6 มีนาคม 2551 11:01 น.
กชมนวรรณ
ดอกรำเพยต้องแสงงามไสว
เหลืองสดใสไกวแกว่งแลงามสม
ดอกสวยล้อแดดพลิ้วปลิวตามลม
ดูน่าชมกลมกลืนดื่นละลาน
โดนแดดอ่อนส่งศรีเป็นสีสด
ยิ่งงามงดกลีบแย้มแต้มประสาน
สายลมโปรยกิ่งเอนเล่นตูมบาน
อยู่รวมชานร่วมช่อล่อสายตา
ระริกไหวใยรักสมัครสมาน
หากผสานก้านดอกออกกลีบหนา
ต้านลมแรงแดดร้อนช่วยผ่อนพา
มองดูดีมีค่าน่าชมเชย
ช่อรำเพยเผยจิตเมื่อคิดย้อน
เหมือนจักสอนซ่อนนัยใคร่อยากเผย
อวดกลีบเหลืองเฟื่องฟูอยู่ชิดเกย
ทุกดอกเอยเผยงามเมื่อยามรวม
สายลมแรงแกล้งหยอกให้ดอกช้ำ
ฝากรอยย้ำซ้ำหนักเมื่อหละหลวม
อีกแดดร้อนหนอนยอกซอกกลีบบวม
เจ้าคงอ่วมน่วมหนักหลักคลอนแคลน
เจ้ารำเผยเอ่ยรำพันนับวันหมอง
ไม่สนองครองจิตมิตรหวงแหน
อันดอกใดไหนเลยจักมาแทน
มิเหมือนแม้นไม้อื่นดื่นสายพันธุ์
ริ้วรอยช้ำซ้ำปล่อยไมตรีเหงา
คงเหลือเพียงภาพเงากับรอยฝัน
ยอมไหวเอนเคลื่อนเบียดเสียดสีกัน
แม้นถึงวันโรยราเหลือค่าใด...
1 มีนาคม 2551 07:22 น.
กชมนวรรณ
กอดตัวเองเพ่งดูดาวบนปลายฟ้า
ทนเหว่ว้าหาดาวประกายแสง
แสนหดหู่อยู่อย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง
ดาวลับแสงแฝงหายฟ้ามืดมน
ใช่เพียงเราเหงาหนักกับรักหมอง
ฟ้าฉลองรองรับความสับสน
จึงก้มหน้าก้าวเดินอย่างอดทน
ฟ้าส่งฝนหล่นรับซับน้ำตา
ฟ้าหรือฉันกันหนอที่ร้องไห้
ทำแค่ได้ป้ายมือป้องตรงหน้า
ให้ยอมรับกับคำกล่าวอำลา
ฟ้าอาสาเป็นเพื่อนเมื่อฝนพรำ
มองทางไหนใจเอ๋ยมีแต่เหงา
ยืนแอบเสาริมถนนฝนกระหน่ำ
ชะล้างใจได้ไหมหนอ..ให้ลืมคำ
เธอเอ่ยย้ำ...จำลามิใช่เรา
สายฝนพรำน้ำตาซึมสะอื้นไห้
ก้าวต่อไปใจวอนฟ้าผ่อนเหงา
ให้ดาวคืนเยือนแสงคลายซบเซา
เพื่อว่าเราได้หายคลาย...คิดถึง.
28 กุมภาพันธ์ 2551 08:47 น.
กชมนวรรณ
ในวันว่างร่างกลอนตอนสนุก
ให้เป็นมุขลองอ่านสานเรื่องขัน
เป็นตำนานทักษิณนิยมกัน
จึงลองผันมาเขียนเรียงเป็นกลอน
เรื่องนิทานกาลก่อนสอนไว้นัก
ให้ตระหนักมักเป็นอุทาหรณ์
เรื่องเขม่นข่มขวัญ..กันแน่นอน
เขยคนจรซ้อนกล..คนพ่อตา
อันพ่อตาว่าแน่มาแพ้พ่าย
ด้วยอุบายเขยแสบแทบผวา
หลายเรื่องราวงัดข้อต่อกันมา
ร้าวอุราหน้าแตกแลอับอาย
หลากเรื่องราวคราวแค้นให้แน่นอก
ต้องคอยถกปัญหาที่มากหลาย
จำต้องแก้เล่ห์กลด้วยอุบาย
จนมากลายเป็นนิทานที่อ่านมา
มีวันหนึ่งพ่อตาจับปลาดุก
ล้างแล้วคลุกขลุกเกลือทั่วตัวหนา
แสนยินดีมีอาหารสุดยอดปลา
รสโอชาย่างปิ้งแกล้มน้ำเมา
ย่างจนสุกลุกไปเพื่อจัดหา
หยิบจานมาจัดใส่เจ้าปลาเผา
เจ้าลูกเขยตัวดีคิดย่องเบา
พอคล้อยเงาพ่อตาสวาปาม
จัดการปอกลอกหนังปลาดุกย่าง
เหลือเนื้อก้างวางไว้ไม่เกรงขาม
ฝ่ายพ่อตามาถึงพอรู้ความ
ยืนขบกรามงานนี้มีเอาคืน
เหมือนลิขิตขีดไว้ได้ทวงกลับ
ถึงลำดับสับเปลี่ยนมิอาจฝืน
เขยต้มเผือกเปือกไม่ปอกหลอกพ่อกลืน
ทำลุกยืนขืนกายเดินหายไป
ฝ่ายพ่อตาพาตัวพร้อมหัวร่อ
ถึงแล้วหนอวันนี้มิสงสัย
รีบปอกเปลือกเผือกร้อนกินทันใด
หารู้ไม่ได้ตกหลุมโดนเขยอำ
เขยตัวแสบทำทีรีบรี่กลับ
ใจสดับทับถมปนนึกขำ
หยิบเผือกที่ปอกออกกัดทีละคำ
แถมเปรยเยาะตอกย้ำช้ำพ่อตา
มาวันหนึ่งถึงฤดูลงกล้าข้าว
ทั้งกล้าจ้าวกล้าเหนียวมากหนักหนา
ลูกและเมียจัดสำรับให้พกพา
ถึงเวลาหาทานงานผ่อนคลาย
ด้วยความเหนื่อยเมื่อยล้าพาให้หิว
เดินตัวปลิวรีบตักกับข้าวหลาย
นั่งร่วมวงตรงหัวนาลมสบาย
พลันหนึ่งชายพ่อตาดันผายลม
เสียงสนั่นลั่นดังพลั้งสุดกลั้น
เขยรีบปั้นสีหน้าและด่าขรม
พ่อตาอายขายหน้าข่มอารมณ์
เปรยคำคม ลมมันแรง.. ฟ้าร้องดัง
เจ้าลูกเขยเลยขยับจับผ้าถุง
แล้วฉี่พุ่ง...มุ่งไปตรงพ่อนั่ง
พ่อรีบลุกหลบตัวส่งเสียงดัง
ไอ้เขยงั่ง...ชังมึงนักจักทำไร?
เขยประสาทกราดคำทำทายท้า
ตะโกนว่าฟ้าร้องแล้วใช่ไหม?
น้ำที่ราดกราดทั่วคือฝนไง
พ่อตาไวคว้าถาดจับฟาดโครม
เขยตัวแสบแปลบเจ็บตรงที่หัว
แต่มิกลัวรัวถามพายุโหม
พ่อทำไมไยฟาดถาดจู่โจม
แล้วถาโถมโครมโครมลงกะบาล
พ่อตาตอบปลอบใจในเขยรัก
แจ้งประจักหักบอกออกเล่าขาน
เมื่อฟ้าร้องก้องดังฝนประทาน
ก็ถึงกาลฟ้าผ่าต่อมาเอย
เจ้าเขยแสบแปลบหัวไม่กลัวพ่อ
ลุกขึ้นล่อถีบส่งลงนอนเฉย
ส่วนพ่อตาเจ็บระบมฟังมันเอ่ย
ฟ้าผ่าเลย..โดนพ่อถ่อกระเด็น
ตามท้องเรื่องเปลื้องไว้เพียงเท่านี้
เรื่องคดีเขยรักมักจะเห็น
เกิดตำนานขานเล่ากันเช้าเย็น
จึงกลายเป็นนิทานตำนานมา
22 กุมภาพันธ์ 2551 16:59 น.
กชมนวรรณ
ในสังคมคนเราทุกวันนี้
ทั้งคนดีและพาลผล่านผสม
ร้อยความคิดร้อยจิตมีร้อยคม
ผ่านอบรมปนเประเนชน
หากคิดแต่แค่หากัลยณมิตร
สปริตคิดดีมิสับสน
เพื่อกันตัวของเราไม่ร้อนรน
แล้วเล่ห์กลคนลวงล่วงรู้ไง
การเรียนรู้ทุกอย่างสร้างสติ
เรื่องอุตริพานพบจบสงสัย
ผ่านเข้ามาหาเราเก็บเกี่ยวไป
เรื่องจิตใจใคร่ครวญทบทวนกัน
ทุกสิ่งอย่างวางกฎลดหย่อนบ้าง
คนเลวสร้างเจดีย์อย่าเห็นขัน
คนดีอาจชั่วมั่วได้ในสักวัน
ความผกผันเปลี่ยนแปลงคือแน่นอน
ทุกสิ่งอย่างคนพาลย่อมทำได้
จดจำไว้ให้เป็นอุทาหรณ์
เป็นคนดี.. ดีจริงหรือละคร
พึงสังวรณ์สอนตัวเพื่อวัดใจ
เรื่องดีชั่วตัวเราย่อมรู้แยก
ความคิดแตกแจกแจงแจ้งสิ่งไหน
อยู่ที่เราเข้าหาหนทางใด
ลึกแล้วไซร้ใครทุกผู้รู้ชั่วดี.
18 กุมภาพันธ์ 2551 09:16 น.
กชมนวรรณ
ตกบ่วงรักปักทรวงปานประหนึ่ง
จะไร้ซึ่งดวงฤทัยของพี่หนา
หากมิได้พานพบสบสายตา
ขวัญชีวาคงด่าวดิ้นสิ้นลมปราณ
กระวนกระวายกระส่ายกระสับ
เฝ้าสดับจับเจ่าอยากเล่าขาน
ไม่ได้บอกคิดถึงคงซมซาน
ใจอยากสานสัมพันธ์ฉันกับเธอ
เป็นบ่วงรักยากนักจักผลักไส
แสนหวั่นไหวไกลตัวกลัวจะเผลอ
พาลเจ็บปวดรวดร้าวจริงนะเออ
คิดเสมอเพ้อครวญรัญจวนใจ
ห่วงเสมอว่าเธอจะมีทุกข์
ต้องคอยซุกอารมณ์ที่หวั่นไหว
ว่าอยู่ดีมีสุขเป็นอย่างไร
คิดถึงกันบ้างไหมใคร่รู้จริง
ส่งอักษรกลอนเปล่าเพื่อสื่อสาร
ถ้อยที่จารผ่านบอกกับยอดหญิง
ติดบ่วงรักรัดใจมิไหวติง
อยากแนบอิงพิงพักตรงตักนาง