท้าย น้องน้ำผี้ง ค่ะครบยังหว่า หากไม่ครบ ต้องขออภัย เพราะจด มาได้แค่นี้ค่ะ ฉันถามอีกว่าใครเป็นคนตั้งชื่อให้เจ้าพวกนี้  น้องครีม กะ ป๋า เป็นคนตั้งค่ะ  น้องครีมตอบด้วยความภูมิใจ เพราะคนอื่น ไม่ยอมเลี้ยง คนรักหมา ก็ต้องเป็นคนตั้งชื่อสิแต่อย่ามาถาม ว่าชื่อแปลกๆ ที่อ่านไปนี่ แปลว่าอะไรกันมั่ง คนตั้งตามบอกตั้งตามใจคนเลี้ยงค่ะ  ทีนี้น้องครีมก็ต้องรับหน้าที่งานให้อาหารน้องหมา คนอื่นจะไม่ยุ่งด้วยหากน้องครีมกลับบ้าน (หากน้องครีมกลับบ้านวันหยุด พร้อม ป๋า) แต่วันธรรมดาตอนช่วงโรงเรียนเปิดน้องครีมจะอยู่โรงเรียนในเมือง ไม่ได้อยู่ที่เกาะเด็กๆ ในร้านก็ช่วยกันไป แต่มีข้อแม้ว่าอย่าให้น้องหมาตัวไหน เป็นอะไรเด็ดขาด  ขาดหายไปสักตัวก็ไม่ได้แม่คุณจะกลับมาเช็ค ทุกตัว บางวันฉันเห็น เจ้าครีม ยังจับ เจ้าคีโร่ จอมป่วน ขึ้นชั่งน้ำหนักบนตาชั่ง ว่าน้ำหนักเพิ่มหรือลด เอากะแม่สิ เจ้าคนนี้เห็นหงิมๆ ไม่ค่อยพูด แต่ความคิด เลิศมาก 555  (น้องครีมจะกลับเข้า เกาะมาช่วยแม่เย็นวันศุกร์ พร้อมปะป๋า) ถ้าช่วงไฮ ซีซัน จะเป็นงานที่หนักมาก สำหรับแม่น้องครีมแทบไม่มีเวลาทานข้าวกันเลย (งกเงิน) บางครั้งจึงได้พวกหมารีสอร์ทพวกนี้คอยรับแขกด้านหน้ารีสอร์ท พร้อมเด็กในร้าน แต่พวกน้องหมาพวกนี้เป็นแต่ต้อนรับ เสริฟกะรับออร์เดอร์ไม่ได้ อิอิ 
                     วิธีการต้อนรับคือพอฝรั่งเข้าร้านเจ้าพวกมันจะกระดิกหาง ส่งเสียงทักทายฝรั่งให้เค้าลูบหัว จนเป็นที่พอใจแล้วหรือแขกนั่งโต๊ะแล้ว  มันจึง เดินไปอีกด้านหนึ่งก่อนเพื่อรอ แขกคนใหม่ แต่ไม่ลืมหันมามองดูว่าแขกคนก่อนนั่งโต๊ะไหน
(อ้าว จริงๆ ฉันนั่งสังเกต มันเงียบๆ ตลอด สี่วันที่อยู่ที่นั้น)  มันจะรับแขกที่หน้า ร้านอาหาร อยู่อย่างนี้สักพัก กะว่า อาหารโต๊ะไหนเสร็จแล้ว ก็จะเดินกลับไปทักทายพร้อมกับนอนรอที่พื้น เพื่อรอขอ อาหารจากแขก  ก็อย่างที่บอก ฝรั่งเป็นชนชาติที่รักสัตว์อยู่แล้ว เค้าจะไม่โยนของที่เค้าทานเหลือให้เจ้าพวกนี้เด็ดขาด หยิบอะไรทาน หนึ่งคำ ต้องป้อนเจ้าพวกนี้หนึ่งคำ หากเป็นแขกคนไทย คงได้โดน ล้งเล้งไปแล้วว่าร้านอาหารทำไม มีเจ้าสุนัขตัวป่วน มาวิ่งวุ่นเต็มไปหมด ขนาดฉันนั่งมองเจ้าพวกนี้ยังรู้สึกรำคาญ แต่อย่าไปตะโกนไล่เสียงดังโวกเวก เป็นอันขาด เพราะ จะไม่เป็นที่พอใจ ของลูกค้าฝรั่งทันทีรีบปกป้องเจ้าพวกนี้ 
แต่ใช่ว่าพวกมันจะยุ่มย่ามเกินไปนัก โต๊ะหนึ่ง มันจะไปกินของเค้าแค่สองสามคำ แล้วเดินไปโต๊ะอื่นที่มันหมายตาไว้ต่อ 555 รู้จักหากินกว่าคนเสียอีก ดีว่าหน้าตามัน ถึงจะเป็นหมาบ้านแต่มันก็น่ารักหน่อย  เรียกว่าเป็นหมาที่รู้อยู่รู้กิน นะนี่ 
         แต่ก็นั่นแหละใช่ว่าพวกมันจะไม่สร้างปัญหาซะทีเดียว หมาก็ย่อมเป็นหมายิ่งอยู่ในวัยที่กำลังซน ด้วยแล้วปัญหานี้จะมีทุกบ้าน คือ คาบรองเท้าแขก ไปช่วยกันฟัดเล่น นี่แหละปัญหาใหญ่เพราะฝรั่งที่นี่ บอกแล้วว่าบางคนมาประจำจนติดนิสัยคนไทย คือ ถอดรองเท้าไว้ทางเข้า ร้านอาหารและคนอื่นๆ  พอเห็นคนที่มาก่อนถอดรองเท้า ก็ถอดบ้าง เจ้าพวกนี้ก็จัดการ อันคู่ไหนเด็กหันไปเห็นตอนคาบก็จัดการทันแต่คู่ไหนไม่เห็นก็ต้องชดใช้ให้เจ้าของไป ตามระเบียบ (สังเกตจากรูปประกอบด้านบนค่ะ)
                     วันหนึ่งฉันนึกสนุกอยากหัดลองทำพิซซ่า เห็นเด็กในครัวทำ แล้วอยากทำบ้าง เลยเข้าครัวถามเด็กถึงกรรมวิธีการทำ เพราะสังเกตดูไม่น่าจะยาก และมันก็ไม่ยากจริงๆ นั่นแหละ แต่หน้าพิซซ่า ไม่เอาตามเค้านะค่ะ ตามใจตัวเอง  มีอะไรที่อยากกิน แม่จับมาสุมหมด ไม่มีพริกหยวกก็ใช้พริกชี้ฟ้า เม็ดใหญ่ หั่นๆๆ ใส่  หน้าฮาวายเฮี้ยนหรอ ก็ใส่พวก สับปะรด ก็ใส่ แฮม เบค่อนก็ หั่นๆๆ ใส่ หน้าซี้ฟู้ด ก็ให้เด็กลวก กุ้ง หมึกให้ เด็กมันดันลวก ซะล้น หน้า ตกลงไม่รู้หน้าอะไร กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คอลเลสเตอร์รอล เพียบ 5555 เพราะเราเล่น ขูดซีสใส่ แบบ ไม่บันยะบันยัง แถมยังฝานใส่ บางๆ อีก หวังจะให้เหมือนในโฆษณา แบบกัดแล้วมันยืด ประมาณนั้น  พออบสุกเท่านั้น เต็มถาดค่ะ ถามคนโน้น คนนี้ ไม่มีใครอยากกินกะเราสักคน เพราะห่วงหุ่น กันทั้งนั้นไม่เหมือนเราห่วงว่าไม่ได้กิน ไม่ก็เบื่อพวกเด็กก็เบื่อกันเพราะทำให้แขกอยู่ทุกวัน บางคนบอกแค่ได้กลิ่นก็ส่ายหน้าหนีแล้ว (ยิ่งเห็นกรรมวิธีการทำ ของเราเข้าไปอีกเลยขยาดกันมากกว่า) ไม่ง้อก็ได้ แต่คงกินสองคนกะ เจ้าลูกสาว ไม่หมดแน่นอน  แต่มาเจอตัวช่วยเมื่อ ถือจานพิซซ่า ออกจากครัว ทั้งเจ้า เฉาก๋วย  ปี้โป้ ฯลฯ เดินตาม แบบจงรักภักดีมาก ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน ตอนแรกเข้าใจว่ามันคงนึกว่าเป็นประเภท ข้าวไม่กินหรอกพิซซ่า ปรากฏว่าหมาพวกนี้ กินพิซซ่าค่ะ หมากินพิซซ่า 555 กินแบบไม่เลือกกับด้วย พริก หอม กินเรียบ แสดงว่าฝีมือฉันเข้าขั้นทีเดียว เพราะยังไม่ถึงกับประเภทหมายังเมินนี่ยังอดปลื้ม ไม่หายนะนี่ อิอิ
                   มีอยู่ตอนหนึ่งได้ยินเสียงเจ้าครีมส่งเสียง ดัง มาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ไอ้เราตกใจนึกกว่าหลานเป็นอะไร เดินไปดู เห็นเจ้าครีม ถือ กะลังมัง ใบใหญ่ พร้อม ทัพพี เคาะกะละลัง แล้ว โดนล้อมด้วยเจ้าหมาทั้ง 14 ตัว แทบไม่เห็น ตัวหลาน ที่นั่งลงตักข้าวแบ่ง ให้เจ้าพวกนั้น โอ้แม่เจ้า หลานฉันเป็นไปได้ถึงขนาดนั้นถามหลาน ครีม ทานไร หรือยังลูก 
ยังไม่หิว เลย อารัน ให้พวกนี้กินก่อน น่าน พลางเหลือบดู ว่าน้องครีมทำอะไร ให้น้องๆหมากินน้า แต่ดูไม่ออกเลยถามหลาน
น้องครีม คลุกอะไร ให้หมากิน ลูก
วันนี้ ไม่มีของเหลือจาก แขก อารัน ครีมเลย แกะ ปลาทูน่ากระป๋อง มาคลุก ให้พวกนี้ โอ้ แม่เจ้า อีกครั้ง (คำนี้ติดจากน้องสาวคนหนึ่ง) เจ้าพวกนี้กินปลาทูน่า กระป๋อง(อย่างดี นะค่ะ แบบปลาทูน่าแช่น้ำเกลือ หรือ น้ำมัน กะข้าวหอมมะลิ ที่หุงร้านอาหาร ค่ะ แบบไม่ต้องแบ่งชนชั้น วรรณะ คนหมา กันเลย ไม่ใช่แค่มื้อนี้นะค่ะ ทุกมื้อ ค่ะ หากแขก ทานไม่หมด (ประเภท กุ้ง ปลาเผาหรือทอด นะค่ะก็จะเป็นอาหารเจ้าพวกนี้ค่ะ ไม่ใช่ของเด็กในร้าน เพราะ เด็กในร้านก็เบื่อ เหมือนกัน ส่วนมาก เด็กในร้านจะทำมาม่า กินกัน แล้วแบบกินกันได้แทบทุกมื้อ ด้วย เพราะ อะไร ตอนแรกก็งง เหมือนกัน นึกว่าพี่ชายเค้าตั้งกฎ ไว้แต่พี่เราไม่ได้เป็นคนเหนียว นี่น่า ใจกว้างเหมือนน้ำทะเล แนะ (ปนเค็ม 555 ล้อเล่ง น้อพี่เนาะ)  แม่เจ้าครีมและพี่ชาย เรื่องของกินไม่เคยว่าเด็กในร้านทำส่วนกลางส่วนหนึ่ง เป็นหม้อใหญ่ เพื่อกินกันทั้งร้าน ส่วนอื่นๆ ใครอยากทำอะไรทานก็ทำกัน (แต่ต้องตอนว่างจากแขก) และของแพง ๆ จริงๆ ที่ต้องจำกัดกัน แต่ถึงไม่จำกัด ก็เด็กพวกนี้ไม่กิน หรอก เพราะ ส่วนมาก พวกนี้จะเป็นชาวเล ไงค่ะ สามีออกทะเล ภรรยา มาทำงานร้านอาหาร เบื่ออาหารทะเล ไปเลย กินกันแต่มาม่า เพราะ ได้กินเฉพาะ ตอนเปิดทัวร์เท่านั้น วันหลังจะเขียนเล่าเรื่องชีวิต ชาวเล ที่ชอบกินมาม่า กะ หมู มากๆ)  ตอนเย็นเจ้าครีมชวนลงเล่นน้ำเค็ม(ทางโน้นจะเรียกอย่างนี้) ฉันไม่เท่าไหร่ ชอบเดิน โชว์พุง แถวชายหาดมากกว่า จะลงเล่นน้ำทะเล  แต่สงสารหลานที่อยู่ติดทะเล แต่ไม่ค่อยได้ลงเพราะ แม่ไม่ค่อยอนุญาต เนื่องจากไม่มีเวลา ดูแล และชีวิต ส่วนมากจะอยู่ในตัวเมืองซะมากกว่า เลยเอ้า ไป กัน เตรียมอุปกรณ์ ครบ เดินได้ สักพัก ได้ยินเสียงคราง กะ เสียงหยอกเล่นกัน ของเจ้าหมาหันไปดู ตามหลัง ลงทะเลกันเป็นพรวน เป็นที่สนุกของเจ้าครีม ที่วิ่งไล่จับ ตัวโน้นตัวนี่ โยนลงทะเล แล้วรีบวิ่งไปฟัดกะหมา จนฝรั่งยืน ดู แล้วอมยิ้มกันเป็นแถว เป็นภาพน่ารัก อีกภาพหนึ่ง ที่ฉันบันทึกไว้ในใจ และคิดจะบันทึกเรื่องหมารีสอร์ทแต่ แรงบันดาลใจสูงสุดอยู่ที่เย็นวันหนึ่ง....

 
dscf2557mx2.jpg

ฉันนั่งคุยโทรศัพท์ อยู่กะพี่ริน (ภูโอบดอย) เพลินๆ ได้ยินเสียง  ลูกสาวตะโกน แม่ๆๆๆ มาช่วยน้องครีมหน่อย แม่ ฉันหันไปดูพร้อมบอกพี่สาว รอแป๊บ เห็นแหม่ม อายุสัก 50 คนหนึ่ง ถือถุง อาหารกล่อง มีกล่องอาหารสัก 5 กล่องได้ มั้ง ยืนพูดกะเจ้าครีม ซึ่งยืนเกาหัวแกรกๆๆ อยู่ กะหน้ามุ่ยๆ  ถามลูกสาวก่อน ว่ามีอะไร กันหรอ ลูกสาวบอกไม่รู้เค้าพูดอะไรแม่ช่วยไปแปลหน่อย เอาละซิ ทำไมลูกสาวมันถึงคิดว่าแม่มันเก่ง ถึงขนาดนั้นนะ แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าที่ลูกและหลาน อุตส่าห์ฝากความหวังกะเรา แต่เราก็ใช่ไม่มีความหวังกระซิบบอกพี่ริน ทางโทรศัพท์ พี่รินๆๆ เดี๋ยวช่วยรันฟังหน่อยนะ ว่าเค้าพูดอะไร แล้วบอกรันด้วย ว่าแล้วเราก็เปิดลำโพง โทรศัพท์ใช้ตัวช่วยที่มีอยู่ทันที 555 พลางส่งเสียง ทักทายแบบ งูๆ ปลาๆ
Hello, may I help you madam?
yes, I have foods, chicken,burcer,spaghetti,and bacon.
yes, madam what I do for you? ฉันพูดสุ่มๆ ไปงั้น พลางกระซิบถามพี่ริน ว่าอะไรพี่ริน 
ไม่ได้ยิน เสียงพี่รินตอบชัดเจนแบบช่างเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ อิอิ ตอนแรกฉันคิดในใจว่าแหม่ม คงเอาอาหารพวกนี้มาให้เด็กๆ ทานกันแล้วคำตอบของแหม่ม ทำให้ฉันอึ้ง กิม มี่ 
For dogs. 
พร้อมยื่นถุงอาหารให้ฉัน  ฉันฉีกยิ้มสยามให้แหม่มพร้อมร้อง
Oh thank you madam for dogs ha ha 

"yes, for dogs ha ha  เสียงหัวเราะของฉันกับแหม่มดังขึ้นพร้อมๆกัน แต่เสียงหัวเราะของแหม่ม ดังจากความปลาบปลื้มใจในการกระทำ ส่วนของฉันดังจาก การอิจฉา หมารีสอร์ท 

 
dscf2606xj2.jpg

น้องครีมกะหมารีสอร์ท				
13 มีนาคม 2551 10:17 น.

ที่ผืนสุดท้าย

กชมนวรรณ

 
uxtr7480.jpeg&usg=AFQjCNGgFkeZZ9WYE5WYrT

ออกไปจากที่ดินกู...พวกแกมาทำอะไรกะ ที่ดินกูว่ะ ไป๊ เสียงตาอิน ตะโกนโหวกเหวก พร้อมมือที่กำพร้า กวัดแกว่งไปมา พยายามที่จะไล่พวกเจ้าหน้าที่รางวัด ที่ดินสองคน และ แทรกเตอร์เกลี่ยที่พร้อม คนขับที่พยายามขับรถดันเข้าไป ในที่ผืนสุดท้ายของลุงอิน ชายวัย 65 ปีเศษ 
แต่พวกเรา จะเข้ามาทำรางวัด ที่ดิน เจ้าของที่เค้าจ้าง พวกเรามานะลุง
เจ้าของที่ก็ กู นี่แหละ โว้ย ไป พวกมึงออกไปเดี๋ยวนี้ กูไม่ยอมให้พวก มึงมาทำอะไร กะที่ดิน ผืนสุดท้ายของกู อีกแล้ว น้ำเสียงที่เคยดัง อย่างคนเข้ม แข็ง มาถึงตอนนี้รู้สึก จะค่อยลง เหมือนลุงอิน จะสำนึกเหตุการณ์ใดขึ้นมาได้
แต่ คุณวิวัฒน์ เจ้าของที่เป็นคนจ้างเรานะลุง ลุงจะบอกว่าเป็นเจ้าของได้ยังไง
โว้ย ไอ้วัฒน์ มันจะมาเป็นเจ้าของได้ยังงัยว่ะ พวกแกไปถามชาวบ้านเค้าซิ ทั้งหมู่บ้านเค้ารู้กันหมดว่าที่ตรงนี้ เป็นที่ของกู  กูอยู่ของกูมาจนอายุปูนนี้เข้าไปแล้ว พวกแกอย่ามาหน้าด้าน คงเห็นว่ากูแก่แล้วซิ เชอะ เดี๋ยวกูฟัน กะมีดพร้าไม่รับผิดชอบ นาโว้ย ตรงนี้มันที่ของกู

            ก่อนที่จะมีการประมือกันเกิดขึ้น เสียงรถยนต์คันหนี่งวิ่งมาจอดใกล้กับที่ลุงอิน ยืนอยู่ พร้อมคนขับรถก้าวลงมา เดินมาหาลุงอิน เหมือนกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ ระหว่าง ลุงอินและคนของตน ในมือ ถือเอกสารบางอย่าง เมื่อถึงที่ลุงอินยืนอยู่ .วัฒน์ ก็ยื่นให้ลุงอินพร้อมเสียงกล่าว ที่ทำให้ลุงอินรู้สึก เข่าอ่อนทันที
ลุงอิน ยุพิน เค้าเอาโฉนด ที่ผืนนี้มาตั้งจำนองไว้หลายเดือนแล้ว และมันก็หลุดแล้วด้วย ยุพิน เลยตัดสินใจที่จะขายให้กับผมแล้วครับ ผมจ่ายเงินก้อนสุดท้าย 300.000.- บาทให้ยุพินไปเดือนก่อนแล้วนี่ครับหลักฐาน
แก ไม่ต้องมาโกหก ข้าไอ้วัฒน์ อย่าเห็นว่าข้าเห็นแกเป็นลูกเป็นหลานแล้วจะมาหลอกเอาที่ดินของข้าได้นะโว้ย ลุงอินเปลี่ยนคำแทนตัว จากกู เป็น ข้า เพราะเกรงใจวัฒน์ เด็กหนุ่มรุ่นลูก ที่เวลาเดือดร้อน เรื่องเงิน ชาวบ้านจะพึ่งพา วัฒน์ นี่แหละ เอาของวางบ้าง กู้เงินบ้าง ฯลฯ
ก็ลุงอินดูเสียก่อน แล้วค่อยพูด ที่ผมรับซื้อเพราะเห็นว่าที่ตรง นี้มันติดกับผืนก่อน ที่ยุพิน เค้าขายผมมาแล้วมันจะได้เป็นที่ผืนเดียวกันอีกไง ลุง
ลุงอิน ยื่นมืออันสั่นเทาไปรับเอกสารที่วัฒน์ ยื่นให้ดูทั้งหมดเป็นเอกสารที่ถ่ายเอกสารมาทั้งหมด แต่แสดงความเป็นเจ้าของที่เปลี่ยนเป็นชื่อของวัฒน์ไป เมื่อเดือนก่อนจริงๆ ลุงอินยืนเหม่อสักครู่ แล้วโยนกระดาษทั้งหมดนั้นทิ้งไปพร้อม เดินหันลังกลับบ้าน ตรงไปห้องนอน ในบ้านชั้นเดียว ที่อยู่ติดกับที่ผืนสุดท้ายของแก เปิดตู้ไม้เก่าๆ ที่ไม่มีทั้งกุญแจล๊อค และ มีเพียงชั้นวางด้านบนชั้นเดียวที่แกใช้เก็บ ของสำคัญต่างๆ ไว้ รื้ออยู่นานกไม่เห็นในสิ่งที่ตนหา แกตะโกนเรียก นางทอง ทันที
ทอง ทอง ทองโว้ย มานี่หน่อย นางทองซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ รู้ว่าเกิดอะไรขี้น เดินเข้ามาหาลุงอิน พร้อมบอก
อีนุ้ย มันเอาไป วางเค้าจริงๆ นะแหละพ่อ ที่นี้มันจะหลุดจำนอง มันเลยขายเสีย ก็เงินที่ซื้อรถกะบะ ให้เจ้าวินผัวใหม่มันขับไง ไม่งั้นไอ้วิน มันบอกว่ามันจะเลิก กะอีนุ้ยเรา ถ้าไม่มีรถขับ เพราะอีนุ้ยเรา เป็นแม่หม้ายลูกติด มันเป็นลูกบ่าว เค้า เรื่องรัย จะมารับ เลี้ยงลูกคนอื่นตั้งสามคน 
แล้ว มันเลี้ยงที่ไหนกูนี่เป็นคนเลี้ยงหลานกูเอง แม่มัน ดูแลที่ไหน ได้ผัวใหม่ ก็ทิ้งลูกให้อยู่กะข้า ข้ารับส่งไปโรงเรียนก็ข้า ค่าขนม ก็เงินข้า มันสองคนผัวเมียเคยมาดูแล บ้างไหม? แล้ว ที่อีนุ้ย มันอุ้มท้องอยู่อีกหนึ่งนะลูกมันไม่ใช่หรอ แล้วทำไม ต้องมาผลาญสมบัติกู 
เสียงลุงอินแผ่วเบาลง และเดินไปทรุดตัวนอนบนแคร่ไม้หน้าบ้านหันหลังให้นางทอง พร้อมสมองของชายชรา คิดย้อนกลับไปเมื่อ ลูกสาวคนแรก และคนเดียว แต่งงานครั้งแรกแกปลื้มใจหนักหนา จัดงานแต่งให้ลูกสาว อย่างไม่อายชาวบ้านชาวช่องก็แกมีลูกสาว คนเดียว หนำซ้ำ ลูกสาวยังสวยสมใจพ่ออย่างแก แกยอมทุ่มเท ทำงาน กรีดยาง ส่งเสียให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ โดยหวังใจให้เรียนสูงๆ แกกำลังของแก จะหมด แต่แกก็พร้อมที่จะยอมขายที่สักที่ เพื่อส่งเสียลูกสาวคนนี้ให้ถึงที่สุด แต่ยุพิน เรียนพาณิชย์ได้แค่ปวช. ปีสาม วันหนึ่งเดินเข้ามากับเด็กผู้ชายวัยมากกว่ายุพิน และบอกลุงอินว่า ท้อง ให้พ่อช่วยจัดงานแต่งงานให้หน่อย แม้จะอยากให้ลูกสาวเรียนสูงกว่านี้ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ลุงอินก็ยอมรับ ได้เพราะความรักลูกสาวคนเดียวที่แกรัก และคิดว่า เด็กสองคนคงจะช่วยกันทำมาหากิน บนผืนแผ่นดิน มรดกที่แกก็ได้รับ มาจากบรรพบุรุษ อีกทีซึ่งมันคงมีมากพอ ที่จะให้ลูกและหลาน ที่กำลังจะเกิด ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อดำรงชีพต่อไป ในยามที่ไม่มีแกและยายทองแล้ว นอนย้อนคิดพลางน้ำตา ทองอินไหลพราก เอื้อม ดึงผ้าขม้า ที่เอวขึ้นมาเช็ดน้ำตา 
จนยุพิน มีลูกกับสามีคนแรก สองคน ที่ดินที่ลุงอินหวังว่าจะเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลาน โดนยุพิน แบ่งขายไปทีละแปลงๆ เพื่อมาเปลี่ยนเป็นรถกะบะให้สามี การงานสองสามีไม่ยอมทำเป็นหลักแหล่ง เมื่อเนิ่นนานมาหลายปีลุงอินเห็นท่าไม่ดี เลย แบ่งเงินที่ยุพิน ขายที่ครั้งนั้น มาปลูกเป็นห้องแถวเพื่อให้ คนอื่นได้มาแบ่งเช่า เพราะตัวแกเองก็ ชรามากแก้วแถม ยังเป็นคนขี้เหล้าในสายตา ของคนในหมู่บ้านอีก น้ำตาพ่อไหล ในใจคิดว่าลูกหนอ ทำกับพ่อได้ ขนาดนี้ ใช่สามีคนแรก ที่เลิกกัน ยุพินได้สามีคนที่สอง ก็แบ่งที่ขายซื้อรถกะบะ ให้สามีคนที่สองอีกครั้งหัวใจพ่อ ที่มองดูการกระทำของลูกรัก ชักเจ็บไร้เรี่ยวแรง แต่ด้วยความรักลูก สงสารลูก ที่ตกเป็นหม้ายสามีคนแรกทิ้ง เลยยอมตามใจลูกสาวอีกครั้ง แต่ยุพิน ก็ไม่สามารถ ที่จะ พาชีวิตคู่ครั้งที่สอง ให้ผ่านพ้นด้วยดีตามความตั้งใจของผู้เป็นพ่อ อีกแล้ว ลุงอินไม่โทษ ลูกสาวอีกตามเคย ได้แต่คิดสงสารในความอาภัพ เรื่องความรักของลูกสาวคนเดียว เฝ้าคอยเลี้ยงหลาน จนโต รับส่งไปโรงเรียน โดยไม่ให้เป็นภาระของลูกสาว จนมาถึงวันนี้ที่ดินแปลงที่ติดกับที่บ้าน ที่อยู่มาโดน ลูกรัก ทำเหมือนก่อน แต่ครั้งนี้ ยุพินไม่ได้ปรึกษาแก ยุพิน กลับขโมย โฉลดปลอมลายมือ พ่อ ลูกรัก แกช่างทำกับพ่อ แม่ได้ถึงเพียงนี้ ตาอินนอนคิดด้วยความระทมใจ

               หลังจากวันนั้น ลุงอิน กลายเป็นคนที่ดื่มเหล้ามากขึ้น และพูดจาพล่ามมากขึ้น กูอยากตาย...ถ้ากูยังอยู่ไปนานกว่านี้...กูจะซุกหัวนอนที่ไหน
            วันหนึ่งอาการลุงอิน หนักขึ้นเรื่อยๆ นางทองเฝ้าโทษที่ตาอิน กินแต่เหล้า ที่สุดก็ต้องถึงมือหมอคุณหมอวินิจฉัย ออกมาว่า ตาอิน เป็นมะเร็ง ตับระยะสุดท้าย ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ตาอิน บอกกับหมอว่า
ผมยังเหลือ บ้านทื่ซุกหัวนอน คุณหมอ ยังไงผมขอกลับไปนอนที่บ้าน ไม่ขอนอนที่โรงพยาบาลหรอก
ไม่ว่าหมอ หรือ ยายทอง จะทัดทานอย่างไร ตาอิน ยืนยันขอกลับไปบ้านแต่รับปากหมอ ว่าจะมารักษา ตามที่หมอนัด หมอจึงจ่ายยา และ คุยให้ยายทอง พยายามโน้มน้าว ให้ตาอิน มารักษาตัวที่โรงพยาบาลให้ได้ ยายทองได้แต่รับปาก หมอ ไปให้ผ่านๆ เพราะรู้นิสัยของสามีตนดี

                 กลับมาบ้าน ตาอิน ไม่ยอมออกจากห้องนอนของแก ไม่ยอมไปรักษา ตัว นอนอยู่บนแคร่ ไม่ไผ่ หน้าบ้านบางครั้ง คืนหนึ่ง ตาอิน นอนย้อน นึก ไปคราวที่แกแต่งงานกะยายทอง เมื่ออายุ มากแล้ว แต่งกันมาหลายปีไม่มีลูกสักที แกเห็นเพื่อน มีลูก ให้ชมเชย อยากมีลูกมาก แกจึง ยกมือ ขึ้นฟ้า อธิฐาน ข้าแต่ฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากมีลูกหลานสืบสกุล สักคนสองคน ช่วยประทานลูกได้ข้าได้ชื่นใจ หน่อยเถอะ แล้วข้าจะหาหนัง ตะลุงนครินทร์ (ชาทอง) มาเล่นถวาย  ซึ่งในสมัยนั้นเป็นที่นิยม ของคนใต้ และ เป็นคณะหนังที่มีค่าตัวแพง มาก 
ไม่นานยายทอง ก็ตั้งทอง และได้ ลูกสาวคือ ยุพิน มาเป็นขวัญและกำลังใจให้ตาอินและยายทอง เลี้ยงดูอย่างดี
จนมาคืนนี้ ตาอิน คิดได้เพียง ลูกเอ๋ย หากพ่อรู้ว่าจะมีวันนี้ พ่อยอม ที่จะไม่มีเจ้า แต่ไปขอเด็กกำพร้าสักคน มาเลี้ยงพ่อ อาจไม่ต้องเสียใจมากถึงขนาดนี้ เพราะหากเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ลูกพ่อ คงไม่เสียใจ เท่ากับลูกแท้ๆ ทำกับพ่อ แต่อย่างไร พ่อก็ยังรัก หลานลูกของเจ้า ยังห่วงพวกเขา ไม่หวังอะไรจากเจ้าอีกแล้ว ลูกสาวพ่อ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของตาอิน ล่องลอยออกจากร่าง ไปกับความห่วงใยในหลาน มรดกรุ่นถัดมา ที่ลูกสาวแกสร้างไว้ให้นั่นเอง .....ไปดีเถิดตาอิน สุดท้ายตา ก็ไม่ต้อง อยู่อย่างคนไม่มีที่ซุกหัวนอนอย่างที่ตากลัวนักหนา ตายังได้อยู่ในบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตาตลอดไป..               


 
1175938880.gif

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกชมนวรรณ