18 กรกฎาคม 2550 22:57 น.
กชมนวรรณ
อยู่กับรอยน้ำตา
อยู่กับวันที่ฟ้าหม่น
ไม่มีสักคนจะเห็นใจ
เหนื่อยมานานแสนนาน
เหนื่อยกับคืนฝันร้าย
ไม่มีอะไรที่สวยงาม
มันอาจเป็นเพียง
แค่บททดสอบจากเบื้องบน
คงมีเหตุผลที่เป็นอย่างนี้
บอกใจอย่าได้ไหวหวั่น
สักวันฟ้าจะต้องเปลี่ยนสี
ชีวิตคงไม่ร้ายกว่านี้
ต้องมีวันพรุ่งนี้ที่เป็นของเรา
เจ็บเป็นธรรมดา
ปล่อยน้ำตามันไหลไป
ห้ามมันไม่ไหวก็ช่างมัน
แต่อย่าเพิ่งท้อใจ
ปลอบตัวเองอยู่ทุกวัน
ว่าคงไม่นานจะพ้นไป
มันอาจเป็นเพียง
แค่บททดสอบจากเบื้องบน
คงมีเหตุผลที่เป็นอย่างนี้
บอกใจอย่าได้ไหวหวั่น
สักวันฟ้าจะต้องเปลี่ยนสี
ชีวิตคงไม่ร้ายกว่านี้
ต้องมีวันพรุ่งนี้ที่เป็นของเรา
ชีวิตคงไม่ร้ายกว่านี้
ต้องมีวันพรุ่งนี้ที่เป็นของเรา
8 กรกฎาคม 2550 20:20 น.
กชมนวรรณ
กลับมาทำไมใยต้องกลับ
จงไปลับดับหายให้เหมือนสูญ
ใจฉันด้านจนชาไร้อาดูล
เคยเกื้อกูลคืนกลับอย่ากลับมา
เมื่อตอนจากฝากไว้แค่ความหลัง
ใจฉันพังครั้งนั้นไม่คิดหา
รักเธอหยุดสุดสิ้นเคยเมตตา
เมื่อถึงคราคิดหวลอย่าหวังเลย
มาวันนี้มีให้ใจเราย้อน
ใจมันถอนจรลาแล้วพี่เอ๋ย
อย่าคิดหวังรักกลับมาเหมือนเคย
เจ็บแล้วเอยเลยจำเคยซ้ำใจ
ไม่ขอหันฝันกลับรักที่ลับ
ไม่ขอจับรักร้าวมาแก้ไข
เมื่อตัดขาดก็ควรจากกันไป
อยู่ห่างไกลใจกันนั่นแหละดี
23 มิถุนายน 2550 19:22 น.
กชมนวรรณ
ฝากบทกลอนแทนคำจำนรรจา
ได้พึ่งพาพี่ชายในหลายเรื่อง
พี่เป็นครูผู้สอนให้ปราดเปรื่อง
แม้บางเรื่องไม่ควรรู้ครูไม่เมิน
ยามคิดหนักยากจักหันหาไหนใคร
แต่ในใจเล็งพี่มิมีเขิน
หยุดต่อล้อหากเหนื่อยพอให้เพลิน
จึงคิดเดินตามทางที่วางปู
ในบางครั้งคราติดขัดจัดนอกแถว
พี่วางแนวค้นหาพาเรียนรู้
ประสบการณ์คัดหามาเล่าสู่
เป็นดั่งครูผู้สร้างหนทางดี
คำขอบคุณอาจช้าไปสักนิด
แต่ไม่คิดลืมเลือนเหมือนหลีกหนี
จะนับหนึ่งซึ่งมิตรจิตไมตรี
มิตรที่ดีหาได้ไม่ยาก เลย
22 มิถุนายน 2550 23:12 น.
กชมนวรรณ
ไม่อยากเห็นแววตาฝากความหวัง
ไม่อยากฟังคำใดพาใจหมอง
ไม่อยากเป็นสิ่งใดให้ใครปอง
ไม่อยากมองหน้าตาหวังงานดี
เห็นแววตา พี่น้องฝากความหวัง
คิดหันหลังหันทิ้งแล้ววิ่งหนี
ไม่เคยคิดสักวันว่าจะมี
ดวงฤดีร้าวรอนเหมือนอ่อนแรง
เพราะเหตุการณ์ วันผ่านไม่สงบ
ต้องมาพบเหมือนดินแตกระแหง
เหมือนประชานั่งบนตะแรงแกรง
เหมือนกำแพงแสนหนักมาทับทรวง
ผู้ใหญ่หวังผลงานจึงเร่งสร้าง
อัตราจ้างไม่หาน่าตะขวง
คอยคิดแต่จะสร้างซึ่งภาพลวง
เลยวายป่วงล่วงดับยับลงพลัน
สร้างงานมาพาไว้ที่ตรงไหน
หน่วยงานใดไหนรับช่วยรังสรรค์
อย่าปล่อยให้ชาวบ้านต้องโจษจันท์
สิ่งสำคัญเร่งแก้เดี๋ยวแย่นาน
เรื่องที่ทุกข์สุดท้อก็ตลาด
สร้างงานเกลื่อนดื่นดาษเหมือนของหวาน
สร้างจนล้นพ้นเก็บงบต้องบาน
ชาวบ้านอานท่านผ่านผลงานเอย
7 มิถุนายน 2550 17:48 น.
กชมนวรรณ
อยากให้เราเข้าสู้กู้วิกฤติ
ตั้งเอาจิตบริสุทธิ์.ฉุดความหวัง
อย่ารอให้ไทยที่เรารักต้องมาพัง
อย่ามัวนั่งฝังฝากโชคชะตา
จงรีบลุกฉุดจิตให้คิดสู้
เร่งเรียนรู้การณ์ใดที่กังขา
หรือเฝ้ารอขอคอยกาลเวลา
เร่งพัฒนากันเถิดจงเปิดใจ
จงตั้งจิตคิดประเทศเป็นความหวัง
สร้างพลังสรรค์สร้างทางสดใส
คิดมุ่งมั่นปั้นเสกประเทศไทย
ให้เกริกไกรทั่วหล้าฟ้าอมร
ทำทุกวันนั้นให้ดีมีคุณค่า
หยุดเข่นฆ่าตั้งเป็นอุทาหรท์
ทั้งเกื้อกูลเหมือนมิตรจิตอาทร
พึงสังวรณ์สอนใจไม่ทำลาย
ไม่ต้องจับศาตราวุธมากู้หน้า
หากเข่นฆ่าพาชาติเราเสียหาย
คงจะต้องถึงกาลที่วอดวาย
คงต้องอายขายหน้าชาวพารา
[Caption.iT - Picture Captions]