6 ตุลาคม 2550 07:25 น.

@บทลงโทษ@ ^-^

กชมนวรรณ

 
373ir5.gif

kapook40230bt7.gif

^O^ คำแนะนำ หากท่านกำลังรับประทานอาหารอยู่โปรดแวะไปอ่านเรื่องอื่น ก่อนนะค่ะ เพราะบทลงโทษครั้งนี้ โหดร้าย ทารุณมากท่านอาจทานอาหารไม่ลงก็ได้ ขอบคุณค่ะ ทานเสร็จแล้วแวะมาอ่านใหม่นะค่ะ ด้วยรักและห่วงใย จากผู้เขียน^-^


พี่มอส บอกให้เปิดช่องเจ็ดไม่ได้ยินหรื่องัย หา
พี่จะดู ช่องนี้นะมุกเรานะดูแต่ละคร น้ำเน่าไร้สาระ น่าเบื่อ โตแล้วนะ
แล้วพี่มอสล่ะ โตเป็นควายตัวผู้แล้วยังจะดูการ์ตูนอาโนเนะอยู่อีกหรอ
การ์ตูนนี่มันสรรสร้างปัญญา นะมุกมุกดูซิ มันชวนให้เราคิดตามตลอดเวลา เราต้องพิจารณาหาคนร้ายให้ได้ว่าใครเป็นฆาตกร มันต้องใช้สตินะมุก แต่ละครของมุกนะ แค่ดูแป๊บก้อรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เจ้าเมื่องต้องเชื่อคนโกง นางเอก ซื้อบื้อ สู้ใครก็ไม่ได้ พระเองก็หูเบา ไม่น่าเป็นพระเอก
แล้ว งัย มุกชอบของมุกแบบนี้นี่ มันหนักหัวใครที่ไหน ความชอบมันห้ามกันได้ที่ไหน
ถึงว่างัย มีถึงชี้ให้มุกเห็นข้อดี ข้อเสียในสิ่งที่เราต้องรับเข้าสมองเยาวชนอย่างเรานะ ต้องมีสติปัญญารู้จักคิด แก้ไขทุกสถานการณ์ นะมุก

เสียงเจ้าสองคนฝาแฝดหญิงชาย ยิ่งส่งเสียงดังเข้ามาในห้องของนิ่ม ซึ่งนอนฟังอยู่แต่ลุกไม่ขึ้นเพราะรู้สึกปวดท้องอย่างมาก เมื่อคืนนี้นิ่มไปงานเลี้ยงกับเพื่อนปล่อยเจ้าแฝดกับพ่อเค้า แล้วสารพัดอาหารที่นิ่มสุมลงท้องไปนิ่ม รู้สึกว่ามันจะสะสม จนท้องนิ่มอืด ลุกนั่งห้องน้ำแล้วก้อยังไม่หายมันยังอุดอู้อยู่ในห้องของนิ่ม จนปวดหาย ปวดหาย เป็นระยะ แล้วกลับมาดึกแล้วด้วยเพื่อนมันดึงจนเกือบ สองยาม กว่าจะถึงบ้านป่านนี้พ่อบ้านคงนั่งฟังเสียงนกกรงหัวจุก อยู่ที่ร้านกาแฟแล้วมั้งถึงได้ยินแต่เสียงวัยรุ่นสองตัวนั่นเถียงกันดังลั่น ขนาดนี้ นี่ขนาดอายุ 13 ปีเข้าไปแล้วนะ เจ้าสองคนนี่ไม่เคยที่จะยอมใครสักคนหรอก แล้วทีวีนะมีอีกเครื่องในห้องข้างๆ อีกคนไม่ยอมเสียสละไปดูหรอกความอยากเอาชนะ จะเอาให้ได้ว่างั้นเถอะ 
นี่มุก มุกไปดูอีกเครื่องไป เดี๋ยวจบเรื่องนี้แล้ว พี่จะดูอีกเรื่องต่อ
ได้งัย พี่มอส ให้มุกดูเครื่องเล็ก พี่มอสดูเครื่องใหญ่ ไม่เอาเปรียบน้องไปมากหรอ เป็นพี่ประสารัยไม่เสียสละให้น้องอ่ะ
นี่มุก  พี่ดูอยู่ก่อนนะ มุกมาทีหลังมุกก้อต้องไปดูอีกเครื่องซิ
ไม่เอา เอารีโมทมาให้เค้าเดี๋ยวนี้นะ
ไม่ให้ ไปอีกเครื่องซิ
นิ่มไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งบางเรื่องของลูกบางครั้งจะปล่อยให้เค้าทะเลาะกันจนพี่ยอมน้องหรือไม่น้องก้อยอมพี่ไป แล้วแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองไป เหมือนทุกครั้ง แต่หากเป็นการต่อปากต่อเสียงชักหนักยิ่งขึ้นแบบนี้เดี๋ยวได้มีออกแรง กันสองคน ไม่ว่าจะโตแล้วนะแต่บทจะลงไม้ลงมือกันเจ้าสองคนนี้ไม่มีใครยอมใครเหมือนกัน ซึ่งนิ่มไม่อยากให้พี่น้องต้องลงไม้ลงมือกัน แค่พอเถียงปะคารม โต้ความคิดเห็นกัน นั้นนิ่มชอบที่จะฟังความคิดเห็นของลูกและนำมาปรับสอนเจ้าแฝดทั้งสองประจำ แต่วันนี้สงสัยปล่อยไว้ไม่ได้แล้วเดี๋ยวคงได้ตีกันแน่ๆ นิ่มสลัดผ้าห่มฝืนลงจากเตียงทั้งชุดนอนแบบกระโปรงยาวผ้าฝ้าย ที่สวมสบาย ไม่บางแต่เบาเปิดประตูออกมาพอดีเห็นเจ้ามุกกำลังยื้อมือที่ถือหมอนอิงใบใหญ่ กำลังจะฟาดหัวเจ้ามอสพี่ชายอยู่ ส่วนพี่ชายก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ท่าเตรียมรับอาวุธ น้องสาวฝาแฝดก็คือยกเท้ายันตัวน้องไว้แล้วเตรียมอาวุธ หมอนอิงใบใหญ่อีกใบเพื่อสวนกลับ แล้วพี่แกกะแบบตรงแสกหน้าน้องสาวตัวดีด้วยนะนั่นนะอีกมือกำรีโมทแน่นซะด้วย
โถ่ ลูกรักทั้งสองของแม่นิ่มคิด ช่างไร้เดียวสานัก ทำอย่างไรได้เราคนเป็นแม่ต้องสอนลูกให้รู้ผิดรู้ถูก และมีความรักใคร่สามัคคีกันภายในบ้าน ยิ่งตอนนี้เค้ารณรงค์ กันอยู่รากฐานที่บ้านแน่นเยาวชนดีไปครึ่งแล้ว พร้อมเสียงนิ่มตะโกนออกไปอย่างไม่นิ่มสมชื่อ
หยุด เดี๋ยวนี้นะ ทั้งสองคน ได้ผล ทั้งสองคนรีบเอามือและเจ้าตัวที่ยกเท้าก็เอาเท้าลงหันหน้ามาทางแม่นิ่ม ตามแม่มานี่ทั้งสองคน มานั่งในห้องแม่นี่ เดี๋ยวนี้
เจ้าแฝดทั้งสองเดินก้มหน้าตามแม่เข้าห้อง ได้ยินแม่บอก นั่งลงที่ปลายเตียงทั้งสองคน เดี๋ยวนี้
ว่าแล้วนิ่มจึงยืนข้างหน้าลูกทั้งสอง พร้อมยกมือขึ้นกอดอก เดินกลับไปมา ระหว่างทั้งสองคน
ขยับเข้านั่งชิดกัน อีกทำมัยเราเป็นศัตรู กันหรือว่าเป็นพี่น้องกันหรอ
เจ้าสองคนรู้สึกผิดที่ทำให้แม่ต้องลุกขึ้นมาทั้งที่ไม่สบายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่กว่าจะคิดได้ก็โดนแม่เรียกมานั่งเรียงหน้า ชิดติดกันเพื่อเทศอีกแล้ว เรื่องสำนึกผิดนะ พอจะคิดได้แล้วล่ะ แต่เรื่องจะยอมเป็นคนผิดนี่อีกเรื่องหนึ่ง ทั้งสองคนคิดเหมือนกัน บอกซิ เกิดอะไรขึ้น เล่ามาเอามุกเราเป็นน้องแล้วผู้หญิงด้วยแม่อนุญาต ให้เล่าก่อน มอสได้ยินก็กลัวว่ามุกจะเอาความดีใส่ตัวโยนความผิดมาให้ตัวเอง จึงรีบท้วงแม่ แม่ ฮะ มุกเป็นคนเริ่มก่อนต้องให้มอสเล่าก่อนซิฮ่ะ
ตัวเป็นผู้ชายนะ พี่มอส เสียงมุกแปร๋ดไม่ต่างกัน ก้อตัวเองเริ่มก่อนนี่
ก้อ เค้าจะเล่าให้แม่ฟังก่อนนี่  ก้อเราเริ่มก่อนนี่
นิ่มเกิดความรู้สึก มึนขึ้นมากับเจ้าสองตัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยทะเลาะกันแล้วแม่ตัดสินให้ นี่ มันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้นิ่มเริ่มจากปวดหัวก่อน ตามมาด้วยอาการมวลท้อง อย่างแรง แต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ กำลังจะบอกให้ลูกหยุดพูดก่อน ก็ได้ยินเสียงเจ้ามุกพูดขึ้นว่า พี่มอสไปเอากระโปรงมุกมาใส่ก่อนสิ แล้วมุกจะให้พี่มอสเล่าให้แม่ฟังก่อนก้อได้
เอ๊ะ มุกชักจะลามใหญ่แล้วนะเรา พี่ว่าพี่ทนไม่ไหวแล้วนะ นิ่มสุดที่จะฟังลูกทั้งสองทะเลาะกันต่อหน้าในระยะใกล้ขนาดนี้ได้อีกแล้ว ตะโกนออกไปด้วยความลืมตัว หยุ้ดดดดดดดดดดด เดี๋ยวนี้นะทั้งสองคน พร้อมอีกเสียง พร้อมกลิ่นตามมาตลบทั้งห้องนอน ปู้ดดดดดดดดดด แม่ แม่อ่ะ  เจ้าสองคนร้องเสียงหลง นิ่มยืนทำหน้านิ่งพร้อมพูดต่อ เอาล่ะนี่ถือเป็นการลงโทษเราสองคน แล้วห้ามออกจากห้องแม่ภายใน 5 นาทีนี้หลังห้านาทีไปแล้วค่อยออกมาทีละ คน แม่จะจับเวลาไว้ด้วยใครออกก่อน แสดงว่าคนนั้นเป็นคนผิด แม่จะลงโทษคนนั้นอีกครั้งจำไว้ ว่าแล้วนิ่มก็สะบัดกระโปรงผ้าฝ้ายตัวโปรดอีกครั้งเพื่อไล่กลิ่นที่อาจติดอยู่กับเสื้อ ออก รีบเปิดประตูห้องนอนออกไปอย่างรวดเร้ว จุดหมายคือห้องน้ำข้างหน้า ปล่อยเจ้าตัวแสบสองตัวให้รับโทษต่อในห้องนอน ก่อนปิดประตูห้องนอนนิ่ม ยังแว่วเสียง อู้อึ้ของลูกทั้งสองว่า แหวะ.........แต่นิ่มเชื่อว่าไม่มีใครยอมออกมาจากห้องก่อน ห้านาทีแน่นอน ห้านาทีนี้นิ่มเชื่อว่าตัวเองได้จัดการเรื่องอาการป่วยของตัวเองได้เช่นกัน.....
 
 
kapook13069qv4.gif

				
29 กันยายน 2550 14:47 น.

...หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ....

กชมนวรรณ

 
14382320qg5.png

kapook33301ez4.gif

ฝากหัวใจ ให้กัน เอาไว้ก่อน 
ที่เราจะต้องห่างเหินไป
เผื่อว่าเรา ลำบาก อยู่หนใด 
หัวใจก็ยังมีคน ดูแล
อาจจะมี บางคราว เราพบใครใหม่
เกิดหวั่นไหว ไปตามประสาคนไกลกัน
แต่เรายังมีใจกันไว้ไม่หวาดหวั่น
จะไม่เหลือดวงใจ ที่คิดเผื่อใคร
สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ ให้เราคอยดูเสมอ
หากเราเผลอลืมไป แล้วดวงใจจะหาย
หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ
เก็บเอาไว้จนวันที่ฉันเคียงคู่เธอ

ฝากหัวใจ ให้กัน เอาไว้ก่อน 
ที่เราจะต้องห่างเหินไป
เผื่อว่าเรา ลำบาก อยู่หนใด 
หัวใจก็ยังมีคน ดูแล
อาจจะมี บางคราว เราพบใครใหม่
เกิดหวั่นไหว ไปตามประสาคนไกลกัน
แต่เรายังมีใจกันไว้ไม่หวาดหวั่น
จะไม่เหลือดวงใจ ที่คิดเผื่อใคร
สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ ให้เราคอยดูเสมอ
หากเราเผลอลืมไป แล้วดวงใจจะหาย
หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ
เก็บเอาไว้จนวันที่ฉันเคียงคู่เธอ
สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ ให้เราคอยดูเสมอ
หากเราเผลอลืมไป แล้วดวงใจจะหาย
หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ
เก็บเอาไว้จนวันที่ฉันเคียงคู่เธอ.....

ติ๋มนั่งฟังเพลงโปรดของพี่เบิร์ด เพลงๆนี้ติ๋มสามารถฟังได้วันละหลายรอบแม้ จะเป็นเพลงเก่าของพี่เบิร์ดไปแล้วแต่มันยิ่งฝังลึกลงในดวงใจของติ๋มทุกครั้งที่ฟัง เพลงนี้ ท่าที่ติ๋มนั่งฟังเพลงนี้ทุกครั้งเพื่อให้ได้อารมณ์สุดๆ คือยกเข่าข้างหนึ่งเพื่อยันหน้าตัวเองพร้อมมือประคองศรีษะมองท้องฟ้า อีกมือกุมหัวใจดวงน้อยๆ เอาไว้เพื่อให้มันอบอุ่นติ๋มเชื่อว่ามันเป็นวิธีดูแลหัวใจ อีกทางหนึ่งเหมือนกัน วันนี้ก็เหมือนกันติ๋มซักผ้า นั่งยองๆ ข้างกะละลัง พร้อมนุ่งกระโจมอก เปิดเพลงฟัง พร้อมในใจคิดถึงสามี พี่บุญ ที่ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับบ้านปล่อยให้ติ๋มรอ ด้วยการถูบ้าน ถูห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ฯลฯ ทั้งคืนโดยไม่คิดนอนเลย เพื่อรอพี่บุญกลับบ้าน จนเช้าด้วยความเป็นห่วงสามี ทำให้ติ๋มไม่สามารถที่จะข่มตาให้หลับลงได้ แม้ว่ามันแทบจะปิดอยู่แล้วก็ตาม เสียงเพียงแว่วหวาน ติ๋มนั่งขยี้ผ้าด้วยท่าทางเหม่อลอย คิดถึงชีวิตรักของตัวเองกับพี่บุญ ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ปีนี้ก็เป็นเวลา 7 ปีแล้วติ๋มเคยได้ยินพวกดาราในทีวีว่ากันว่าหากผ่านเจ็ดปีนี้ไปได้ ชีวิตคู่ก็สามารถที่ได้เป็นคู่แท้ ติ๋มหวังอย่างนั้น และเมื่อวานเป็นวันสิ้นเดือนเงินเดือนพี่บุญออก คงแวะสังสรรค์กับเพื่อนเหมือนเดิม และวันนี้ไม่รู้ว่าพี่บุญจะจำได้ หรือเปล่าน้าว่าเป็นวันครบรอบ 7 ปีที่หนีตามกันมา เอ หรือว่าพี่บุญจะแวะหาซื้อ ของขวัญมาเซอร์ไพร์ติ๋ม คิดมาถึงตรงนี้ทำให้ติ๋มรู้สึกมีกำลังขยี้ผ้า ที่สกปรกให้หนักขี้น พร้อมยิ้มคนเดียวอย่างมีความหวัง ติ๋มเป็นคนโรแมนติก มากๆ รักพี่บุญอย่างหมดหัวใจ ตลอดเจ็ดปีที่อยู่ด้วยกันมา ติ๋มอยากมีลูกแต่พี่บุญบอกว่ายังไม่พร้อมอยากอยู่กันสองคนมากกว่า ติ๋มก็ไม่ว่า เพราะตามใจพี่บุญแล้วแต่พี่บุญ อยู่แล้ว พี่บุญทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ส่วนติ๋มทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำงานเช้าไปเย็นกลับดูแลคนแก่ ที่ลูกหลานออกไปทำงานหมด จ้างติ๋มให้คอยดูแล แต่ไม่ได้ค้างบ้านเจ้านาย 
   เพลงจบไปแล้ว ติ๋มขยับตัวเพื่อ ที่จะรีเพลย์ ให้เริ่มเพลงครั้งใหม่ ก็บอกแล้วว่าติ๋ม ฟังเพลงนี้จนมันผังลึกเข้าในหัวใจแล้ว และไม่เบื่อที่จะฟัง พร้อมท่อนเพลง หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงหมาข้างบ้าน เห่าเสียงขรม ได้ยินเสียงพี่บุญ ตะโกนด่าหมา ขรมเหมือนกัน เอ๊ะ พวกมึง ไม่รู้จักกู อีกแล้วไอ้พวกหมา ไร้สกุล พวกนี้เด่ว แม่งแตะคอหัก ให้หมด เดี๋ยวเถอะ พวกเอ็งระวังตัวให้ดีนะ ข้าจะซัดพวกแกให้ลงดิ้นทีละ ตัวๆ  แม่ง เห่าอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อ หรือไงว่ะไอ้พวกนี้  ติ๋มยิ้มรับถ้อยคำอันแสนจะน่าฟัง และช่างคิดของพี่บุญ พร้อมยืนต้อนรับสามี หวังจะรีบไปรับหน้า เพื่อแสดงว่าติ๋มไม่โกธร พี่หรอกที่เมื่อคืน พี่ไม่ได้กลับบ้าน ก็ไม่ใช่ไม่เคยนี่น่า มันเกิดเป็นประจำอยู่แล้ว เดือนหนึ่ง ก้อ อย่างน้อย 4-5 วันละ แหมแค่นี้ด้วยความรักของติ๋มที่มีต่อพี่บุญไม่คิดมากหรอกยิ่งวันนี้เป็นวันพิเศษ อย่างที่บอก อีกอย่างพี่บุญนะเป็นคนคุยเก่ง สังคมเก่ง เจ้านายก็ชอบเรียกใช้บ่อยพี่บุญ บอกติ๋มอย่างนี้ แล้วอย่างติ๋มนะ ติดหน้าตาขี้เหร่ นิดๆ พี่บุญยังมองข้ามไปได้เลย เลือกติ่มมาเป็นคู่ชีวิต โดยไม่อายใครแค่นี้ติ๋มก็ถือเป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว
อย่างนี้จะไม่ให้ติ๋ม รักและปลื้มพี่บุญ สุดชีวิตได้อย่างไรเล่า ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดของทั้งสองคนวันเป็นวันพิเศษจริง ๆ ครบรอบ 7 ปีที่หนีตามกันมา วันเงินเดือนออก และวันหยุดตรงกัน งานบ้านติ๋มทำหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนตอนรอพี่บุญ นี่ซักผ้าเสร็จเป็นอันว่า เราสองคนจะมีเวลากันทั้งวัน ติ๋มยิ้มทั้งปากและใจ ต้อนรับสามีที่ยังยืนทะเลาะกับหมาของเพื่อนบ้านเหมือนจะเอาชนะหมาให้ได้ อย่างไงอย่างงั้น ติ๋มเลยเดินออกไปเกาะแขนพี่บุญที่ยืนโยนเงน อยู่เหมือนจะล้มไม่ล้มดีพร้อมกลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายไปทั่ว ผมเผ้ายุ่งเหยิ่ง มิน่าหมามันถึงจำพี่บุญรูปหล่อของติ๋มไม่ได้ ขนาดติ๋มเองยังต้องฟังเสียงพูดอ้อแอ้ ที่ชาชินถึงจะจำได้  พร้อมบอก พี่จ๋า เข้าบ้านเราเหอะ มัวทะเลาะอยู่กับหมามันทำไม วันนี้วันพิเศษ สำหรับเรานะจ๊ะ พร้อมลากแขนพี่บุญเข้าบ้าน รัยว่ะ ยังไม่รู้แพ้ ชนะเลยนังติ๋ม ปล่อยๆ ต้องสั่งสอนมันมั่ง พวกหมาไม่มีสกุลรุนชาติพวกนี้ เดี๋ยวมันเหลิง ไม่ได้ๆๆๆ
น่า พี่ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใหม่ มันก้อเข้ามาเคลียคลอ อี่อ่อ ขอคืนดีพี่เอง แระ ตอนนี้มันคงจำพี่ไม่ได้นะจ๊ะ  เออ ฝากไว้ก่อนนะ พวกมึ้ง พร้อมชี้มือไปทางบรรดาหมาที่ยืนเห่าขรมอยู่
เมื่อลากพี่บุญเข้าบ้านได้แล้ว ติ๋มรีบถาม พี่จ๋า วันนี้วันอะไรเอ่ย  วันอาทิตย์ ซิว่ะ ถามรัยโง่จิงแกนี่ แล้วมีรัยกินมั่งล่ะ นี่หิวนะ เมื่อคืน แดก แต่เหล้า ไม่มีรัยลงท้องเลย หารัยให้กินหน่อยโว้ย หิว
เดี๋ยว นะพี่ฉันไม่ได้ทำอะไรไว้ด้วย มัวแต่ทำงานบ้านตั้งแต่เมื่อคืน เอาเป็นว่าพี่ถอดเสื้อผ้า มานะจ๊ะเดี๋ยวติ๋ม จะเอาไปซักให้ แล้วพี่ก็อาบน้ำก่อนนะจ๊ะ ติ๋มจะออกไปซื้อราดหน้าปากซอยมาให้คงพอดีพี่อาบน้ำเสร็จแระจ๊ะ เออ เร็วๆ นา โว้ยหิว 
เอ่อ พี่จ๊ะ เมื่อวานเงินออกใช่มะจ๊ะ เอามาให้ติ๋มเก็บนะ ติ๋มจะเก็บไว้เพื่อนอนาคตของเราและลุกนะจ๊ะ
อื่อ อยู่หนายหว่า พลางล้วงทุกกระเป๋า อ้อ อยู่นี่เองเอ้า เอาไป
หา อะไรพี่ เหลื่อแค่นี้อีกแล้วหรอ 650.- นี่นะ
เออ ก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าสังคมพี่มันเยอะ
แต่ แค่คืนเดียวนี่นะพี่ใช้ไป  เจ็ดพัน เหลือให้ฉันใช้จ่ายในบ้าน 650.-ตลอดเดือน แล้วค่าเช่าบ้าน ค่ากิน จิปาถะอีกล่ะพี่
เอาน่า ติ๋มจ๋า พี่บอกแล้วว่าเราอยู่กันแบบพอเพียง ประหยัดกันหน่อย พี่รู้ติ๋มของพี่เป็นคนเก่งพี่ถึงให้ติ๋มบริหารเงินทั้งหมดงัยล่ะจ๊ะ ไม่งั้นพี่ไม่ยอมหรอก พี่นะโชคดีนะได้ติ๋มมาเป็นเมียแก้วของพี่นี่
แหม พี่ก้อ ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวติ๋มไปซื้อราดหน้า ปากซอยมาให้
เอาแบบพิเศษนะติ๋ม กับเยอะๆ ล่ะบอกแปะมันของพี่ต้องพิเศษ
ติ๋มกลับมาพร้อมราดหน้าห่อพิเศษของพี่บุญและห่อเล็กของตัวเอง  พร้อมเทใส่จาน วางรอที่โต๊ะกินข้าว ได้ยินเสียงพี่เค้าอาบน้ำอยู่พร้อมตะโกนบอก พี่บุญ ชั้นวางไว้บนโต๊ะแล้วนะ อาบน้ำเสร็จรีบทานเสียล่ะ เดี๋ยวจะเย็นหมด นะจ๊ะ
ไม่มีเสียงตอบกลับ ติ๋มรีบไปซักผ้าต่อ เก็บชุดที่บุญเพิ่งถอดเมื่อกี้ไปด้วย พอนั่งลงข้างกะลังซักผ้าติ๋มคลี่เสื้อของบุญ เพื่อจะลงผงซักฟอก เอ๊ะ กลิ่นมันแปลกไปนะ เนี่ย ยังรอยชมพูเหมือนลิปติกผู้หญิงอีก ติ๋มเริ่มใจเสีย พลางหยิบชั้นในชิ้นเอกของพี่บุญมาคลี่ดู หาสิ่งผิดปกติ มันมีจริงๆด้วยติ๋มคิด ในใจ แต่ไม่ได้คิดจะดมมันหรอกนะ คิดพรางติ๋มรีบทำใจ เปิดเพลงพี่เบิร์ด ฟังเพื่อรักษาดวงใจอีกเที่ยว หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ เก็บเอาไว้ รอวันที่ฉันเคียงคู่เธออออออ
แต่คราวนี้ติ๋มไม่มีความรู้สึก ซึ้งกับเพลงสักเท่าไหร่ เพราะมีความคิดอื่นๆ เข้ามาในสมองมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องราว เจ็ดปีที่ผ่านมามันก็เป็นเหมือนกับวันวันนี้ เกือบทุกครั้ง เพียงแต่ติ๋มเป็นคนเดียวที่คอยหมั่นดูแลรักษาดวงใจ และรัก นี้เพื่อให้เป็นรักนิรันทร์  ติ๋มนั่งซักผ้าจนเสร็จอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้ดูสวยในสายตาพี่บุญ ก้อบอกแล้ววันนี้เป็นวันพิเศษของเรา ติ๋มตั้งความหวังไว้เต็มที่ แต่งตัวเรียบร้อย เดินเข้าห้องนอน หวังว่าพี่บุญคงรอติ๋มอยู่เหมือนกัน แต่อนิจจา  พี่บุญนอนแผ่หลา พร้อมส่งเสียง โครกคราก ๆๆ ลั่นห้อง ติ๋มเมินกลับออกจากห้องไม่อยากจดจำภาพที่ทุเรศของพี่บุญไว้ในใจของติ๋ม ติ๋มจะจดจำภาพดีดี ไว้เสมอ เดินเข้าห้องครัวมองหาราดหน้าอีกห่อ ที่ซื้อเผื่อตัวเองหลังจากแกะใส่จานให้พี่บุญ แล้ว เอ๊ะ ไม่มีนี่หว่าไปไหนนะ หันมองถังขยะเห็นห่อราดหน้าสองห่อสุมอยู่ในนั้น ติ๋มบอกตัวเองไม่ต้องคิดมาก พี่เค้าทานไม่อิ่ม นะ แต่ว่านั่นกระดาษอะไรข้างห่อราดหน้า ติ๋มลองหยิบดู มีข้อความเขียนไว้ว่า พี่บุญจ๋าเมื่อคืนนี้น้องมีความสุขสุดๆเพราะพี่นะค่ะ คืนนี้ อย่าลืมอีกนะจ๊ะ สุดหล่อ น้องจะรอเวลาเดิมนะสุดสุดไปเลยนะค่ะ ยอดรัก รักนะ รูปหล่อ จาก เมียคนหล่อที่ชื่อพี่บุญ
ติ๋มอึ้ง ตะลึง อ่านซ้ำอีก 3 เที่ยวข้อความมันก็ไปไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นเลย มันกลับย้ำความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นต่างหาก น้ำตาติ๋มไหลอาบแก้มที่อุตส่าห์ลงแป้งอย่างดี หอมกรุ่นหวังให้พี่บุญได้บอกรักในวันนี้ พร้อมเดินใจลอยพี่ยังวิทยุเปิดฟังเพลงพี่เบิร์ดอีกรอบ คราวนี้มันซึ้งกว่าครั้งไหนไหน พร้อมเสี้ยววินาทีนั้นติ๋มตัดสินใจได้ยังไงติ๋มก็ยังรักพี่บุญ และนับจากวันนี้เป็นต้นไป ติ๋มจะเป็นคนที่หมั่นคอยดูแลรักษาดวงใจของพี่บุญเอง ติ๋มตัดสินใจเดินไปหาพี่บุญในห้องนอน พร้อมล้มตัวลงนอนข้างพี่บุญกอดพี่บุญไว้ ได้ยินเสียงพี่บุญ อื่อ อื่อในลำคอ ติ๋มค่อยๆ เอื้อมมือ ไปจับกล่องดวงใจพี่บุญเอาไว้ พร้อมบอกบุญว่า พี่บุญจ๋า ติ๋มรักพี่มากนะจ๊ะ ต่อจากนี้ติ๋มจะดูแลดวงใจดวงนี้ของพี่เอง ไม่ต้องให้คนอื่นดูแลหรอก คนอื่นดูแลเค้าคงไม่รักพี่เท่าติ๋มที่รักพี่หรอกจ๊ะ  พร้อมกันนั้นติ๋มหยิบมีดอันคมกริบตัดฉับ พร้อมเสียงร้อง โอ๊ยยยยยยยยยยย โอดโอยของบุญที่ดังลั่นบ้านดังลั่นกว่าตอนทะเลาะกับหมาข้างบ้านอีก ติ๋มเมื่อได้กล่องดวงใจของคนรักแล้วรีบเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้ แล้วรีบคว้าได้เสื้อผ้าสองสามชุด เงินเก็บออกไปเรียกแท็กซี่ปากซอย หากจะถามว่าติ๋มในตอนนี้ว่าจะไปไหน ติ๋มบอกได้แต่ว่าไปที่ไหนก็ได้ เพราะติ๋ม มีดวงใจของคนที่ติ๋มรักติดตัวมาด้วย ติ๋มยิ้มด้วยความสุขใจพร้อมบอกกับคนขับรถแท็กซี่ว่า ไปท่ารถสายใต้จ๊ะ เร็วๆ หน่อยนะค่ะพี่เดี๋ยวรถทัวร์จะออกเสียก่อน..ฉันซื้อตั๋วไว้ใกล้เวลารถทัวร์จะออกแล้ว
............................................................

 
kapook21138dj1.gif

				
25 กันยายน 2550 09:32 น.

พี่ชาย...ที่คิดถึง....

กชมนวรรณ

บอลนอนมองเด็กหญิงวัยแปดขวบที่เดินหน้ามุ่ยมาที่เตียงตรงข้ามเตียงบอล ด้วยสายตาที่เข้าใจในความรู้สึกของเด็กหญิงดี ใครกันล่ะที่อยากที่จะเข้ามาพักที่นี่ ที่ที่ทุกคนไม่อยากมาที่สุดหากไม่จำเป็น บอลเองก็เหมือนกัน เข้าๆ ออกๆ ที่นี่จนเบื่อ ไม่อยากมาแต่แม่บอกว่ามันจำเป็นต้องมา เพื่อรักษาตัว ใช่ บอลป่วยเป็นโรคธารัสซีเมีย โรคที่สืบทอดกันมาทางพันธุกรรม หมอบอกอย่างนั้น เลือดในตัวบอลจะผิดปกติ อยู่เสมอ เดียวจาง เม็ดเลือดแดงน้อย ต้องมาเพิ่มเลือดที่คนมาบริจาคเอาไว้ ไม่รู้ว่าของใครต่อใครที่คนใจบุญทั้งหลายบริจาคไว้ บอลลองนึกย้อนไป กี่ปีแล้วล่ะที่บอลต้องนอนโรงพยาบาลเข้าๆ ออก ๆ ตลอด จนโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่บอลอยู่บอกไม่ไหวแล้วต้องส่งตัวมารักษาที่นี่
ที่ที่มีอุปกรณ์ที่ครบครัน ทันสมัยกว่า ในชีวิตวัยเด็ก บอลก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป ร่าเริง ชอบที่จะศึกษา หาความรู้ มีงานสนุกที่ไหน แม่กับพ่อ มักพาบอล และ เบส น้องชาย ซึ่งอ่อนก่วาบอลเพียงสองปี ไปเที่ยว กันอย่างสนุกสนาน บอลชอบกิน ของอร่อย แม่รู้ ชอบพาไปกินทุกอย่างที่ชอบครอบครัวบอล เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ไม่มีปัญหา ตั้งแต่บอลจำความได้พ่อแม่ไม่เคยทะเลาะกันมักหาเวลาพาครอบครัว ไปเที่ยว ต่างจังหวัด ตลอด ปิดอู่ซ่อมรถของพ่อ ทีละ 4-5 วัน จนมาถึงตอนบอลอายุ ได้สัก 7 ขวบ แม่สังเกตเห็นบอลซีดผิดปกติ ตอนแรกจึงซื้ออาหารมาบำรุงบอลและน้องแต่อาการมันมีมาต่อ บอลเหนื่อยง่าย ยิ่งซีดมาก แม่จึงพาบอลไปหาหมอ หลังจากหมอสอบประวัติครอบครัวแล้วหมอบอกให้ แม่พา น้องเบส มาเช็คเลือด ด้วย ผลปรากฏออกมาว่า ผลเลือดของบอล เป็นธารัสซีเมีย
ส่วนน้องเบส เป็นแบบแฝงตัว ไม่แสดงในตัวน้องแต่ถ้าน้องแต่งงานต้องตรวจเลือดผู้หญิงที่จะแต่งด้วย เพราะมันจะถ่ายทอดไปสู่ลูก หรือ หลาน ของน้องเบสต่อไปได้ ส่วนบอล เมื่อรู้ว่าเป็นโรคนี้ตอนแรก บอลไม่ได้รู้สึกอะไรมาก หมอเรียกพ่อแม่ไปคุย รายละเอียดของโรค และขั้นตอนการรักษาต่อไป บอลไม่ได้รู้สึกอิจฉาที่น้อง ไม่ได้เป็นเหมือนบอล แต่บอลไม่ค่อยชอบน้องผู้ชาย เพราะเจ้าเบส มันซน บางทีบอลไม่มีแรง น้องเบสชอบแกล้งเดินชน มั่ง ชอบเล่นแบบเด็กผู้ชายซน ๆ ซึ่งบอลไม่ชอบ ชอบที่จะนั่งเล่นคอม ศึกษาโลกของอินเตอร์เน็ต แม่ซื้อคอมให้บอลเมื่อบอลขึ้นเรียนชั้น ม.1 บอลพยายามศึกษาหลังจาก มีเวลาว่างจากการเรียนและรักษาตัว  จนพอเล่นเกมส์ได้ พิมพ์งานได้  จนบอลอายุได้ 13 ขวบ ม้ามโต หมอบอกแม่ว่าต้องตัดม้ามของบอลออก เนื่องมาจาก บอลรับเลือดคนอื่นมากเกินไป ทำให้ม้ามทำงานหนัก ท้องบอลโตๆ ขึ้นเรื่อยๆ แม่ตกลงให้หมอผ่าออก
แต่มันทำให้บอลรู้สึกว่าชีวิตของบอล มันขาดหายไปหลายอย่างไม่ใช่แค่ม้ามที่หมอตัดออกไป แต่มันหายไปทั้ง ความสดชื่น ความเบิกบาน ตามวัยของบอล เพี่อนๆ ที่โรงเรียน เพื่อนสนิท บอลไม่เคยได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ วัยรุ่นอีกเลย จนมาถึงวันนี้ บอลอายุ 15 ปีแล้ว แล้วนี่วันนี้วันที่น้องผู้หญิงหน้ามุ่ยเดินมาที่เตียงตรงข้ามบอลนี่ บอลนอนอยู่ที่เตียงนี้มา สองเดือนเต็มๆ แล้ว แล้วทำไมบอลจะไม่เข้าใจน้องที่ไม่อยากมาที่นี่ ในเมื่อตัวบอลเองก็เบื่อแสนเบื่อ เจ้าเตียงตัวนี้ เจ้าสายออกซิเจนที่คุณหมอคนสวยบอกต้องเสียบไว้ที่จมูก ตลอดนะ ศักรินทร์ มันจะช่วยให้หนูหายใจโดยไม่เหนื่อย ปอดและหัวใจหนูไม่ต้องทำงานหนัก นะครับ บอลรับคำไปแกนๆ แต่พอเผลอคุณหมอ บอลก็ถอดมันออก ก็มันน่ารำคาญนี่ พอเหนื่อยค่อยเสียบเข้าไปใหม่ บอลเคยนอนมองเตียงตรงข้ามที่มีเด็กคนแล้วคนเล่าเวียนเข้าเวียนออก จนบอลไม่นับแล้วว่ามีกี่คนแล้ว ตั้งแต่บอลมานอนเตียงนี้แต่เตียงตรงข้ามเปลี่ยนเจ้าของไปคนแล้วคนเล่า  แต่น้องผู้หญิงคนนี้บอลรู้สึกถูกชะตาด้วย เป็นอย่างมากอยากมีน้องสาวน่ารัก อยากเป็นพี่ชาย ที่คอยดูแลปกป้องน้องสาว สองวันผ่านไป เด็กหญิงทำใจกล้าเดินลงจากเตียงตัวเอง ไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงบอล พรางถาม พี่ เป็นรัย ค่ะ ทำไมท้องพี่โตจัง บอลไม่ได้นึกโกธร ที่เด็กหญิงถาม แต่ก็ไม่อธิบายให้เด็กหญิงฟังเพราะรู้ว่าบอกไป น้องก็คงไม่เข้าใจหรอก แต่บอลถามกลับน้องไปว่า ชื่อ รัยนะเรา แล้วเป็นรัยไปล่ะ ถึงมานอนนี่นะ เด็กหญิงยิ้มตอบพี่ชายที่ยอมคุยด้วย ชื่อ น้องฟ้า หมอบอกน้องฟ้า ติดเชื้อ ต้องมาให้ยาฆ่าเชื้อโรค ให้มันตายให้หมด แล้วหมอจาให้น้องฟ้ากลับบ้าน พี่ชื่อรัยหรอ  ชื่อ บอล บอลตอบสั้นๆ ฟ้ามองอุปกรณ์ข้างเตียงพี่บอล อย่างไม่เข้าใจว่าทำมัยถึงได้มีมากกว่าเตียงของฟ้า ซึ่งมีแค่เสาน้ำเกลือ แค่นั้นเอง
แล้วพี่บอลเสียบ จมูก ทำมัยหรอ แล้วหายใจทางไหนล่ะ ทางจมูกนี่แหละ นี่เป็นท่อออกซิเย่นช่วยหายใจ เวลาพี่เหนื่อยนะ
 หรอ
อื่อ ว่าแต่เรากินรัย ยังข้างเตียงพี่มีขนมนะหยิบไปทานซิ
ไม่ เอาหรอก แม่น้องฟ้ากำลังลงไปซื้อ หมี่เหลืองแห้ง น้องฟ้าชอบกินหมีเหลืองแห้งใส่ปูอัด เยอะๆ พี่บอลเอาไหมเดี๋ยวฟ้าบอกแม่ให้   ไม่หรอก พี่ไม่หิว เดี๋ยวแม่พี่ก้อมาแล้วเหมือนกัน ลงไปซื้อของเหมือนกัน  
ฟ้า กลับไปนอนเตียงฟ้า เถอะโน้นพี่พยาบาลถือยามาแล้วสงสัย ได้เวลาให้ยาฆ่าเชื้อโรคในตัวฟ้าแล้วล่ะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกนะ
ค่ะ พี่บอล ว่าแล้วฟ้ารีบกลับขึ้นเตียง ว่าไปแล้วฟ้าก็ไม่ใช่คนใหม่สำหรับที่นี่เหมือนกัน พี่บอลคงไม่รู้หรอก ว่าฟ้านะ เข้าๆ ออกๆ ตึกนี้จนรู้จักพี่พยาบาลทุกคนในหวอด แล้ว รวมทั้งพี่สาวผู้ช่วยพยาบาลคนสวย ที่พอตกดึกมีเคส ต้องส่งเลือดหรือฉี่ ไปตรวจที่ห้องแลปแบบต้องการด่วน พี่สาวคนสวยไม่กล้าไปคนเดียว จูงน้องฟ้านี่แหละ เข้าลิป ขึ้นลงทุกครั้งพร้อมกับช่วยกันรัองเพลงแข่งกันทุกครั้งจนมาส่งฟ้าที่เตียงแหละ  อิอิ
การรักษาตัวของฟ้าพอให้ยาหมดแต่ละครั้งก็เป็นอันเสร็จพิธีการต้องรออีกประมาณ 6 ชั่วโมงถึงจะเข้ารอบยาใหม่ สามารถลงจากเตียงไปห้องเล่นของเล่นเด็กก้อได้ ไปนั่งดู tv ที่เปิดไว้ตั้งแต่เช้าก็ได้ ฟ้ามักจะเดินสำรวจหาเพื่อน ที่เคยรู้จัก เมื่อตอนมารักษาครั้งก่อนๆ ว่ามีมาตรงกันอีกไหม จะได้เล่นด้วยกัน นั่งดู ที่วีด้วยกัน จนเป็นที่รู้จักกันทั่ว หรือไม่ก้อช่วยพี่ผู้ช่วยคนสวยเข็นรถเข็นเติมน้ำ ให้เตียงอื่นๆ บางทีพี่พยาบาลเวรจ่ายยา ตั้งหน้าที่ให้ฟ้า เดินเก็บแก้วยา ตามเตียงเด็กคนอื่นๆ เพื่อนำกลับมาล้างหลังจากแจกยาไปสัก ประมาณชั่วโมง อีกอย่างที่เป็นเรื่องซนของฟ้าคือ ชอบแอบขโมย ถุงมือ ในกล่องที่สะอาด ของแม่บ้าน มาแอบไว้ใต้หมอน พอพี่นักศึกษาแพทย์ มาคุย เพื่อถามประวัติป่วย เพื่อศึกษา น้องฟ้าก็จะควักเจ้าถุงมือ มาส่งให้ก่อน พร้อมบอก
คุณหมอเป่าลูกโป่งให้ฟ้าก่อน นะค่ะ ฟ้าจะเล่นลูกโป่งพี่นักศึกษาใจดี ก็เป่าจนกลายเป็นลูกโป่งห้านิ้ว ยาวๆ พร้อมเขียน ลูกตา ปากให้เสร็จสรรพ ทีนี้ใครถามรัย ฟ้าตอบหมด พร้อมตั้งลูกโป่งห้านิ้วไว้หัวเตียง บอลมองพฤติกรรมน้องฟ้าด้วยความขำๆ พอเสร็จจากการสัมภาษณ์ น้องฟ้าก็เอาลูกโป่งลงมาที่เตียงพี่บอล บอก พี่บอล รับนะฟ้าจะโยนล่ะ  เอ้า  เอาก็เอาบอลไม่ได้เล่นอย่างนี้มานานแล้วเหมือนกัน อย่าว่าแต่ตบลูกโป่งอยู่บนเตียงนี่เลย แค่จะลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ บอลก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงแล้ว แต่เห็นเด็กหญิงสนุกบอลก้อสนุกด้วย เลยตีแรงไปหน่อย อ้าว
พี่บอล มันตกหน้าต่างไปแล้ว ทำงัยดีล่ะ บอลบอกฟ้าไปเอาอันไหม่มาให้พี่ซิเดี๋ยวพี่ทำให้ใหม่
แล้วพี่บอลเป่าได้หรอ พี่บอลไม่มีแรงนะ  น่า ฟ้าไปเอามาเถอะ แต่อย่าให้แม่บ้านเห็นล่ะ เดี๋ยวโดนกันทั้งสองคน ถ้าพี่พยาบาลนะไม่เป็นรัยหรอก ใจดี ค่ะ  ว่าแล้ว ฟ้าก้อแอบย่องไปยังห้องเก็บของแม่บ้านในหวอด โล่งพอดี ฟ้าจิ๊กมา สองอันละกัน เผื่อตกอีก เดี๋ยวต้องมาอีก อีกอันแอบไว้ใต้หมอนเหมือนเดิม หลังจากแอบไว้ใต้หมอนอันหนึ่งแล้ว เอาอันหนึ่งไปให้พี่บอลดูซิพี่บอลจะทำอย่างไร พอพี่บอลรับถุงมือยางมา หันซ้าย ขวา ไม่เห็นพยาบาล หรือ หมอมาสังเกต การณ์แกวนี้บอลรีบถอด ออกซิเจนที่จมูก จ่อกับปลายถุงมือ บอกน้องฟ้า เปิดกระบอก เร่งออกซิเจนหน่อย ฟ้าทำตามที่พี่สอนแป็บเดียวได้ลูกโป่งที่โตกว่าพี่นักศึกษาเป่าให้อีก อิอิ  ที่นี้ฟ้ารู้แล้วว่าพี่บอลทำได้พี่บอลรีบบอกให้ฟ้าปรับออกซิเจนลงเท่าเดิม แล้ว เอาลุกโป่งไปเล่น พี่บอลจะพักผ่อนแล้ว เป็นอย่างนี้จน 15 วันผ่านไป หมอบอกน้องฟ้ากลับบ้านได้ส่วนพี่บอล รอดูอาการก่อน เพราะดันมีไข้ขึ้นมาอีกพร้อมมีน้ำตาลในเลือดสูง มากผิดปกติ ต้องทำการรักษาอีก ฟ้าบอกลาพี่บอลกลับบ้าน พี่บอลบอกว่าโชคดีนะฟ้า แล้ว ไม่ต้องมาอีกล่ะ เดี๋ยวพี่ไปเยี่ยมฟ้าที่บ้านเอง จ้า แล้วพี่บอลไปบ้านฟ้าจริงๆ นะ จริงซิ เดี๋ยวหมอให้พี่กลับบ้าน ทางกลับบ้านพี่ก็ต้องผ่านบ้านฟ้าก่อน พี่จะให้พ่อแวะบ้านฟ้าก่อนนะ 
            ฟ้ากลับมาอยู่บ้านสองวันมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นอีก แม่รีบพาฟ้ากลับไปโรงพยาบาลอีกปรากฏว่าเชื้อตัวนั้นยังไม่ตายต้องเปลี่ยนยาใหม่อีก เริ่มใหม่อีก ประมาณ 15 วัน ได้เวลาขึ้นตึกคนไข้ฟ้า มองหาพี่บอลที่เตียงเดิม แต่คราวนี้เตียงฟ้าอยู่คนละฝั่งกับพี่บอลนี่ ไม่ได้เล่นกันอีกซิ
พอดี คุณหมอเวร ประจำตัวคนสวย ของฟ้า กับบอล ขึ้นมารับน้องฟ้า พร้อมซักประวัติใหม่ ฟ้าเห็นพี่บอลเดินหน้าขาว เพราะเพิ่งอาบน้ำ แต่งหล่อก็ชุดโรงพยาบาลนั่นแหละ  เดินส่ายพุง อาดๆ มาที่เตียงน้องฟ้า พร้อมทำท่าเข็นเตียงน้องฟ้าให้ไปอยู่ตรงข้ามเหมือนเดิม คุณหมอแซว พี่บอล เอ้า ศักรินทร์ ถ้าเข็นไหว นะหมอจะย้ายเตียงน้องฟ้ากลับไปอยู่ตรงข้าม ศักรินทร์ เลย พี่บอลเพียงแต่ยิ้มเขินคุณหมอ แต่ปากบอก  เตียงตรงนั้นว่างนี่ครับหมอ ผมอยากให้น้องฟ้า อยู่ตรงนั้น คุณหมอมองหน้าพี่บอล นิดหนึ่งพร้อมเรียก พี่พยาบาลเวรมาสอบถาม ว่าจะย้ายน้องฟ้าไปตรงนั้นได้ไหม หมอรับผิดชอบเอง พี่พยาบาลเช็คพักใหญ่แล้วเดินมาบอก เอ้า ย้ายสัมภาระไปเลย   ฟ้ากับบอลอมยิ้มมองกัน พร้อมชวนกันไปรอที่เตียงพี่บอลรอ พี่พยาบาลมาเคลีย เตียงให้ฟ้า พี่บอกแล้วว่า อย่ามา อีก พี่ไปเยี่ยมเอง บอลบอก
ก้อ พี่บอลไม่ไปสักทีฟ้า เลยต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่บอล อีก พร้อมเสียงหัวเราะของเด็กสองคนพร้อมกัน ระหว่างสิบห้าวัน การให้ยาของน้องฟ้าได้ผลดี ส่วนพี่บอล หลังจากเดินไปรับน้องฟ้าที่เตียงคืนนั้นก้อไม่เห็นพี่บอล เดินลงจากเตียงอีกเลย มีอะไร ฟ้าก้อตะโกนถามพี่บอล พี่บอลตอบมั่งไม่ตอบมั่ง  จนฟ้าเดินหาเพื่อนเล่นคนใหม่ที่พอมีแรงจะเดินไปมา ในห้องนั่นแหละ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจาก หวอด พอเดินเหนื่อย ก็กลับมานั่งมองพี่บอล วันนี้หมอหลายคนมามุงพี่บอลเห็นสอนให้พี่บอล ฉีด อินซูลิน เองด้วย เพราะตอนนี้พี่บอลมีเบาหวานมาเพิ่มเป็นเพื่อนอีกโรคแล้วต้องคุมอาหาร พี่บอลอยากกิน โน้น นี่ นั้น แม่พี่บอลบอกไม่ได้ ต้องทานแต่อาหารที่โรงพยาบาลจัดให้สำหรับพี่บอล โอ้ย  ฟ้าว่าพี่บอลกินไม่ได้หรอกไหนจะงด เค็ม ไม่มีรสชาติ ทุกอย่าง พอผ่านไปสองวัน ฟ้าเห็นน้าพิม แม่พี่บอลเริ่มซื้ออาหารข้างนอกมาให้พี่บอลทานมั่งแล้วเพราะพี่บอลทานไม่ได้เลยต้องใช้วิธีนี้ แต่ทุกครั้งพี่บอลจะเรียกน้องฟ้าให้ไปกินด้วย แต่น้องฟ้าก้อไม่ได้ไปแย่งของพี่บอลหรอกนะ เผ้านั่งมอง อยู่จนวันหนึ่งช่วงดึก ฟ้าได้ยินเสียงน้าพิมร้องเรียกพี่บอลดังๆ จนฟ้าตกใจตื่น ปรากฏว่าพี่บอลไม่ได้สติแล้ว พยายาบาลรีบโทรตามหมอ พร้อมเช็คน้ำตาลในเลือดพี่บอล
ฟ้าได้ยินเสียงพี่พยาบาล พูดกันว่า อะไร น้ำตาลในเลือดลดเหลือแค่ 10 แค่นะเป็นไปได้หรอ
พร้อมทำการเช็คอีกครั้ง ปรากฏว่าขึ้นมาเป็น 20 ซึ่งยังอันตราย หมอรีบฉีดกลูโกส ให้พี่บอลก่อน
สักพักพี่บอลรู้สึกตัว หมอให้พยาบาลละลายน้ำหวานให้ดื่มอีกครึ่งแก้ว พร้อมบอกอีกชั่วโมงให้มาเช็คน้ำตาลพี่บอลใหม่ พอเช็คใหม่ ปรากฏว่าน้ำตาลในเลือดพี่บอลดัน ขึ้น มาถึง 350 ฟ้าเห็นหน้าพี่พยาบาลแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนกัน แต่ฟ้าก็นอนไม่หลับแล้วล่ะ รู้สึกเป็นห่วงพี่บอล จัง เช้าวันต่อมาพี่บอลโดนเจาะเลือดแทบจะทุกชั่วโมง ฟ้าไม่อยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อนใหม่แล้ว นั่งมองพี่บอลนี่แหละ พร้อมส่งกำลังใจไปให้พี่บอลด้วย สักพัก หมอให้วัดหัวใจ เดี๋ยว เอ็กซเรย์ปอด เดี๋ยวเพิ่มอุปกรณ์ ข้างเตียงพี่บอลเกะกะ ไปหมด ฟ้าไม่ได้เข้าใกล้พี่บอลเลย จนตอนเย็น พี่พยาบาล 2-3 คนมาเข็นเตียงพี่บอลไป ฟ้า ถามว่า จะพาพี่บอลไปไหนพี่พยาบาล บอกต้องแยกพี่บอลไปอยู่ห้องแยกต่างหากเพราะตอนนี้ภูมิคุ้มกันของพี่บอลต่ำรับเชื้อได้ง่าย ต้องย้ายไปอยู่ในห้องแยก
หลังจากพี่บอลย้ายไปอยู่ห้องแยก น้องฟ้าก้อได้แต่เพียงเดินไปหาพี่บอลหน้าห้องเข้าไปก็ไม่ได้ได้แต่ให้แม่ยกน้องฟ้าดูพี่บอลทางกระจก ห้อง แค่นั้นเอง แต่น้องฟ้า ก้อเดินมาหน้าห้องพี่บอลทุกวันนะ  จนน้องฟ้าได้ยาครบวันสุดท้ายจะกลับบ้านแล้วในวันรุ่งขึ้น ดึกนั้นฟ้าต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ เรียกจากห้องพี่บอล และเสียงน้าพิมกรีดร้อง ดังไปหมด ตะโกนเรียกพยาบาลและทั้งหมอเวรและพยาบาลทั้งหมดรีบวิ่งเข้าห้องพี่บอล ฟ้าอยากตามไปด้วยแต่ไม่มีใครให้ไป นอกห้องในหวอดนั้นเงียบลงทันทีที่ประตูห้องพี่บอลปิดลง เพียงครู่เดียวพยาบาลคนหนึ่งพร้อมกับน้าพิมเดินร้องออกมาจากห้อง พยาบาลบอกให้น้าพิมโทรหาพ่อพี่บอล เพื่อมารับพี่บอลกลับบ้าน
ฟ้าได้ยิน รีบลงจากเตียงวิ่งไปหาน้าพิม พร้อมถาม น้าพิม พี่บอลได้กลับบ้านแล้วเหรอค่ะ หมอให้พีบอลกลับแล้วหรอ  น้าพิมมองหน้าฟ้าแล้วยิ่งร้องไห้ ก้มลงกอดฟ้า พร้อมบอกว่า จ๊ะ ฟ้า หมอให้พี่บอลกลับบ้าน แล้ว จ๊ะ พี่บอลหายแล้ว ฟ้าหน้าเศร้าบอกน้าพิมว่า ฟ้าก็จะกลับพรุ่งนี้แล้วน้าพิมบอกคุณหมอให้พี่บอลกลับพร้อมฟ้า นะค่ะ จะได้แวะบ้านฟ้า ด้วยเหมือนที่พี่บอลเคยบอกฟ้าไว้ว่า ถ้าพี่บอลกลับบ้านพี่บอลจะแวะเยี่ยมฟ้า ที่บ้านก่อนกลับบ้าน นี่ค่ะ แต่คืนนี้คุณหมอให้พี่บอลกลับก่อนจ๊ะ ฟ้า หนูรักษาตัวให้หายนะค่ะแล้วค่อยกลับอย่ากลับพร้อมพี่บอลเลย น้าพิมไปก่อนนะ หนูกลับไปนอนที่เตียงหนูนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านหนู  ว่าแล้วน้าพิมก็เดินร้องไห้ ไปกับพี่พยาบาล ส่วนน้องฟ้าก็เดินกลับเตียงตัวเอง เพื่อรอวันพรุ่งนี้ที่น้องฟ้าจะกลับบ้านของฟ้าไม่ใช่บ้านพี่บอล.....

 
kapook42985fd6.gif

				
6 กันยายน 2550 11:11 น.

....เหวอ....

กชมนวรรณ

ว๊าย  ตาย ตาย  แปดโมงเช้าแล้วหรอเนี่ย  รินรีบลุกจากเตียงรีบสลัดผ้าห่มไปข้างๆ ไม่สนว่าตกไปตรงไหน รีบกระวีกระวาด เข้าห้องน้ำรีบเพื่อเตรียมตัวไปวิทยาลัยให้ทัน วันนี้มีสอบด้วยตายแน่ รินคิดในใจ อาบน้ำพลาง ใจท่องบทเรียนที่อ่านจนดึกเมื่อคืน ทบทวนเนื้อหาในใจพราง ออกจากห้องน้ำ รินเริ่มเครียดเพราะมองเวลาปาเข้าไป แปดโมงครึ่งแล้วดีนะที่วิชาที่สอบไม่ได้อยู่ในคาบแรก ไม่งั้นรินไม่อยากคิด เอ้าเจ้าผมยาวของริน นี่เป็นอีกอย่างที่เป็นปัญหาเวลาเร่งรีบ วันนี้ช่างก่อนเถอะ แค่เช็ดให้แห้ง ไดร์เอาหน่อยพอ ค่อยรวบๆ หลวมๆ ไว้ด้านหลังเพราะเดี๋ยวต้องซิ่งมอไซร์ฯ อีกรินคิดพลางเลือกชุดชั้นใน เคยอ่านหนังสือเจอว่า ถ้าเครียดให้เลือกใส่ชุดชั้นในสีหวานตัวสวยเข้าไว้
ชุดนี้ละว่ะ ชมพูหวาน แม้จะสีสมพูเข้มไปนิดแต่ถูกใจรินมาก คว้าได้กระโปรงฟิตเปี๊ยะสีดำ  ตามสมัยนิยมไม่ยาวมากแค่เลยเข่ามาสัก 4- 5นิ้วเอง ไม่ถึงกับโป๊ มาก โอ๊ย สาย สาย รีบคว้ากระเป๋าได้   รีบปิดประตูบ้าน แม่ออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว วันนี้ทำไม่แม่ไม่ปลุกนะ สงสัยแม่ก็รีบเหมือนกัน รินปิดบ้านเรียบร้อยเอากุญแจบ้านที่คล้องเป็นพวงกับกุญแจรถมอเตอร์ไซด์พาหนะนำริน ไปวิทยาลัย เพื่อความสะดวก แม่ไม่ต้องคอยรับ ส่ง เอ ทำไมวันนี้ถนนโล่งจัง รินคิดหลังขับมาสัก 5 นาที คงจะ สายแล้วไม่ใช่เวลาเร่งรีบเหมือนทุกวันตอนเช้าที่ทุกวันมีผู้คนรีบออกจากบ้านไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ส่งลูกเรียนหนังสือ แต่วันนี้สายเลยถนนโล่งหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว เดี๋ยวซิโค้งหน้าต้องยูเทอร์น ใต้สะพานลอย ตรงนั้นซิเปลี่ยวมาก ๆ
วันก่อน เพิ่งมีการกระชากกระเป๋า นักศึกษาสาวล้มหน้าถลอกปอกเปิดหมด แถมยังพ่วงขับมอเตอร์ไซด์หนีไปด้วย รินคิดพลางนึกขยาดขึ้นมา รีบคว้ากระเป๋าซึ่งตอนแรกสพายไว้ด้านหลังมาไว้แนบอก เมื่อกี้เผลอสะพายไว้ด้านหลัง ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์อีกคันวิ่งขนาบมา รินยิ่งเสียวในอก มือหนึ่งกอดกระเป๋าแนบอกแน่น หางตาเหลือบมองรถข้างๆ เห็นวัยรุ่นคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาเหมือนกัน  ไม่ใช่ที่เดียวกับรินท่าทางเหมือนพวกช่าง หรือพวกศิลป์เซอร์ๆ  หน้าตาดุ พยายามขับเข้ามาไกล้ริน พร้อมทำท่าทางอะไรสักอย่างเพื่อให้รินหยุดรถ ไม่ได้แล้วรินคิด รินเคยดูทีวีพวกรายการภัยสังคม พวกนี้มักจะทำชี้ ๆ คล้ายจะบอกว่ารถเป็นอะไร หรือ ล้อรถเป็นอะไร ให้จอดรถดู พอหลงกลมันจะทำการมิดีมิร้ายทันที ดีไม่ดีมันอาจมีพักพวกรออยู่ใต้สะพาน มีอาวุธแล้วเกิดฉุดรินไปล่ะ จะทำยังไงดีนี่ รินรีบบิดรถ เร่งคันเร่ง หนี หนี รินคิดอย่างเดียว เจ้าผู้ชายคนนั้นก็บิดตาม ตะโกนเรียก น้อง ๆๆๆๆ ไม่หยุดรินคิดพรางเร่งขึ้นอีก เสียงเรียก น้อง ๆๆๆๆ ยังดังตามมาอีก โอ๊ย ตายแน่รินคิด เดี๋ยวถึงทางโค้งใต้สะพานเราต้องชะลอรถ ไม่งั้นออกนอกเลนแหง เลย เสื้อขาวนักศึกษาของริน ชุ่มไปด้วยเหงื่อ กระโปรงตัวแคบก็แสนจะอึดอัด เจ้ากระเป๋าใบใหญ่ ที่ใหญ่เพียงกระเป๋าซึ่งรินกอดไว้ข้างหน้านี่ก็ไม่ได้มีสมบัติ สิ่งมีค่าอะไรเล้ย มีเพียงตำราเรียนแต่รินก็กอดมันแน่นไว้กับอก เพื่อ ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวแค่นั้นเอง คิดว่าตัวรินนั่นแหละมีค่าที่สุดหากเป็นรัยไป ไหนรินจะเป็นลูกคนเดียวของแม่ ซึ่งเลิกกับพ่อมาตั้งแต่รินยังเล็ก พากันมาสองคนแม่ลูก แต่วันนี้หากเกิดอะไรขึ้นกับริน แม่คงเสียใจมาก แค่คิดรินก็ถึงทางโค้งซะแล้วต้องชะลอรถ พลางชำเลืองมองรถอีกคัน แล้วรินต้องสะดุ้งสุดขีดเมื่อเจ้าผู้ชายคนนั้นตามมาทันรินแล้วพรางโบกมือ ให้จอดหรือชะลอรถ ด้วยสีหน้าเหี้ยมๆ ไม่ทันแล้วรินคิดในใจ แม่จ๋า ช่วยรินด้วย สดุ้งอีกครั้งเมื่อเจ้าผู้ชายคนนั้นขับรถมาเบียดจนรินต้องหยุดรถแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ ถามด้วยเสียงอันสั่นเทาด้วยความกลัวสุด ๆ พี่ค่ะมีอะไร ให้หนูช่วยหรอค่ะพี่  เจ้าผู้ชายคนนั้นตอบด้วยสีหน้าเหี้ยม ๆ ว่า น้อง ! ช่วยรูดซิปกระโปรงน้องหน่อย เจ้าสีชมพูที่น้องใส่อยู่ข้างในนะ มันสะท้อนตาพี่ มองถนนไม่ชัด ช่วยหน่อยนะ
ว่าแล้วพ่อหนุ่มหน้าเหี้ยม ก็รีบเร่งมอเตอร์ไซด์คู่ชีพตัดหน้ารินไป อย่างไม่หันหลังกลับมามองว่ารินจะทำตาม ที่บอกหรือเปล่า.........
				
27 สิงหาคม 2550 22:48 น.

เลือกแบบไหนดีหว่า?.

กชมนวรรณ

"นี่ ฝ้ายเมื่อไหร่จะออกจากหน้ากระจกซักทีละลูก แม่เห็นยืนหวีผมอยู่นานแล้วจะร่วงหมดหัวแล้วนะ"
"แล้ว ป๊าก็รอนานแล้วด้วย ไปโรงเรียนนะไม่ใช่ไปประกวดมีสทีนไทยแลนด์ที่ไหน"
"โธ่ แม่วัยรุ่นก็อย่างงี้กันหมดแระ ไม่สวย ไม่เรียบได้งัย เดี๋ยวผู้ชายไม่เหล่"
"แต่ แม่เหล่ได้แล้วนะว่าจะเอาอะไร ฟาดแก" "หรอ แม่งั้นไปล่ะ บาย" ดูมันลูกคนอื่นเค้ายกมือไหว้แม่ก่อนไปโรงเรียน ลูกสาวฉันยกมือ บ๊าย บาย ซะงั้น แต่ฉันไม่ถือเค้าหรอกค่ะ เข้าใจว่าวัยรุ่น ขอให้ทำตัวอย่านอกรีดนอกรอย พอสำหรับฉัน และเหตุการณ์ อย่างนี้จะเกิดขึ้นเกือบทุกเช้าของวันโรงเรียนเปิด ลูกสาววัยรุ่นกับแม่วัยทอง อ่ะ เรื่องจึงวุ่นคูณสองซิค่ะ 
         เย็นวันหนึ่งลูกสาววัยรุ่นวัย 14 ของฉันกลับถึงบ้านร้องเพลงหงิง ๆ จริงๆนะค่ะ ฉันฟังอย่างนั้นจริงๆ แต่รู้ว่าลูกมีความสุขล่ะ วางกระเป๋าปุ๊บ คว้าโทรศัพท์ปั๊บ
"แก้วหรอ วันนี้นะ............" "เออ..............." "เออ...........งั้นประชุมสายเลยนะ เออ ๆๆ "  "ต่อไอ้ไก่เลย มีเรื่องเยอะต่อเลยๆ........." ฉันยืนแอบฟังด้วยความหมั่นไส้เป็นที่สุด ยังไม่ทักแม่นะ ทักเพื่อนล่ะ  "ฝ้าย  ฝ้าย  ฝ้ายยยยยยยยยยย
มีการบ้านเปล่าล่ะ วันนี้ทำการบ้านแล้วหน้าที่ที่รับผิดชอบให้เสร็จก่อนค่อยคุยกับเพื่อน "  "เดี๋ยว แม่แป๊บ พร้อมเดินถือโทรศัพท์ไปทางหลังบ้าน แว่วเสียงกิ๊กๆ กั๊กๆ มาเรื่อยๆ ฉันปล่อยไปสักประมาณครึ่งชั่วโมง ยังไม่มา แอบย่องตามเสียงหน่อยซิ ได้ยิน  "เออ ต่อ ไอ้ควีนอีกคน เออๆ อิอ อิ " แม่รันไม่รอให้ต่อติดอีกคนแล้วล่ะ คว้าได้กิ่งเข็มหลังบ้านเลือกเหมาะมือ ค่อยๆย่อง ค่อยย่อง ป๊าม ๆๆ สามป๊าม สามคน ส่งทางสายโทรศัพท์ฝากไปเลย "เฮ้ย! อูยย เจ็บ แม่มาว่ะโดนแล้วแค่นี้ก่อนนะ วิ่งแล้วโว้ย!"  นี่ล่ะค่ะชีวิตประจำวันของเราแม่ลูก ยายฝ้ายกะแม่รัน
มาถึงตอนนี้ แม่ริบโทรศัพท์ซะเลย รอโอกาสให้มันพลาดอยู่แล้ว ฮาๆๆๆ
              "แม่โทรศัพท์เมื่อไหร่จะคืนล่ะ ฝ้ายต้องคุยเรื่องการบ้านกับเพือนนะ"
                "โทร เบอร์บ้านดิ โทรเข้าเบอร์บ้านเพื่อนด้วยนะ ห้ามโทรเข้ามือถือ ถ้าเจอเป็นเรื่อง" 
               "โห แม่ วัยรุ่นเซ็ง เลย" เพื่อนฝ้ายเค้าออก N72 เลยนะ เนี่ยแม่เค้าเพิ่งออกให้วันนี้กะจะคุยหน่อยว่าสัญญาณชัดไหม"
              "อื่อ แม่ก็กำลังจะออก หน้า 3 ให้แกถ้ายังขืนเรื่องมากนะ"
แล้วแม่ฝ้ายก็เดินงอนไป พร้อมถอยกลับมาอีกเมื่อนึกอะรัยขึ้นได้ "แม่คุยทางเอ็มนะ ไม่เปลือง นะแม่นะ"
              "ได้ แต่...แค่สามชั่วโมง คุยกันกี่คนก็ได้แต่สามชั่วโมง แล้วคุยกันให้รู้เรื่อง เข้าใจ ชัดเจนนะ " แม่รันดักคอเพราะรู้ว่าเดี๋ยวพอหมดชั่วโมงต้องขอโทรศัพท์ต่ออ้างยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ยังตกลงกันไม่ได้เลยว่าใครจะเอาอะไรไปทำรายงาน  เป็นเหตุผลที่ฟังจนเบื่อ ไม่รู้จักหาเหตุผลอื่นเล้ย  อ้าว!
               หลังจากนั้นแม่รัน เริ่มรู้สึกว่าสาวเริ่มมีหนุ่มมาจีบแล้ว แต่งชุดนักเรียนต้องเรียบ ผมเผ้าหวีเรียบ พกแป้งหน้ามัน พกหวีอันเล็ก พร้อมเสียงงำเพลงรักวัยรุ่น ทุกวัน และมีการแอบสมุดไดอรี่ ซะด้วย ผิดสังเกตุ ซะไม่รู้จักแม่รันซะแล้ว พอลูกสาวไปโรงเรียน แม่รันจัดการจัดห้องนอนให้ลุกสาวพร้อมเปิดหา ในลิ้นชัก ทำความสะอาด นั้นไงเจอแล้ว เอามาแอบ ในลิ้นชักนี่เอง สัญชาติญาณ ความเป็นแม่ เลยเปิดอ่าน มิน่าล่ะ เจ้าฝ้ายกำลังมีความรักนี่เอง กับหนุ่มห้องเดียวกันซะด้วย แหม บันทึก ว่าแอบมองกันไป แอบมองกันมา แม้ เหมือนแม่ตอนวัยรุ่นเชียว อิอิ  "เดี๋ยวต้องแอบไว้เหมือนเดิม ไว้มาอ่านต่ออีกวันหลัง"
             เย็นวันหนึ่ง ฝ้ายกลับถึงบ้านวันนี้ไม่มีเสียงร้องเพลง ไม่มีเสียวแซวแม่
ไม่มีเสียงทัก ไม่ขออนุญาติเปิดคอม ฯ  แต่ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นลูกเปิดเลย แม่รันมองอย่างห่างๆ และห่วงๆ เสียงแป้นพิมพ์รัว เร้ว ตามอารมณ์ แต่แม่รันไม่ถาม ไม่ทักตอบ สักชั่วโมง ยายฝ้ายปิดคอม พร้อมเข้าห้อง แล้วหายไปนาน สักพักใหญ่ ออกมาอาบน้ำพร้อมบอก"วันนี้ไม่กินข้าวนะแม่ จะนอนเร็วพรุ่งต้องไปโรงเรียนแต่เช้า" เออ มันรู้จักคิดเป็นเหมือนกันเนาะต้องไปโรงเรียนแต่เช้า
หวังว่าพรุ่งนี้มันคงไม่ถามนะว่า "แม่ฝ้าย สวยยัง" เพราะแม่รันเบื่อที่จะต้องโกหกแล้วว่า สวยแล้วลูก ดูดีแล้วลูก มันก้อเด็กๆ นั่นแหละจะไปหาความสวยที่ไหนได้ มีแต่ใสตามวัยเค้า 
                  พอวันเสาร์ เจ้าฝ้าย นั่งเล่นเอ็มด้วยสีหน้าขรึมๆ ส่วนแม่รันนอนดูทีวีรายการโปรดอยู่ สักพักหู แว่ว เสียงสะอื้น อื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอะ แม่รันคิดฉันไม่ได้ดูละครนี่หว่า แล้วใครร้อง หันไปมองเจ้าฝ้าย เห็นนั่งก้มหน้าน้ำตาหยด เมะ เมะ แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง พยายามกั้นอย่างสุดกำลังจนแม่รันกลัวว่าถ้าฝ้ายมันกลั้นสะอื้นหนักๆ อย่างนั้นประเดี่ยว เถอะได้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปู้ดป้าด กันมั่งหรอก เลยตัดสินใจถาม "เป็นไรหรอ ฝ้าย เพื่อนตาย หรอลูก" แนะยังหยอดแบบแช่งลูกคนอื่นซะงั้น พอได้ยินเสียงแม่ถามเท่านั้นแหละ เสียงร้องของเจ้าฝ้ายดังทวีคูณขึ้นทันที โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พร้อมน้ำตาไหลพรากราวกับน้ำตก 7 ชั้นก็ไม่ปาน "โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ แม่ดูมันต่ะ ดูมัน "  "ดู อะไรหรอ ฝ้ายมีรัยหรอ"
"โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ไอ้.........มันบอกรักคนอื่นขึ้นผ่านเอ็ม มันไม่เอาชื่อฝ้ายขึ้นแม่มันรักคนอื่น  มันเจ้าชู้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ" ฯลฯ เวรแล้วมั๊ยล่ะ รันเอ๋ย ทีนี้จะสอนลูกงัยดีหว่า คนแรกซะด้วย แม่รันเลยบอกลูกเหมือนในละครไปว่า" น่าลูก เค้าไม่รักเราไม่เป็นรัยนี่ ฝ้ายยังมีแม่ เนาะ มันไม่เห็นความดีของฝ้ายแต่แม่เห็นผู้ชายอย่างนี้นะ คบไม่ได้หรอกลูก เนี่ย ที่โบราณว่าไว้ว่าคบกับหมา หมามันเลียปาก อ้าว " รันนึกได้ว่าเข้าตัว เลยบอกกับลูกใหม่ ว่า "นะลูกนะโอ๊ย เดี๋ยวก้อเจอคนใหม่ ตอนนี้ตั้งใจเรียนถ้าเราเรียนเก่งไม่ต้องไปง้อหรอก เดี๋ยวมีคนมาถามการบ้านเราเองแหละ"  "แล้วมันเกี่ยวกันหรอ แม่"  ฝ้ายถาม "เกี่ยวซิ คนไหนมาถามการบ้านเรา เราก็พิจารณาไปด้วยซิว่าคนนี้ สมองแค่ไหน เป็นคนแบบไหน คบได้เปล่า น่า มันต้องใช้เซ้นส์นะลูก " เรื่องนี้เล็กน้อยมากวัยสำหรับลูก
เรื่องเรียนต้องมาก่อนเข้าใจมั๊ย"  ฝ้ายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจพร้อมเดืน เข้าห้องตามปกติ แม่รันก็คอยมองอย่างห่วงๆ อยู่ห่างๆ อีก เรียกเป็นระยะๆๆ จนรู้สึกแล้วว่ามันคงไม่คิดสั้นแน่ แม้ เรื่องแค่นี้ เดี๋ยวลูกก็ลืมแล้ว

           ตอนเย็นวันนั้นแม่รันเลยชวนลูกสาวไปเที่ยวห้าง ถือเป็นการหักเหความคิด ไปเรื่องอื่นซะ เอ้าอยากได้เสื้อ ซื้อ  แต่ทีนี้มาแปลกฝ้ายไม่เลือกแนวหวานแวว เลือกเสื้อยืดวัยรุ่น พร้อมมีสัญญลักณ์ เพลบอย สร้อยวัยรุ่น เพลบอย
เอ้า ช่างเค้า มันก็สไตส์วัยรุ่นนั่นแหละ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายใส่ดี 
            ร่งขึ้นวันอาทิตย์เจ้าฝ้ายบอก "แม่ ขอตังส์ตัดผมหน่อย มันยาวแล้วเดี๋ยวโดนหั่น"  "เอ้า เอาไป"  สักพักเจ้าฝ้ายกลับมาพร้อมผมตัดเต๋อ เออมันก็ดูดีนะแม่รันคิด 
             เช้าวันจันทร์ ได้ยินห้องเจ้าฝ้ายเปิดตั้งแต่ ไม่ 6 โมงเช้า เสียงอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมตะโกนเรียก "ป๊า ๆๆๆๆๆๆ เสร็จยังไปได้แล้ว เดี๋ยวสาย" แม่รันชักงง โผล่หน้ามาดูเห็นเจ้าฝ้าย หวีผมแบบเสย ไม่ทาแป้ง แถมออกมันๆ ด้วยซ้ำทั้งที่เพิ่งอาบน้ำ แม่รันจึงถาม ทำไมไม่หวีผม ทาแป้งให้สวยล่ะลูก "  ได้ยินเจ้าฝ้ายบอกป๊า กับ แม่รันด้วยเสียงดังฟังชัดเจนว่า

          "ฝ้ายไม่อยากสวยแล้วฝ้ายอยากหล่อ ฝ้ายจะเป็น ทอม"

"โถ  ฝ้ายลูกแม่ แล้วแม่จะสอนลูกให้เป็นทอมยังไงละเนี่ย แม่ไม่เคยเป็นทอมซะด้วย ถ้าเป็นแม่คงไม่มีแกหรอก นะฝ้ายเอ้ย"  แม่รันเพียงแต่คิดในใจ แต่หูได้ยินเสียงหัวเราะ หึ หึ ของปะป๊า ที่เดินกอดคอลูกสาวไปขึ้นรถ......


 
kapook41746xf9.gif

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกชมนวรรณ
Lovings  กชมนวรรณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกชมนวรรณ