9 เมษายน 2551 00:38 น.
กชมนวรรณ
ณ ดินแดนแห่งกาลลานมนุษย์
มิสิ้นสุดเรื่องราวให้เล่าขาน
จึงสร้างเรื่องเฟื่องเล่ากล่าวตำนาน
เป็นนิทานจารกลอนเพื่อสอนตัว
สมมุติเกิดเทวีผู้เฉิดโฉม
นางประโลมเสกสร้างสว่าง...สลัว
หากลุ่มหลงตกลงตรงเมามัว
เทวียั่วเริงร่ายพ่ายกระเจิง
แม้นต้องมนต์โดนพิษฤทธิ์ร้ายเหลือ
เสกหวานเจือเพื่อสนองให้ต้องเหลิง
แล้วแผดเผาเร่าร้อนด้วยฟอนเพลิง
ส่งลงเวิ้งห้วงเหวเปลวอารมณ์
บ้างผันผ่อนต้อนชนสู่มนต์ขลัง
สร้างพลังสร้างฝันผันสุขสม
หลากลีลามากกลิ่นหอมชวนดอมดม
แล้วโปรยพรมลงทั่วธรณิน
เป็นดอกไม้สีสดจรดสรวง
ให้คิดหวงหวังครองปองถวิล
เป็นสายชลชื่นฉ่ำจรรโลงดิน
เป็นดั่งศิลป์จินต์หมายให้ได้มา
แม้นวิโยกโศกตรมมิสมหวัง
กลายร่างดังอสุรีบี้หินผา
มีพลังทำลายเหลือคณา
ต้องมนต์ตราอารมณ์จมภวังค์
ไม่มีเส้นขีดคั่นปรารถนา
เทวีพาสุขสู่ผู้สมหวัง
หากพลัดพรากนางมอบตอบชิงชัง
มนุษย์ยังหาญกล้าเข้าท้าทาย.
4 เมษายน 2551 09:40 น.
กชมนวรรณ
เป็นนกน้อยถูกพรากจากอกแม่
มาตั้งแต่เยาว์วัยไร้ทางหนี
เขาจับกักขังกรงเลี้ยงอย่างดี
ไม่ประสีประสาเรื่องหากิน
ถึงเวลาเขายื่นเหยื่อมาป้อน
ยืนเกาะคอนร้อนหนาวเปล่าถวิล
ขยับปีกเพียงกรงน้อยคอยโบยบิน
ความเคยชินกินอยู่รู้เวลา
แค่รู้จักพาตัวบินทั่วกรง
มิพะวงพงไพรเหิรเวหา
ไร้เภทภัยด้วยกรงคุ้มกายา
ส่งภาษาเจื้อยแจ้วในกรงทอง
เห็นโลกกว้างผ่านกรงแค่สงสัย
เรื่องป่าใหญ่ไพรกว้างทั้งเพื่อนผอง
เจ้านกน้อยเกาะคอนแค่ยืนมอง
นึกอยากลองท่องนภาพนาไพร
เห็นกรงเปิดเพริศจิตจึงคิดหนี
เจ้าผกผินบินรี่สู่ฟ้าใส
มิเคยรู้สู้ด้นร่อนบินไป
ป่ากว้างใหญ่ฟ้าสูงสุดแรงโบย
แสนอนาถคาดผิดเจ้าคิดหนัก
ไม่รู้จักหาอาหารประทังโหย
จะหาฝูงรวมกลุ่มก็อิดโรย
สายลมโชยโอบเจ้าลงเคล้าดิน.
31 มีนาคม 2551 07:17 น.
กชมนวรรณ
รอยน้ำค้าง
พรมเย็นพร่างร้างลาเมื่อคราสาย
ชะโลมใจให้ชุ่มก่อนซุ่มวาย
ทิ้งกลิ่นอายกลายลาจางจากไป
ยามเช้าตรู่
เยือนแค่ครู่อยู่รับความสดใส
ตะวันแผดแดดแรงแสงสาดใจ
เป็นเหมือนไฟไหม้ทรวงลวงแล้วลา
กลิ่นสายหยุด
กรุ่นประดุจฉุดสายใจเสน่หา
ครั้นยามสายหายร้างกลิ่นจางซา
เตือนย้ำว่าสิ่งใดไหนยืนยง
แว่วสายลม
พลิ้วแผ่วพรมโลมกายให้ไหลหลง
พลันพัดผ่านหว่านเหงาเผ้าพะวง
ให้งวยงงดงรักเหมือนหักไป
รอยคำหวาน
เพียงคำขานซ่านจิตให้หวั่นไหว
กลับเรรวนปรวนแปรแท้ร่ำไร
แล้วฝากไว้ใจเศร้าเคล้าเพียงเรา
รอยความหวัง
เป็นซากพังฝังลึกให้นึกเหงา
มีเหลือเพียง..เสียงกระซิบและภาพเงา
ความว่างเปล่ารอยร้างสร้างรอยชัง
รอยอดีต
ดั่งมีดกรีดดวงจิตยากคิดฝัง
หมั่นคอยหลอนคลอนใจให้ประดัง
ไร้สิ่งหวังรั้งเหนี่ยวเกี่ยวแดดวง
เคยร่วมฝัน
นับแต่วัน..นั่นคือรอยที่คอยหวง
เก็บความสุขลึกลึกผนึกทรวง
ชื่นทั้งปวงล่วงรู้อยู่ผู้เดียว
26 มีนาคม 2551 10:53 น.
กชมนวรรณ
โอ้...ว่าใจไยหวนรัญจวนเศร้า
ฉันใดเล่าเจ้าโศกวิโยกแสน
หรือถวิลถิ่นเก่าสู่เมืองแมน
ณ ดินแดนแหนหวงช่วงนานเนา
มิรู้หรือ? คือถิ่นอันต้องห้าม
อย่าคิดลามถามข่าวจะอายเขา
สู้หาสุขพลิกฟื้นผืนดินเรา
อย่าหลงเงาเก่าร้างสร้างสิ่งควร
หยุดอาลัยให้หาวาจาหวาน
คงซมซานนานเหลือเมื่อคิดหวน
หากยังรั้นดั้นด้นคงเซซวน
หยุดคร่ำครวญทวนทบสงบใจ
จงดับทุกข์ซุกเก็บแม้เจ็บเอ๋ย
อย่าคิดเผยเลยเจ้า..เฝ้าหวั่นไหว
จงหมั่นเติมเสริมรักถักสายใย
หยุดหลงไหล...ใคร่ครวญชวนระแวง
เจ้าอยู่ดีมีสุขมิใช่หรือ?
อย่าคิดยื้อถือห่วงเรื่องแสลง
คำว่า รัก หักจบลบเปลี่ยนแปลง
แค่แสดง...ไมตรี.. ตรง.. ที่เดิม
16 มีนาคม 2551 16:15 น.
กชมนวรรณ
ลันตาในแดนฝัน จึงหมายมั่นเพื่อมาหา
ฟ้าครามงามติดตา คลื่นซัดซ่าพารื่นรมย์
สายลมบ่มแดดอ่อน ใบสนว่อนร่อนทับถม
วอนเอยวอนสายลม โบกสุขสมฝากเขาที
ต่างชาติต่างภาษา เอื้อนวาจาหน้าสุขขี
ยิ้มแย้มแจ่มฤดี ณ แดนนี้หาดสำราญ
คลองดาวขาวสะอาด ดุจภาพวาดคลื่นสาดสาน
ไม่เหลือรอยตำนาน "สึนามิ" ผ่านพ้นภัย
ทะเลที่สัมผัส สายลมพัดล้วนสดใส
พร้อมแขกจากถิ่นไกล มากน้ำใจผู้มาเยือน
รับสุขเพียงหลับตา ล่องจิตพาไปเสมือน
ลมพริ้ว ลิ่ว ลิ่ว เตือน ชมดาวเดือนพราวกลางใจ
ธรรมชาติรังสรรค์ แดนสวรรค์อันสดใส
มิอยากจากเลือนไกล คงหวั่นไหวเมื่อเอ่ยลา